iannnnn's Blog, page 17

June 20, 2014

ลงคอมยันเช้าในรอบเกือบสิบปี

เรื่องมันเป็นยังงี้ครับ เมื่อวานนี้ไปเยี่ยมญาติของเมียที่โรงพยาบาลรามาฯ พอเสร็จแล้วโบว์ก็บอกว่า “เดี๋ยวกลับบ้านก่อนเองก็ได้ ให้เตงไปงานคอมมาร์ตละกัน”


ชีวิตเปลี่ยนเลยครับพี่น้อง


ผมก็เลยนั่งรถไฟฟ้าไปงานคอมมาร์ตที่ศูนย์สิริกิติ์ แบบที่ไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาก่อนหน้านี้เลยสักนิด แม้แต่แบตมือถือก็เหลือไม่ถึงครึ่ง (ถ้าเป็นไอโฟนนี่ถือว่าวิกฤตแล้ว แต่นี่โน้ตสามครับ รอด #อวย) ผมโดดมาทำภารกิจนี้ เพื่อมุ่งหน้าไปซื้อโน้ตบุ๊กเครื่องใหม่ให้เมีย!


ตัดภาพย้อนกลับไปในอดีต โบว์มักจะบ่นอยู่ตลอดเวลาว่า “แมคบุ๊กเตงใช้ยากว่ะ” ซึ่งก็สมควรนะครับ เพราะไม่ว่าจะเป็นคอมหรือมือถือของผมเนี่ย เป็นอุปกรณ์ที่ผ่านการปรับแต่งเพื่อความถนัดส่วนตัว อย่างที่ไม่เป็นมิตรกับผู้ใช้คนอื่นที่มายืมเล่นอย่างเด็ดขาด ใครที่มีนิสัยแบบนี้เหมือนกันก็คงนึกออกใช่ไหมครับ ที่พอมีใครมาใช้ก็จะถามระคนบ่นตลอด ว่าไอ้นั่นอยู่ไหน ไอ้นี่ทำไง ทำไมไม่เหมือนเครื่องชาวบ้านวะ นั่นคงเพราะนิสัยรำคาญความ default ของมันที่โคตรไม่ถูกใจเลย อาการนี้เป็นเหมือนกันหมดโดยเฉพาะกับอุปกรณ์พกพาทั้งแอปเปิลทั้งซัมซุง


เนื่องจาก default มันรองมือรองตีนได้ดีไม่พอ ดังนั้นก็เลยต้องเที่ยวไปหาตัวอื่นที่มันถนัดมือกว่ามาลง ถ้าเปรียบเป็นก๋วยเตี๋ยวก็คงใส่พริกใส่น้ำตาลจนแม่ค้าค้อนขวับ


นี่คงเป็นนิสัยของคนที่โตมากับการซื้อคอมประกอบเอง เอาลงวินโดวส์(เถื่อน)ให้ญาติมิตรบ่อยๆ ตั้งแต่โบราณล่ะมั้ง? (เออ เอาจริงๆ ตั้งกะสมัยยังเป็นดอสแน่ะ)


จนวันหนึ่งเลิกใช้วินโดวส์ หันไปใช้แมคเต็มตัวทั้งเครื่องตั้งโต๊ะและเครื่องฝาพับ ก็ยังเป็นผู้ใช้ที่ศาสดารังเกียจ เพราะไปลงนั่นเสริมนี่แบบที่ดูจะเป็นยี่ห้อมะม่วงมันมากกว่าแอปเปิลแคลิฟอร์เนีย


เหยาะเหตุนี้เอง เมียข้าพเจ้าจึงบ่นฉิบหาย จนวันหนึ่งก็มาถึงจุดพีก เมื่อโบว์ประกาศกร้าวขึ้นมาว่า


“งั้นซื้อโน้ตบุ๊กใหม่เลยละกัน แยกกันใช้ จะได้ไม่ต้องคอยบ่น”


โป๊งงง ตัดภาพกลับมาคอมมาร์ตเลยครับ บล็อกจะได้ไม่ยาว แค่นี้แม่งก็ไม่เหลือคนอ่านอยู่แล้ว


ผมมางานคอมมาร์ตครั้งล่าสุดคือหลายปีก่อน รู้สึกจะมาแบบงงๆ คล้ายๆ แบบนี้แหละ แต่ก็ตั้งใจจะซื้อของอยู่แล้ว (จำไม่ได้ว่าซื้ออะไร) ก็เลยไม่เสียเที่ยว


ส่วนโจทย์คราวนี้ชัดเจน คือจงซื้อโน้ตบุ๊กใหม่ให้เมีย โดยกำหนดคุณสมบัติดังนี้

• ราคาไม่เกินสองหมื่น เกินบาทเดียวก็ไม่เอา

• ขอเครื่องสวยๆ สีชมพูได้ยิ่งดี


หลังจากเดินดูทั้งงานก็พบว่า ตลาดโน้ตบุ๊กโคตรหดตัวเลยครับ จำได้ว่ามาคราวก่อนยังทึ่งอยู่เลยว่าเดี๋ยวนี้คนเริ่มซื้อโน้ตบุ๊กกันมากกว่าพีซีแล้ว ไอ้เราตอนนั้นยังใช้คอมประกอบเครื่องเท่าควายอยู่เลย แต่นี่คลื่นลูกใหม่อย่างพวกมือถือและแท็บเล็ต ได้เข้ามากลืนกินงานคอมมาร์ตจนอย่าว่าแต่คอมใหญ่เลย ขนาดโน้ตบุ๊กเองที่เคยเห็นมีตัวเลือกมากมาย ก็เหลือแค่ไม่กี่สำนัก ความหลากหลายของดีไซน์ตัวเครื่องสนุกๆ ก็หดหายไป ไปบูมในส่วนอุปกรณ์พกพาแทน จนแทบจะเป็นโมบายเอ็กซ์โปอยู่แล้วเนี่ย


สุดท้ายหลังจากหลงไปซื้อเก้าอี้นวดมา (ถ่ายรูปพริตตี้ทวีตไว้ด้วย (เขียนบล็อกในมือถือเลยแนบลิงก์ไม่ถนัด (เมียเห็นแล้ว (โอเค ยังรอด)))) ข้าพเจ้าก็เลือกคอมฝาพับมาได้สำเร็จเป็นจำนวน 1 ea


windows8


มันคือ Lenovo Yoga 11 อะไรสักอย่างจำไม่ได้ รหัสตัวเลขจำยากยังกะเบอร์โทร ราคาป้าย 24,990 แต่ซื้อจริง 22,490 บาท ที่ซุ้ม IT City (ที่จริงทุกร้านมันก็บอกราคาจริงถูกกว่าป้ายทั้งนั้นแหละครับ แหม ทำเป็นกระซิบบอกว่านี่ลดพิเศษ ตูก็ถามอ่อยให้กระซิบงี้ทุกร้านเหมือนกัน)


สรุปว่าตั้งสรรพคุณมายังงั้นเอง พอเจอเครื่องนี้มันเบาดี สวยด้วย จอสัมผัสอีก แถมยังพับตีลังกาได้ด้วย เป็นอันได้เสียครับ


แวะชมไอทีซิตี้นิดนึง ระบบรอสินค้าในงานของเขาสนุกดี มีไอติมแจกคนนั่งรอด้วย โดยคนตักไอติมเป็นพริตตี้ใส่เสื้อบอลแบบสั้นเห็นสะดือ แล้วก็ก้มๆ เงยๆ ตลอดเวลา ประเสริฐจนอยากส่งสติกเกอร์ไลน์ให้


พอถึงบ้านปั๊บ สามทุ่ม เมียกำลังจะหอบลูกขึ้นไปนอนพอดี เลยรีบแกะกล่องหยิบสินค้ามาอวดเจ้าของซะก่อน โบว์ทำท่าทางถูกใจ ก็โอเค มิสชันคอมพลีต ไปนอนได้ ที่เหลือเดี๋ยวเราจัดการต่อเอง


ใครมันจะไปรู้ว่าไอ้ “ที่เหลือ” ที่ว่านี่ แม่งคือทำให้ผมต้องอยู่ยาวถึงตีห้า.. (นี่เพิ่งเข้าเรื่องประเด็นของบล็อกตอนนี้)


ประเด็นก็คือผมเคยใช้วินโดวส์ตัวล่าสุดแค่เวอร์ชันเจ็ดครับ (มีลิขสิทธิ์ตัวท็อปด้วยนะ) ซึ่งก็คิดว่ามันดีอยู่แล้ว เลยไม่ได้คิดจะจ่ายตังค์อัปเกรดเป็นแปดแต่อย่างใด แถมยังไม่ชอบ 8 ที่มันออกแบบชุดสีของอินเทอร์เฟซแบบใหม่ได้แก่หง่อมไปหน่อย (เหตุผลเท่านี้ก็เพียงพอปะ)


การมานั่งงมตั้งค่านั่นนี่เอาป่านนี้ เลยช้ากว่าชาวบ้านเขาประมาณนามที่เพิ่งดูวอล์กกิ้งเด๊ดซีซั่นแรกจบแล้วหาคนคุยไม่รู้เรื่อง (ถามใครก็เสือกสปอยล์กูอีก)


แล้วคือไอ้ที่มันขายพร้อมมากับเครื่อง (โดยอ้างว่าแถม) เนี่ยมันเป็นวินโดวส์แปดจุดถ้วนไงครับ ทีแรกก็ไม่รู้ เพราะใช้ไม่เป็นด้วยแหละ เลยกว่าจะงมหาวิธีเปลี่ยนเป็น 8.1 ได้ก็ครึ่งคืน คือพี่แกไม่ยอมให้อัปเกรด ถ้ายังไม่แก้กรรมทุกอย่างให้จบสิ้น นั่นคือ “อัปเดตทุกอย่างในวินโดวส์(เดิม)เสียก่อน”


ไอ้ผมก็งมๆ กูเกิลๆ ยูทูบๆ หาวิธีจนรู้ว่าอ๋อ ไอ้ที่เรากดแล้วนั่งรอเม็ดแมงลักมันขยับเด้งๆ นี่คือปกตินะ มึงรอไปนะ กูไม่บอกความคืบหน้าใดๆ นอกจากข้อความว่ากำลังโหลดนะ


คือถ้าเป็นยุคก่อนมันจะบอกหมดไงครับ มากี่บิตกี่ไบต์ เหลืออีกกี่นาที ต้มมาม่าได้กี่ถ้วย มันบอกหมด แต่ยุคแห่งมินิมัลนี่มีแค่เม็ดแมงลักเด้งๆ แหม คนกรุงเทพฯ สมัยนี้มันใจดำจริงๆ


หลังจากรอไปนานเป็นชั่วโมง หันไปดูจออีกที อ้าว มันดันบอกว่าไอ้ที่อัปเดตตะกี้น่ะ มีบางอย่างผิดพลาด (ไม่บอกด้วยนะว่าผิดอะไร) กรุณากดโอเค อ้ะๆ แต่ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเรา Roll back กลับไปให้เหมือนเดิม แป๊บนะ


แป๊บพ่อง


เลยเริ่มทั้งกระบวนการใหม่อีกครั้ง แต่คราวนี้ผมมีประสบการณ์ เลยนั่งโซเชียลไปพลาง ทำงานไปอีกพลาง (ให้ทายว่าฝั่งไหนเยอะกว่ากัน)


ไม่รู้บอลคืนนี้ใครต่อยกับใคร แต่ทีวีที่บ้านดาวเทียมเจ๊ง ไม่ได้ต่อเสาอากาศ คือเอาไว้ดูยูทูบอย่างเดียว ก็เลยไม่ได้ดูบอลฆ่าเวลา การที่วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันและต้องนั่งดูอีแมงลักพูดน้อยและพร้อมจะหักหลังกูอยู่ทุกเมื่อที่ลืมหันไปดูจอนานๆ นี่มันไม่ใช่เรื่องสนุกนัก


ผมเลยแก้เกมด้วยการติดฟิล์มกันรอย!!!


คือที่ซื้อมามันแถมฟิล์มมาแผ่นนึงครับ แต่ไม่ติดให้นะ ทีแรกจะเอาไปจ้างซุ้มระบบติดฟิล์มในงานให้เขาติดให้ แต่ดูคิวแล้วไม่สู้ดีกว่า เคยลองติดมือถือเมียมาแล้วทีนึงก็พบว่ายากสัสๆ จนต้องแกะทิ้งทั้งแผ่นเพราะมีแต่ฝุ่นและฟองอากาศ


ยังนึกอยู่เลยว่าคนที่ทำอาชีพติดฟิล์มนี่ พี่โคตรเทพเลยนะ มือพี่ต้องนิ่ง ใจกรรมก็ต้องนิ่ง หายใจเข้าออกเป็นจังหวะสม่ำเสมอ อุปกรณ์ทุกส่วนของพี่ต้องสะอาดปลอดเชื้อ ปลอดกระทั่งเม็ดฝุ่นขนาดเล็กกว่าตาเห็น หรือถ้าเผอิญมีฝุ่นหลุดเข้าไปจริงๆ ก็มีวิชาเทวดาที่ถ่ายทอดกันมาในวงการ คือการเอาเทปกาวจิ้มๆๆ อ้าว สะอาดแล้ว ไล่ลมๆๆ โป๊ะ เรียบร้อย จ่ายเงิน เฮ้ย!


หันกลับมาดูตัวเอง สภาพย่ำแย่สุดขีด นี่มีทั้งฝุ่นทั้งฟอง สภาพหน้าจอตอนนี้คือบัดซบมาก ผิวคอมเมียผมตะปุ่มตะป่ำดั่งคางคกสาวแรกรุ่น นี่ขนาดนั่งบรรจงจับเครื่องมาหงาย ควบคุมสภาพห้องแล็บให้ปลอดฝุ่น พยายามหายใจเบาๆ แบบร้านติดฟิล์มละนะ แล้วแปะแผ่นใสตาม instruction ที่ดูง่ายจนใจชื้น แต่ชีวิตจริงไม่ง่ายเลยครับพี่ตูน ตอนนี้สิวกรังเลยครับ


กว่าจะค่อยๆ กำจัดฝุ่นและฟองออกจากจอคอมไปได้ การอัปเดตวินโดวส์แปดรุ่นดั้งเดิมก็เสร็จพอดี


หันไปดูนาฬิกาอีกที ตีสาม


อีเหี้ย เวลาผีออกละไหมนี่


ผมตรวจเช็กสภาพหน้าจอภายนอกอีกครั้งก่อนจะเก็บเทปกาวนิตโต้ บัดนี้ดูเจ้ายังไงก็เหมือนคอมสงครามโลก ผ่านศึกมาแล้วนับไม่ถ้วน แต่ก็นะ ข้าทำด้วยใจ งานหัตถกรรมมันมีเสน่ห์ตรงความไม่เนี้ยบนี่แหละ #ปลอบใจตัวเองรัวๆ


ทันใดนั้นเองก็นึกได้ว่านี่มันยังเป็นวินโดวส์แปดถ้วนอยู่นี่หว่า นี่เราต้องรออีกนานเท่าไหร่กันจึงจะได้เป็น 8.1 อันแสนทันสมัยไฮโซน่าโอ้อวดแบบชาวบ้านเขา


เอาจริงคือไม่เคยเห็นวินโดวส์ 8.1 ของจริงหรอกครับ รู้แค่ว่าไอ้เจ้า 8.0 ส้นตีนนี่มันให้ประสบการณ์การใช้งานที่บัดซบระยำหำหมามาก ทำไอ้นั่นไอ้นี่ไม่ได้ดั่งใจคิดสักอย่าง (ไมโครซอฟท์มึงจ้างเด็กฝึกงานมาดูแล UX รึไงวะ) จนต้องรีบอัปเกรดหรือหาวิธีการที่ทำให้เมียตื่นมาตอนเช้าแล้วลองใช้งานดูปั๊บละไม่ถุยน้ำลายใส่จอ (ทำไมบ้านนี้สถุลจังคะแม่)


ปรากฏว่าบทจะง่ายก็ง่ายครับ กดอัปเกรด จิ้มโอเคทีสองที เห็นตัวเลขเปอร์เซ็นต์(!!!!!!) แล้วก็สบายใจ ไปขี้ อาบน้ำ และเล่นมือถือรอได้เลย


พักใหญ่ต่อมา ก็เสร็จครับ เปิดเครื่องมา ชะแว้งงง เฮ้ย จับๆ ลากๆ ปรับนั่นขยับนี่ได้ดีกว่าเก่ามาก ดีใจครับ ความรู้สึกเกลียดชังทั้งปวงที่มีมา พลันมลายหายไปทันที เหมือนดั่งได้ดูรายการคืนความสุขให้กับประเทศไทยติดต่อกันทั้งวัน คือมันดีจริงๆ นะครับ ถึงจะเจอความดีนี้ช้าไปกว่าชาวบ้านเขา แต่ก็ถือว่าตอนนี้ใช้วินโดวส์แปดเป็นแล้ว และพบว่าแม้ยังจะให้ประสบการณ์การใช้งานที่ไม่สมบูรณ์เต็มร้อยเท่าไหร่ แต่พัฒนาการหลายอย่างของมันถือว่าดีมากๆ โดยเฉพาะกับการรองรับนิ้วมือสัมผัสเนี่ย เจ๋งมาก รู้สึกว่าคิดถูกแล้วที่ซื้ออีส้มนี่มา แถมยังเกินงบด้วย แต่ก็ยังถูกกว่าเอาเงินไปซื้อแมคบุ๊กแอร์เยอะะะะะมากกกกกก


เรื่องนี้จึงสอนให้รู้ว่า การไปอยู่ในโลกของแอปเปิลซะนานจนลืมไปว่าฝั่งวินโดวส์เองก็เดินทางมาไกลอย่างเปี่ยมประสบการณ์ และมีทางออกที่น่าสนใจในยุคหลังพีซีนั้น ถือว่าพลาดซะแล้วมึง แต่ทำไงได้ล่ะ จ่ายค่าโปรแกรมฝั่งแมคไปหลายบาทแล้ว 囧


เหตุผลเดียวกับคนที่ใช้ไอโฟนและด่าแอนดรอยด์ว่ากากมาตั้งแต่สมัยไหน ว่าพี่ครับ พี่ลองจับรุ่นใหม่ๆ (เอาที่ราคาน้องๆ ไอโฟนก็ได้) ครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ ลองเล่นดูซะ ลองดูความเจ๋งในนวัตกรรมนอกกะลาผลไม้ดูบ้าง แล้วจะเสียดาย ที่ดันถลำตัว ซื้อแอปไปเยอะจนไม่กล้าเปลี่ยนค่าย เยี่ยงข้าพเจ้าที่ใช้แมคเอย #ทำไมแซะล่ะ


ป.ล.

ตายตาหลับเลยครับ จะไม่หลับได้ไง แม่งตีห้าแล้ว ง่วงจนหนังตาหนักแทบจะหล่นลงไปถึงแกนโลก กว่าจะปิดไฟเดินกว้างขึ้นไปนอนข้างบนห้องก็ได้เวลาเมียตื่นมาฉี่มื้อเช้าซะแล้ว


The post ลงคอมยันเช้าในรอบเกือบสิบปี appeared first on ไอ้แอนนนนน.คอม.

 •  0 comments  •  flag
Share on Twitter
Published on June 20, 2014 09:27

June 15, 2014

กติกาการอวยสินค้าและบริการของข้าพเจ้า

คิดว่าจะหายไปพักใหญ่แล้วนะ แต่ช่วงนี้กลับมี (พนักงานฝ่ายอะไรสักอย่างของ) สินค้าบริการบางประเภท ชอบมาขอให้ผมเขียนรีวิวให้ บ้างก็แลกกับสิทธิประโยชน์บางอย่าง บ้างก็ให้เขียนเฉยๆ โดยไม่ได้มีค่าตอบแทน แต่ที่เหมือนกันเลยคือทั้งสองประเภทที่ว่ามานี้ไม่รู้ไปใช้วิธีอะไรมาจิ้มหาตัวเลือกผู้รีวิว จนมาเจอผม.. คงคิดว่าทวิตเตอร์ที่พูดแต่เรื่องขี้ หรือบล็อกที่ไม่มีคนอ่านนี้ น่าจะทำประโยชน์ให้สินค้าบริการเขาได้ละมั้ง แน่ใจนะครับ?


รู้สึกว่าเรื่องนี้เคยเขียนไว้นานแล้ว แต่ไม่ค่อยตรงประเด็นนี้เท่าไหร่ เลยขอเขียนสรุปไว้อีกที เผื่อใครจะส่งอะไรมาอีกจะได้อ่านและไม่ต้องมาเซ็งกันครับ



ใครจะส่งอะไรมาให้ทดลองใช้ ผมยินดีครับ สนุกดี เป็นความสนุกแบบเนิร์ดๆ ส่วนตัว ที่ได้ลองเล่นอะไรแปลกๆ (โดยเฉพาะพวกขิงเล่นไฮเทคทั้งหลาย) ถึงจะไม่ได้ตังค์ ไม่ได้อะไรเลยนอกจากได้ลองเล่น หรือต้องเสียเวลาเดินทางไปรับไปส่งของก็ยังยินดี ข้อแรกฟังดูดีใช่ไหมครับ งั้นอ่านต่อ
ถ้าสินค้าหรือบริการนั้นดี ก็จะชม แต่ถ้าห่วยก็จะด่า มันก็ง่ายๆ เท่านี้เอง
ไม่รับเขียนชมอย่างเดียว หรือเขียนเสร็จแล้วต้องส่งต้นฉบับไปให้เกลาก่อนเผยแพร่อะไรแบบนี้ ผมไม่ใช่ลูกจ้างของคุณ
ถ้ามีสิทธิประโยชน์ใดๆ ติดมากับการรีวิว เช่นได้ของแถม หรือได้ตังค์ ผมเอาครับ ได้ตังค์หรือขายวิญญาณก็เอาครับ เอาหมด แต่จะเขียนบอกไว้ชัดๆ ขอไม่อุ๊บอิ๊บ ดังนั้นจึงขอ “งด” รีวิวอะไรก็ตามที่กติกาว่าห้ามบอกว่าได้สิทธิพิเศษอะไรมา คืองี้ครับ ผมเกลียดหน้าม้า เกลียดการ seeding (ยิ่งได้รู้ว่าวงการดิจิทัลเอเจนซี่เขาเรียก “หน้าม้า” แบบสวยๆ ว่า seeding และทำกันเป็นเรื่องปกติแบบไม่ได้รู้สึกผิดอะไรเพราะใครๆ เขาก็ทำกัน ยิ่งเกลียดแบบเกลี๊ยดเกลียด เฮ้ยมึงทำลายระบบนิเวศน์อยู่นะรู้ไหม–รู้สิ)
เกณฑ์การรีวิวนั้น จะขอพูดถึงเฉพาะสิ่งที่ผมสนใจครับ เช่น สมมติมีมือถืออันนึง จะให้มาทดสอบ CPU หรือประสิทธิภาพของเกม 3D อะไรแบบนี้ บายจ้ะ
ผมใช้ทวิตเตอร์เป็นหลัก เฟซบุ๊กนั้นเอาไว้ทำงานครับ ไม่ได้เอาไว้เล่นเลย นานๆ จะตอบคอมเมนต์คนอื่นที ดังนั้นมาถามเรื่องจำนวนเพื่อน หรือจำนวนผู้ติดตาม หรือเพจที่ดูแล ฯลฯ อะไรพวกนี้ บาย
ทุกข้อที่กล่าวมานี้ขอย้ำอีกทีครับ ว่าถ้าไม่รู้จักผมอย่ามาเสียเวลาเปล่าเลย ลองหาคนที่รับจ้างเป็นหน้าม้ามีอยู่ทั่วไปเยอะแยะครับ

เออ อ่านแล้วดูโอหังดีเว้ย งั้นเอาตามนี้ละกัน ขอบคุณครับ


The post กติกาการอวยสินค้าและบริการของข้าพเจ้า appeared first on ไอ้แอนนนนน.คอม.

 •  0 comments  •  flag
Share on Twitter
Published on June 15, 2014 08:42

สไลด์ประกอบการเสวนา UX101: ออกแบบอย่างไรให้ใช้ง่าย

วันก่อน อีเบนท์มาชวนไปบรรยาย ให้พูดเรื่องอะไรก็ได้ ปกติผมเจอแบบนี้ก็จะปฏิเสธทันทีด้วยความสุภาพว่า “ไม่ล่ะ ขี้เกียจ”


แต่นี่มันน่าสนใจตรงที่ “จัดที่ราชบุรีนะพี่”


ถามมันว่าใครจัด มันบอกผมจัดเองส่วนตัวเลยพี่ อยากให้มีแบบนี้ที่ราชบุรีบ้าง เพราะคนที่กรุงเทพฯ เขามีโอกาสเยอะแล้ว แต่งานมันจะเล็กมากเลยนะ เพราะไม่ได้มีหน่วยงานอะไรมาสนับสนุน หรือโปรโมตอะไรเลย เฟซบ๊งเฟซบุ๊กก็ไม่มี แค่แปะป้ายไว้ที่ร้านกาแฟ dKunst ที่จัดงานเฉยๆ (บ้าที่สุด)


งานฟรีแถมต้องเดินทางไกลแบบนี้ก็เลยตอบตกลงไปทันที โอเควะ พาลูกเมียไปเที่ยวราชบุรีอีกทีดีกว่า


ปรากฏว่างานเสวนาครั้งนี้เป็นงานเล็กๆ โคตรๆ จริงๆ ครับ มีคนฟัง 5-6 คน :30:


พูดไปเกือบชั่วโมง กับอีก 2 คนคืออีแบงค์ (สไลด์สวยมาก) และอีเบนท์ เจ้าของงานอีกคนละ 15-30 นาที จึงจบงาน และแยกย้ายกันไปกินข้าวตากยุง (อร่อย ชื่อร้านอะไรนะ คราวหน้าจะไปกลางวันๆ)


และนี่คือสไลด์ครับ คิดว่าน่าจะพอพลิกๆ ดูแล้วจับประเด็นได้ว่าพูดอะไรไปบ้าง ขี้เกียจบรรยายแล้ว มันยาวววว



ป.ล.บางภาพที่นำมาใช้ไม่ได้ให้เครดิตที่มาครับ เลวจริงๆ แต่คือเผาสไลด์กลางดึกเลยหลุดๆ ไปครับ กราบขออภัยเจ้าของภาพทุกท่าน


The post สไลด์ประกอบการเสวนา UX101: ออกแบบอย่างไรให้ใช้ง่าย appeared first on ไอ้แอนนนนน.คอม.

 •  0 comments  •  flag
Share on Twitter
Published on June 15, 2014 01:26

June 3, 2014

รีวิว TSwipe-Pro Keyboard for Android (คร่าวๆ)


เมื่อคืนนี้ดู WWDC2014 (ที่จริงไม่ได้ดูสดหรอก มันชนเวลาทำงานพอดี เลยมานั่งอ่านสรุปเอาหลังงาน) แล้วมีฟีเจอร์นึงของ iOS 8 ที่ผมว่าเจ๋งมาก คือเราสามารถ “เปลี่ยนคีย์บอร์ด” ไปใช้คีย์บอร์ดนอกได้แล้ว!!!! มหัศจรรย์!!! นี่ถ้าจะแขวะกันก็คงบอกว่า แอนดรอยด์แม่งทำได้มาห้าสิบกว่าปีแล้ว แต่เราจะไม่ทำ เพราะอะไรดีๆ เราก็อยากให้ก็อปกันครับ ผู้ใช้ได้ประโยชน์นี่นา


เผอิญว่ามีคนสงสัยว่าคีย์บอร์ด iOS แต่เดิม (ที่ฉันก็ว่ามันเลิศอยู่แล้วนะ)เนี่ย มันสู้ของแอนดรอยด์ไม่ได้จริงๆ เหรอ ก็จะบอกว่าสู้ไม่ได้เลยครับ ห่างชั้นกันมากๆ (แต่ต่อจากนี้ไปจะสู้ได้และแซงไปด้วยซ้ำ) เพราะมือถือแอนดรอยด์นั้นให้อิสระกับผู้ใช้ในการเลือกแป้นพิมพ์สำหรับ input ค่าต่างๆ ลงในระบบได้มาแต่ไหนแต่ไร มันก็เลยมีคนที่ออกแบบคีย์บอร์ดสารพัดยี่ห้อ และหลากหลายเทคโนโลยี ไม่เว้นแม้แต่นักพัฒนาไทยที่ทำออกมาก็หลายเจ้า


ส่วนของผมเองนั้นใช้ของ TSwipe ครับ เป็นคีย์บอร์ดที่ทำอะไรได้เยอะมากกกก มากจนนั่งอธิบายให้ฟังหรือทวีตเกทับกันสั้นๆ คงมีเวลาไม่พอ ผมเลยทำคลิปนี้ขึ้นมาอวดครับ


ถ้าขี้เกียจฟังน้ำๆ ก็จิ้มเอาเฉพาะช่วงเวลาได้นะ


2:32 ทดลองเปลี่ยนฟอนต์ได้นะ

3:30 เปลี่ยนตีม

4:30 การเพิ่มลบคำศัพท์ลงไป

5:40 การจัดการคลังคำศัพท์

6:49 อีโมจิ และความสามารถอื่นๆ

7:28 โหมดภาษา / สัญลักษณ์ / Navigation tools

8:10 การพิมพ์ข้อความด้วยเสียง (อันนี้สาธิตแล้วแป้ก)

9:10 Web key (พิมพ์ข้อความผ่าน url)


ที่จริงยังมีฟีเจอร์อีกเยอะแนะเลยครับ หรือแม้แต่ความเมพของการ swipe ภาษาไทยที่แม่นมากๆ และฉลาดขึ้นเรื่อยๆ ตามนิสัยของผู้ใช้เอง แต่ตอนอัดคลิปดันลืมโชว์ เฮ้ย 5555 :05:


The post รีวิว TSwipe-Pro Keyboard for Android (คร่าวๆ) appeared first on ไอ้แอนนนนน.คอม.

 •  0 comments  •  flag
Share on Twitter
Published on June 03, 2014 02:57

May 29, 2014

ข


พอดีนั่ง backup ข้อมูลในคอมขึ้น Google Drive เลยเจอการ์ตูนนี่ วาดไว้ตั้งกะปี 2549 (2006) แน่ะ พอดีบล็อกเก่าที่เคยอัปไว้สมัยนั้นพังไปแล้ว (จำได้ว่าคนคอมเมนต์หลักร้อยได้ ก็มันเป็นยุคก่อนเฟซบุ๊กนี่นา) ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เลยขออัปใหม่อีกทีละกัน


ป.ล.การ์ตูนใหม่ๆ ดันไปวาดในเพจ Endcut หมดเลย เลยไม่ได้ใส่ในบล็อกเลยแฮะ งั้นรอเฟซบุ๊กเจ๊งก่อนคอยทำสำเนามาที่นี่อีกทีจ้ะ


The post appeared first on ไอ้แอนนนนน.คอม.

 •  0 comments  •  flag
Share on Twitter
Published on May 29, 2014 01:21

May 27, 2014

███‏███‏███‏███‏

███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏ ███‏███‏███‏ ███‏███‏███‏███‏███‏███‏ ███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏ ███‏███‏


███‏███‏███‏


███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏ ███‏███‏███‏███‏ ███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏ ███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏ ███‏███‏███‏███‏███‏ ███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏ ███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏ ███‏███‏ ███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏ ███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏ ███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏ ███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏ ███‏███‏ ███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏ ███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏ ███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏ ███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏ ███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏ ███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏ ███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏ ███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏████‏███‏███‏███‏███‏███‏ ███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏ ███‏███‏ ███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏ ███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏ ███‏███‏███‏███‏██‏███‏███‏ ███‏███‏███‏ ███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏ ███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏ ███‏ ███‏███‏███‏███‏███‏ ███‏███‏


███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏ ███‏███‏ ███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏ ███‏████‏███‏███‏███‏███‏███‏ ███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏ ███‏███‏ ███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏ ███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏ ███‏███‏███‏███‏██‏ ███‏███‏███‏███‏███‏


███‏ ███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏███‏ ███‏


The post ███‏███‏███‏███‏ appeared first on ไอ้แอนนนนน.คอม.

 •  0 comments  •  flag
Share on Twitter
Published on May 27, 2014 08:42

May 15, 2014

หรือ PayPal จะเป็นศัตรูกับวงการระดมทุน

เพิ่งได้รับอีเมลจาก Indiegogo มาสดๆ ร้อนๆ ใจความสรุปได้ว่า “PayPal ได้บล็อกการระดมทุนผลิต FlashQ”


#ผมถึงกับอึ้งไปเลยครับ


ในใจความจดหมายยังบอกเป็นเชิงตัดพ้ออีกว่า ตอนนี้วงการ Crowdfunding กำลังระส่ำระสาย เพราะว่าขาใหญ่แห่งวงการธุรกรรมอย่าง PayPal นั้นดันมีนโยบายหรืออะไรก็มิอาจทราบได้ (เพราะเขาถามไปก็ไม่ยอมตอบ มันเป็นระบบออโต้) ที่จะบล็อกการระดมทุนที่มีการโอนเงินเยอะๆ แต่ยังไม่มีการส่งของจริงๆ (ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดาของการระดมทุนนะ เขาหาตังค์มาผลิตของนี่หว่า) โดยเฉพาะอย่างยิ่งแคมเปญไหนที่ได้รับความสนใจ หรือได้รับการระดมทุนทะลุเป้า อย่างเจ้า FlashQ เนี่ย หรือเจ้าอื่นๆ ที่โดนเหมือนๆ กัน สรุปว่าซวยกันยกกระบิครับ


เออ ก็อปมาลงซะก็หมดเรื่อง


PayPal blocked FlashQ going into reality (Posted on MAY 15, 2014)


On MAY 12, 2014, PayPal has limited our account and frozen all the funds we have raised, roughly $62,000, for unspecified reasons (a suspicious withdrawal or deposit). We contacted PayPal (Hong Kong) 3 times via phone and email these days. The feedback was disappointed, with PayPal’s obtuse and unresponsive “automatic” process. We were finally told that PayPal would be keeping the funds frozen until we get the product delivery done. PayPal’s act is ridiculous when contrasted with the crowdfunding business model. When a startup entrepreneur doesn’t have access to startup capital, he / she can’t produce the product.


Stick to our schedule, we are going to use the fund for material procurement and mold tooling. Everything alright in our project so far, except that PayPal’s freeze makes us unable to go further. If funds frozen can be resolved in a week, we can keep our schedule and the promise to the product delivery by Sep.


Googling tells that PayPal has a long and storied history of freezing money raised in crowdfunding campaigns, especially for the high-profile campaigns. We are not alone. We keep speaking to PayPal and INDIEGOGO about this funds frozen issue. We have faith that we are in the right and will thus prevail.


Being responsible and transparent to our backers, we will keep updated in http://igg.me/at/flashq Update section, and via our Facebook and Twitter account (@lightpixlabs).


Thanks for reading, and thanks again for your support.


flashQ


ว่าแต่ อะไรคือ FlashQ?

มันคือตัวสั่งแฟลชแยกสำหรับตากล้องครับ (“สั่งแฟลชแยก” นี่ไม่รู้วงการตากล้องเขาเรียกว่ายังไง พอดีไม่ได้อยู่ในวงการ 5555 ก็คือการยิงแฟลชที่อยู่ข้างนอกกล้องแบบไร้สายน่ะครับ) คือ E-P5 เนี่ยมันเป็นกล้องที่สั่งแฟลชนอกไม่ได้ การมีไอ้เจ้านี่มาก็เลยน่าจะช่วยให้การถ่ายภาพสนุกขึ้น ดูแคมเปญแนะนำตัวอย่างเป็นทางการได้ที่นี่ หรืออ่านข้อมูลเพิ่มได้จากเว็บ ZoomCamera (ผมทราบข่าวมาจากคุณ @m_piya อีกที นี่ก็สาวก mirrorless ตัวยง) หรือไม่ก็ดูได้จากคลิปนี้ครับ



(พรีเซ็นเตอร์น่ารักมาก ทราบมาว่าเป็นหนึ่งในสองเจ้าของด้วย)


จะเห็นว่ามันน่ารักน่าใช้มากเลย แถมตัดปัญหาความวุ่นวายสารพัดที่เจอตอนถ่ายรูปไปได้เยอะเลย ที่สำคัญก็มีสาวแว่นเป็นพรีเซ็นเตอร์นี่แหละ ผมเลยกดซื้อไปอย่างไม่ลังเลครับ


flashQ-raised


โครงการ FlashQ เป็นหนึ่งในโครงการที่ระดมทุนในเว็บ Indiegogo ได้อย่างถล่มทลาย (ตั้งเป้าไว้ $25K ได้มาตอนนี้ $62K แน่ะ) เพราะใครจ่าย $30 หรือ $39 ก็ได้เจ้า FlashQ มาแล้วอันนึง (ราคารวมส่งแล้ว แต่ต้องรอส่งช่วงเดือนกันยาแน่ะ) แต่ตอนนี้กำลังเผชิญชะตากรรมสุดดราม่า เมื่อตังค์ทั้งหมดที่โอนเข้าแคมเปญนี้โดน PayPal บล็อกเรียบร้อย แล้วเจ๊ทั้งสองคนและ Indiegogo จะหาทางออกอย่างไร


แล้วผมจะได้ของหรือได้ตังค์คืนไหม :05: โปรดติดตาม


อัปเดต 1: เห็นว่าทางผู้ผลิตกำลังอุทธรณ์อยู่ครับ “เรามีความมั่นใจว่าจะชนะ” ก็สาธุ


The post หรือ PayPal จะเป็นศัตรูกับวงการระดมทุน appeared first on ไอ้แอนนนนน.คอม.

 •  0 comments  •  flag
Share on Twitter
Published on May 15, 2014 22:52

May 4, 2014

ความทรงจำสมัยเป็นทหารเกณฑ์ทะลักล้นออกมาดั่งทำนบแตก

สรุปสำหรับคนขี้เกียจอ่านยาวๆ: บล็อกตอนนี้อวยกระทู้เล่าเรื่องในพันทิปในซีรี่ส์ “ประสบการณ์ เรื่องเล่าของตุ๊ดมนุษย์เงินเดือนขี้ขลาด ต้องเป็นทหารเกณฑ์ รับเงินเดือน 9,000 บาท แต่ก็ผ่านพ้นจุดนั้นมาได้” ซึ่งตอนนี้มีหลายตอนมาก กดเข้าไปอ่านเอง แต่ต้องขยันอ่านและว่างมาก (1, 2, 3.1, 3.2, 4)


ในยุคที่พันทิปเปลี่ยนแปลงไปเยอะ(ในทางที่ดีขึ้น) มีเรื่องเล่าของตัวเองให้อ่านเป็นนิยายนับพันนับหมื่นเรื่อง ผมตามทวิตเตอร์ @pantip_kratoo และกดอ่านอันที่น่าสนใจ (ส่วนมากเป็นเรื่องใต้สะดือปะ) ก็มาเจออันนี้ที่อ่านแล้วเออ ขอคารวะ ยกให้เป็นตำนานเลยละกัน


มันเป็นชุดกระทู้ (เรียกว่าชุดเพราะมีหลายภาคต่อกัน) ว่าด้วยตุ๊ดคนนึงที่เป็นตุ๊ดไม่แสดงออก คนรอบกายไม่รู้ แต่ตัวเองน่ะตุ๊ดสุดๆ เลยครับ เรียนเก่ง ปริญญาสองใบ แล้วอยู่ดีๆ ก็อกหัก เดินมึนๆ ไปสมัครเป็นทหารเกณฑ์เฉยเลย พล็อตเริ่มต้นประมาณนี้ตอนแรกที่ผมกดเข้าไปอ่านก็กะว่าฮาแน่ๆ คือแบบ มึงเล็งกระเจี๊ยวทหารทั้งกองร้อยแน่ๆ


แต่ผิดถนัดเลยครับ มันไม่ฮาเหมือนกระทู้ที่เขียนโดยตุ๊ดแบบที่เราจำๆ กัน (จขกท บอกว่าตัวเองไม่อ่านหนังสือนิยาย ไม่ได้เป็นนักเขียน ซึ่งพอเราอ่านก็เชื่อนะ เพราะสำนวนและชั้นเชิงทางภาษาไม่ใช่สไตล์นักเขียน แต่ถ้าบอกว่าเป็นทนาย อันนี้เชื่อ) แต่กลับเจ๋งตรงที่ความละเอียดในการเล่าของเจ้าของกระทู้ ที่ละเอียดเกินไปรึเปล่าวะ จำได้แบบเป็นวันๆ เลย วันนี้บ่ายโมง จับไข่เพื่อน วันนั้นนอนกอดกัน อะไรแบบนี้


คือถ้าตัดดีเทลยุบยิบๆ แบบที่ต้องการเขียนยั่วให้ผู้อ่านฟินจิ้นตาม หรือพวกใส่สีใส่ไข่อะไรแล้วเนี่ย ถือเป็นชุดกระทู้ที่เล่าประสบการณ์การเป็นทหารเกณฑ์ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยอ่านมา คือผมเองก็โดนทหารมา 2 ปีนะ (ผมเข้ารุ่น 47 ผลัด 1 .. เหี้ย สิบปีมาแล้วนี่หว่า) แต่ความตั้งใจในการละเลียดกลั่นกรองและจดจำประสบการณ์มาบอกต่อนั้นเทียบชั้นกับ จขกท ไม่ติดเลยครับ คือเคยหยิบมาเล่าเสี้ยวนึงนะ นอกนั้นคือบันทึกไว้ในสมุดจดหมด ด้วยหวังว่าวันนึงจะเรียบเรียงเอาแบบที่ออกอากาศเกือบได้มาเล่าในบล็อกหลังจากปลดทหาร คิดไกลขนาดจะเขียนเป็นต้นฉบับไปส่งอะบุ๊กเลยด้วยซ้ำ 5555 (สมัยนั้นยังเขียนแนวๆ อวดสำนวนน่าหมั่นไส้ และยังไม่มีเรื่องกับ วทน ถึงขั้นแตกหักนะ) ซึ่งเอาเข้าจริงก็ขยันไม่พอ จนตอนนี้ความทรงจำมันคืนกลับเข้าสู่ลิ้นชักไปหมดแล้ว ไอ้ที่เคยเขียนเล่าไว้ในบล็อกแค่เสี้ยวนึงก็หายไปกับระบบที่พังและกู้คืนไม่ได้ ความทรงจำดิจิทัลนี่มันแย่จริงๆ


โอ๊ย เล่าแล้วก็เสียดายบล็อกโพสต์เก่าๆ ฮือๆ T-T


กลับมาเข้าเรื่อง ในขณะที่เจ้าของกระทู้เล่าเป็นมหากาพย์ละเอียดยิบ เล่าเหตุการณ์ของตัวเองเนี่ย อ่านแรกๆ ก็จะเซ็งนิดนึง และหยุดอ่านไป (เพราะคิดว่าเราน่าจะได้เห็นสำนวนตลกๆ แต่มันไม่ค่อยตลก) นั่นคงเพราะมันเป็นเรื่องที่เราเคยเจอมาหมดแล้วในค่ายทหารมั้ง เลยปิดแอป (อ่านในแอป) แล้วก็ปล่อยเวลาให้ผ่านไป … แต่พอวันดีคืนดี เห็นทวีตของ @pantip_kratoo บอกว่าถึงภาค 4 แล้ว ก็เลยกดเข้าไปดู แล้วก็เฮ้ย คนเม้นเยอะมาก โคตรๆ มากๆ เลยเริ่มอ่านตรงภาค 4 ก่อน พบว่ามีเรื่องที่เรายังไม่รู้อีกเยอะมาก เลยนั่งย้อนอ่าน เชี่ยยยยย จขกท พบประสบการณ์เจ๋งๆ ในค่ายที่เหนือกว่าที่ผมเจอมาแบบคนละชั้นกันเลย ติดเลยครับ เอาความทรงจำของตัวเองไปซ้อนทับในนั้นได้ละเอียดยิบ โคตรอยากขุดสมุดบันทึกขึ้นมาอ่านอีกรอบเลยครับ


ข้าพเจ้าสมัยเป็นทหาร (ถ่ายโดย @ohaeey)


คือที่ผมเป็นทหาร 2 ปีนี่ สรุปพล็อตได้สั้นๆ ว่า



จับทหาร ได้ทหารอากาศ อยู่หน่วยอากาศโยธิน (คือเรียกว่าเป็นทหารราบของกองทัพอากาศ)
โดน 2 ปี เพราะปีนั้นใบเกรดออกไม่ทัน บัดซบ
ไปเป็นทหารที่ประจวบฯ เป็นกองบิน 53 (ตอนนี้อัปเกรดเป็นกองบิน 5 เลขหลักเดียวคือใหญ่กว่าสองหลัก)
พอบอกว่าก่อนจับทหารได้ ผมทำงานกราฟิกดีไซน์ ทุกคนในนั้นมองเราด้วยสีหน้าแบบ… อะไรของมึงนะ (สุดท้ายจ่าเรียกผมว่า มึงน่ะเป็นโปรแกรมเมอร์ละกัน โดยแกก็ไม่รู้ว่าโปรแกรมเมอร์คืออะไร รู้แค่ไอ้นี่มันน่าจะช่วยทำรายงานกองร้อยในเอ็กเซลได้ งั้นมึงไปทำคอม จบนะ)
คือ 40% ของคนในนั้นทำประมง 40% เป็นเกษตรกร 30% อื่นๆ ส่วนอีก 20% เถลไถลเกาะพ่อแม่แดก (เกินยังวะ)
กว่าครึ่งเรียนไม่จบ ม.3, 99% สูบบุหรี่, 50% เคยติดคุกมาก่อน!!, 1/3 มีเมียเด็ก!!!
และอีกมากมายหลากหลายสถิติที่ไอ้เนิร์ดๆ อย่างผมไปเจอแล้วโคตรงง คือเป็นโลกที่ไม่รู้จัก (และไม่จำเป็นต้องรู้จัก) ว่าวงสครับมีอยู่ในโลกน่ะ พอนึกออกปะ ถ้ายังนึกไม่ออกก็ให้นึกว่าเป็นโลกที่ไม่รู้จักเว็บพันทิป (และแน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องรู้จัก ชีวิตเขาก็ปกติสุขดี) ดังนั้นรสนิยมและวิถีชีวิตนี่ พลิกกลับ 360 องศาเลยครับ
โดยเฉพาะเรื่องเรต 20+ ทุกอย่างมีครบจริงๆ อยากรู้ไปอ่านในกระทู้ที่ผมอวยอยู่นี่ได้เลย
แต่ของผมมีออปชันเพิ่ม คือไอ้ต้อง ผู้มีควยใหญ่เท่าขวดโค้ก (จริงๆ) (ย้ำ) (จับมาแล้ว) เพราะมันไปฉีดมาตอนติดคุก ความเจ๋งคือมันก็ซื่อๆ นี่แหละ แต่แค่ควยใหญ่ และซ่องที่ไหนก็ขึ้นแบล็กลิสต์ (นี่มันโม้ให้ฟัง) คือจะมีอยู่วันนึงที่เพื่อนทหารนับสิบชีวิตไปนั่งดูมันถกให้ลูบคลำเล่น (คือทหารนี่เห็นกระเจี๊ยวกันเป็นเรื่องสามัญพอๆ กะเห็นหน้าครับ) โอ้ย เจ๋ง คือไม่อยู่ในสถานะที่จะเอาความรู้จากหมอแมวไปเตือนมันได้เลย เป็นโลกที่เออ มึงทำไปเหอะ เน่าเมื่อไหร่บอกด้วย
เนื่องจากความสามารถในการปรับตัวระดับตุ๊กแกของข้าพเจ้า ทำให้ข้าพเจ้าสามารถเนียนใช้ชีวิตกับทุกคนได้อย่างกลมกลืน ทำไปทำมาได้เป็นหัวหน้ากองเฉยเลยเหอะ 5555
เพราะตั้งใจตั้งแต่จับทหารแล้วว่า จับได้ก็โอเค มันคือการสวมหมวกแสดงบทบาทอะไรบางอย่าง แล้วก็จริงตามนั้น คือเตรียมรับประสบการณ์เอ็กซ์ตรีมอย่างเดียว และก็ได้ทุกอย่างตามที่คิด
เป็นทหารใหม่ 6 แต่ฝึกหนักแค่ 10 สัปดาห์ หลังจากนั้นก็ชิวๆ
ชิวมาก ย้ำเลย เนื่องจากมันเป็นค่ายทหารตรงอ่าวมะนาว ดังนั้นทุกอย่างคือความสวยงาม ทะเลสวย บ่ายๆ จ่าใช้ให้ไปจับหอย เย็นๆ แอบหนีออกจากค่ายไปปีนเขาล้อมหมวก (เพื่อการอวดอย่างสมบูรณ์แบบ ทุกท่านกรุณาคลิกดูภาพนี้ โคตรอยากอวดเลย 5555) นอกนั้นก็ตัดไม้ ถางหญ้า ดับเพลิง ซ่อมคอม ฯลฯ
เออ เรื่องซ่อมคอมนี่คือในกองทั้งหมดมีคนเป็นคอมนับได้ 3 คน รวมผมด้วย (ยุคนั้นโลกยังไม่มีไอโฟนนะ) ดังนั้น การทำงานคอมพิวเตอร์แปลว่ามึงต้องทำอะไรก็ได้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ แต่ก็ดี เพราะมันพาให้มีโอกาสเจออะไรเจ๋งๆ อีกเยอะเลย โดยเฉพาะการขอจ่าเอาคอมตัวเองไปทำงานในกองร้อย แล้วผู้กองดันอนุญาต เชี่ยยย
เออ ยุคนั้นมันว่างไง แล้วได้ทำงานใน บ.ก. (กองบัญชาการ) ก็เลยได้ทำฟอนต์เยอะแยะ และเป็นจุดกำเนิดเว็บฟอนต์ในปัจจุบัน (เว็บฟอนต์เกิดในค่ายทหาร!) อย่างฟอนต์ที่ประทับใจคือ iannnnnDVD นี่ จำได้เลยว่าหลังจากออกวิ่งตีห้าเสร็จ กลับมารอคิวอาบน้ำ เลยเปิดคอม (ในกองร้อย) มานั่งตวัดๆ ได้ฟอนต์ตัวนึงในเวลา 5-10 นาที ทำลายสถิติโลก แล้วตอนนั้นฟอนต์นี้ฮิตด้วยนะ 5555
พอครบ 6 เดือน เขาจะให้แยกไปประจำที่นั่นที่นี่ ของผมมีวาสนาไอ้ย้ายข้ามห้วยมาที่ฐานทัพอากาศดอนเมือง ทำงานหน้าห้อง (คือเป็นเบ๊) ของผู้บัญชาการใหญ่ในหน่วยระดับที่เป็นรองก็แค่ออฟฟิศ ผบ.ทอ.เท่านั้นเอง ใชเวลาอีก 1 ปีครึ่งที่เหลือในเครื่องแบบทหารรัดรูปทุกวัน ทำงาน 6 โมงเช้าถึง 4 โมงเย็นซ้ำๆ ซากๆ ทุกวัน คล้ายๆ เป็นข้าราชการ จนครบสองปี ก็ปลดประจำการ จบ

(รายละเอียดหลายอย่างหล่นหายไประหว่างทางแล้ว แต่ถ้าขุดสมุดบันทึกมาอ่านอาจจะเล่าได้เป็นกิโลๆ)


แต่กับเจ้าของกระทู้นั้นเหตุการณ์มันเพิ่งผ่านมาไม่ถึงปี ผมเลยเชื่อนะครับว่าเหตุการณ์เอ็กซ์ตรีมต่างๆ ที่แม่งประทับใจมากขนาดนั้น เขาจะหยิบมาเล่าได้ละเอียดยิบย่อย (ถึงจะยิบไปนิด แต่ให้เชื่อว่าโครงเรื่องนั้นมันเจ๋งและคู่ควรต่อการจำได้จริงๆ) เพราะเขามีโหมดทะเลาะวิวาทชกต่อยกัน และติดคุกด้วย ซึ่งตอน 3.2 ที่เล่าเหตุการณ์ในคุกนี่เจ๋งมาก ไม่เคยพบไม่เคยเห็น โดยเฉพาะการโดดถังขี้นี่ ลืมไปแล้วว่าที่กองร้อยก็มี 555555


จบแล้วครับ เขียนระบายเฉยๆ ด้วยความเซ็งในความขี้เกียจของตัวเอง ถ้าเรียบเรียงการเล่าให้เป็นระบบตั้งแต่สมัยนั้นคงสนุก ดังนั้นใครอยากทำอะไร ทำเลยนะครับ จะได้ไม่ต้องมาบ่นเป็นคนแก่แบบนี้

 •  1 comment  •  flag
Share on Twitter
Published on May 04, 2014 20:47

April 23, 2014

Bar Bar Bar – Crayon Pop (เนื้อร้องภาษาไทย)

นี่เป็นเพลงเกาหลีเพลงแรกของโลกที่ตั้งใจฟังแบบไม่คลาดสายตา (กังนัมสไล์อะไรนั่นไม่ได้สนใจ ดูแต่ตูดผู้หญิงในเอ็มวี) ประเด็นมันคือยังงี้ครับ…



ตัวเพลงและท่าเต้นต้นฉบับน่ะเป็นของวง Crayon Pop แต่เรารู้จักจากคลิปนี้ก่อน (น้องแอนส่งมา ขอบคุณครับ) ที่มันกรี๊ดมากๆ ก็คือการมีน้องสองคนฝาแฝดรึเปล่าก็ไม่รู้ มาเต้นคัฟเวอร์ คือน่ารักมากๆๆๆๆ กดดูคลิปอื่นๆ ก็รู้เลยว่าน้องสองคนนี้ดังเป็นพลุแตกเลยในประเทศตัวเอง


แล้วที่ฟังแล้วฟังอีกซะหลายๆ รอบ ก็เพราะนิทานกำลังบ้าเต้นเพลงนี้อยู่น่ะครับ (ใครที่คุยกันบ่อยๆ คงรู้ว่าคุณลูกสาวคนนี้เกิดมาเต้นคัฟเวอร์ซะจริงๆ ก่อนหน้านี้ฮิตเพลงคุมะมงเซอร์ไพรส์ (ตอนนี้ก็ยังฮิตอยู่ แต่คือเต้นได้พรุนทั้งเพลงแล้วไง) โดยเรียกเพลง Bar Bar Bar นี้ว่า “เพลงของพี่ๆ ใส่หมวกกันน็อก” (ผมซื้อหมวกกันน็อกสีชมพูให้ลูกพอดี ซึ่งการมีคลิปที่ว่านี้ทำให้ลูกยินดีใส่หมวกเวลาแว้นไปไหนต่อไหนกันทั้งบ้านอย่างยิ่ง)


แล้วพอนิทานบ้าเพลงไหนขึ้นมา ก็จะร้องขอให้เปิดตัลหลอด ทั้งในบ้าน ในรถ ตอนอุ๊จ ตอนฉี่ ตอนนอน ตอนกินข้าว นั่นแปลว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่ที่ดีก็ควรจะร้องได้สักหน่อย (เหรอวะ)


เลยลองหาเนื้อร้องมาแปะไว้ก่อน เจอจากที่นี่ เลยเอามาเขียนเนื้อร้องไทยทับลงไปแทนในส่วนที่เป็นภาษาเกาหลี อาจจะดูเนื้อแล้วอนาถไปนิด แต่ก็เป็นความพยายามจะถอดเสียงตามเสียงวรรณยุกต์ให้ครบถ้วน จะได้อ่านเนื้อแล้วร้องประกอบการออกสเต็ปของคุณลูกได้ถนัดหน่อย ดังนี้ (ถ้าติ่งเกาหลีผ่านมาแล้วเห็นว่ามีคำไหนมันทุเรศไปโปรดชี้แนะนะครับ จะได้ถูกต้องตามฉันทลักษณ์อันดีงามของติ่ง)


ด๊ะก่าจิว่อน (ป่าๆๆ ป่าๆ ป่าๆๆ)

เน้ต่าราทู่ว (ป่าๆๆ ป่าๆ ป่าๆๆ)

โซ้หริดจะโฮ่ (โฮ่)

ตี๊หยอบะคุ่ง (คุ่ง)

เน้ต๋าระเฮ้ (เฮ้)


อ๊อมหมะโด ป๊ะปะโดก้ะ ฉี โก้ (ป่าๆๆ ป่าๆ ป่าๆๆ)

ซึนนะเกโก้ (โก้)

โซ้หริดจะโฮ่ (โฮ่)

ตี๊หยอบะคุ่ง (คุ่ง)

เน้ต๋าระเฮ้ (เฮ้)


พั่บ พั่บ คือเรยองพั้บ (*ตรงนี้เขียนตามการออกเสียงแล้วฮามาก*)


Get, set, ready… Go!


*

Jumping (เย่) Jumping (เย่) Everybody

Jumping (เย่) Jumping ดากาจิเซี่ยเซี่ย


Jumping (เย่) Jumping (เย่) Everybody

I don’t want to stick at home now


(ซ้ำ *)


I don’t want to stick at home now


ก๊อกจ๋อเงินโน่ (ป่าๆๆ ป่าๆ ป่าๆๆ)

โก๊หมินโดโน่ (ป่าๆๆ ป่าๆ ป่าๆๆ)

อุ๊สอบะโฮ่ (โฮ่)

ดั๊กขือเดเย่ (เย่)

เน้ต๋าระเฮ้ (เฮ้)


Get, set, ready… Go!


(ซ้ำ *)


I don’t want to stick at home now


โย่ คัมม่อน! (ท่อนแรปขี้เกียจแกะ)


Ready… Go!


(ซ้ำ *, *)


I don’t want to stick at home now


1-2-3 เย้




อันนี้เพลงต้นฉบับ น่ารักดีครับ ไม่เน้นเอ็กซ์ก็เพลงสนุกได้เนอะ




ส่วนอันนี้มีแฟนชาวไทยใส่ซับไตเติลและคำแปลให้ เพิ่งเห็น โธ่… อุตส่าห์นั่งพิมพ์ตั้งนาน :05:




แล้วอันนี้ค้นไปเรื่อยๆ จนเจอคลิปจากคอนเสิร์ต ก็เลยรู้ว่าวงนี้ก็เป็นที่นิยมเหมือนกันนี่หว่า 5555 (คิดว่าที่เกาหลีจะอิ่มตัวแล้วซะอีกเพราะแต่ละวงออกมาเหมือนกันเด๊ะๆ นี่จากสายตาคนนอกวงการติ่งนะ) แต่ว่าก็ว่าเหอะ เห็นในคลิปแล้วติ่งรุ่นลุงที่นั่นศรัทธากันจนหลอนเบย ร้องพร้อมเพรียงกันยังกะชุมนุม กปปส.


ป.ล.

นิทานน่าจะได้น้องสาวแหละ แต่กว่าน้องจะโตมาเต้นคู่ได้ ป่านนั้นนิทานคงหนีไปฟังกรีซซี่คาเฟ่แล้ว

 •  0 comments  •  flag
Share on Twitter
Published on April 23, 2014 09:33

April 10, 2014

ผมโดนผีเด็กประถมหลอกเข้าจังๆ

ขุดกล่องรองเท้าใส่สมบัติบ้าส่วนตัวเอาไว้ เจอสมุดที่สัญญาว่าจะวาดการ์ตูนตัวเองปีละหน้า …หน้าแรกอายุ 10 ขวบ น้ำตาจะไหล pic.twitter.com/MHhyhezdEX


— 囧 (@iannnnn) April 10, 2014



นี่ตอนเขียนบล็อกยังเหงื่อแตกไม่หยุดเลยครับ อากาศก็ไม่ได้ร้อนอะไร แต่ไอ้ที่ทำให้ใจเต้นโครมครามก็คือความรู้สึกโหยหาอดูตอย่างแรง


เรื่องมันมีอยู่ว่า อยู่ดีๆ เพื่อนสมัยประถมของผมก็เกิดคิดถึงกัน ไม่ได้เจอกัน (เรียกว่าขาดการติดต่อไปโดยสิ้นเชิงเลยแหละ) มายี่สิบปีแล้วไรงี้ เลยนึกสนุก นัดรวมพลกันอีกครั้ง เลยลากกันมาคุยในกรุ๊ปไลน์ (ถ้าเป็นเมื่อก่อนพฤติกรรมนี้คงเกิดในเฟซบุ๊ก แสดงว่าเอาเข้าจริงพบแนวโน้มว่าคนจะเริ่มไม่เล่นเฟซบุ๊กกันจริงๆ ละ) แล้วก็ไถ่ถามกันแบบไม่อายเลยว่าเราก็จำนายไม่ได้ บ้างก็จำได้แต่ชื่อ บ้างก็เปลี่ยนชื่อไปจนลืมทุกอย่างที่เคยเกี่ยวพันกันเลยดีกว่า


แต่อีกไม่กี่วันเราก็จะได้กลับมาเจอกัน นึกภาพฉากจบในหนังเรื่องแฟนฉันดูสิครับ (สปอยล์แบบนี้คงไม่เป็นไรเนอะ) คือไอ้เจี๊ยบแม่งเดินเข้างานแต่งน้อยหน่า น้อยหน่าหันมา อ้าว หน้ายังเป็นน้องโฟกัสตอนสิบขวบอยู่เลย!


ตอนนี้ภาพของเพื่อนฝูงสมัยประถมหลายคนนั้นก็อารมณ์นี้เลยครับ ฟรีซความทรงจำแช่แข็งไว้เท่านั้น แต่พอเริ่มพูดคุยก็ได้รู้ว่าทุกคนก็ต่างเติบโต แบบเดียวกับที่มีนักเขียนหลายท่านที่บอกเล่าเรื่องราวของมานีมานะในยุคที่พอโตแล้วมาเจอกัน อารมณ์ถวิลหามันพวยพุ่งรุนแรง


จนผมเปิดกล่องรองเท้าที่เก็บสะสมนั่นนี่มาตั้งแต่ประถม จนเจอเฟรนด์ชิปเอย ภาพถ่ายเอย การ์ตูนที่วาดแบ่งห้เพื่อนอ่านสมัยนั้นเอย ฯลฯ แต่ไม่กล้าดูนาน เพราะยิ่งดูยิ่งเหงื่อแตก และยิ้มปากฉีกถึงหู ใครเปิดประตูห้องเข้ามาจะพบภาพที่น่ากลัวมาก คือไอ้อ้วนบ้านี่นั่งยิ้มปากฉีก และเหงื่อท่วมตัวเหมือนกำลังดูหนังโป๊ในห้องเซาน่า


กรุสมบัติแอน


ไม่อายแล้วครับที่จะยอมรับว่าตัวเองแก่ และพร้อมจะดักแก่ทุกคนที่ขวางหน้าด้วย!


ที่สำคัญคือเริ่มสงสารรุ่นน้องๆ หลานๆ สมัยนี้ (ใช้คำว่า “สมัยนี้” ด้วย… ครบสูตรแก่ละกู) ที่ดันมีโซเชียลเน็ตเวิร์กเอย ความเป็นดิจิทัลทั้งหลายเอย ที่ไม่อนุญาตให้สิ่งใดเก่าลงตามการกัดกร่อนของกาลเวลา


ภาพถ่ายดิจิทัลยังคงคมชัดเสมอ จนน้องเองก็คงสงสัยแล้วว่า ไอ้การเลือนหายของความทรงจำนี่มันดียังไงวะ


เออ กูก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง รู้แต่ว่านั่งยิ้มเหงื่อแตกจนน้ำหนักตัวลดไปสัก 5 ขีดได้ละเนี่ย


ป.ล.

ไว้จะเอาอะไรมาโพสต์เรื่อยๆ นะครับ รู้สึกว่าตัวเองเป็นพวกบ้าสะสมของในยุค 253X เยอะเลย เช่นที่เคยเขียนถึงอันนี้ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นขยะ 5555 คือวันนี้เช่านารุโตะมาอ่านหลายเล่ม เลยมีเวลาเขียนเท่านี้ ไว้จะไล่ละเลียดทีหลังครับ รู้แต่ว่าเขียนสามวันไม่หมดแน่ๆ

 •  0 comments  •  flag
Share on Twitter
Published on April 10, 2014 08:25