iannnnn's Blog, page 21

October 14, 2013

แจกฝีแปรง Photoshop แบบตีนปาด

ผมชอบวาดการ์ตูนครับ เอาจริงๆ ต้องบอกว่าชอบวาดเล่นมากกว่า เพราะออกแนววาดเล่น ไม่ได้วาดเอาดีหรือวาดส่งประกวด เพราะยอมรับสภาพตัวเองดีว่าพวงสวรรค์ในการวาดนั้นเยี่ยมยอดขนาดไหน.. (แต่เฮ้ย เคยวาดส่งประกวดกะเขาเหมือนกันนะ ได้รางวัลด้วย 555)


ที่จริงการ์ตูนในบล็อกนี้ก็มีหมวดหมู่เอาไว้รวมงานอยู่เหมือนกัน ชื่อหมวด “การ์ตีน” (ไม่ได้ทำลิงก์เข้าไว้ตรงๆ เพราะอาย) แล้วก็มีบล็อกเขียนการ์ตูนนินทาลูกอีกอันชื่อ “นิทานสี่ช่อง” ซึ่งเวลาวาด ถ้าไม่วาดในมือถือ (โน้ตสอง กำลังจะขายแล้วซื้อโน้ตสามมาแทนละ) ผมก็วาดบนคอม โดยใช้ Photoshop


แล้วก็จะมีคนถามมาบ่อยๆ ว่าวาดที่ไหน ทำไมเส้นมันไม่ค่อยเรียบร้อยเลย คือจะบอกว่าใน Photoshop เนี่ยมันจะมีหัวแปรงที่กลมๆ น่าเบื่อๆ อยู่เป็นค่าเริ่มต้น แล้วเวลาเขียนการ์ตูนตีนปาดลวกๆ (เลยเรียกว่าการ์ตีนไง) แล้วมันจะไม่ค่อยได้ฟีล ผมเลยทำใหม่ ให้มันหยักๆ เวลาเขียนด้วยเมาส์ปากกาจะมันส์มือมากครับ ใครมีเมาส์ปากกาอยากให้ลองโหลดไปเล่นดู


ก็ใช้ฝีแปรงแนวๆ นี้มาหลายปีแล้วครับ ไม่ได้เป็นสไตล์อะไรหรอก แต่มันเอาตัวรอดจากคำวิจารณ์ง่ายดี เวลาเขียนชุ่ยๆ แทนที่จะบอกว่าฝีมือตัวเองกาก จะได้หันไปโทษแปรงแทนงี้


ไหนๆ ก็ไหนๆ เลยทำมาแจกด้วยครับ


iannnnnBrush


iannnnnBrush-preview


แล้วก็มีตัวอย่างในลิงก์วาดเล่นข้างบนนั่นน่ะ เฉพาะอันที่เส้นมันหยักๆ นะ


ดาวน์โหลด: iannnnnBrush.abr กดที่ไอคอนสีฟ้าๆ จะมีปุ่มดาวน์โหลดอยู่มุมขวาล่างสุด

วิธีติดตั้ง: แบบคลิปละเอียดๆ หรือถ้าขี้เกียจก็โหลดไปแล้วดับเบิ้ลคลิกที่ไฟล์ .abr ได้เลย

ข้อตกลงในการใช้งาน: อยากเอาไปทำอะไรก็เอาเหอะ

 •  0 comments  •  flag
Share on Twitter
Published on October 14, 2013 08:08

October 11, 2013

การ์ด “บุคคลสำคัญของโลก” (ทวิสตี้, ริงโก้สตาร์) #ดักแก่

ที่จริงบล็อกตอนนี้เขียนครั้งแรกที่ Exteen แต่คิดว่าต่อไปนี้คงไม่เข้าไปที่นั่นอีกแล้ว เลยย้ายมาบล็อกหลักซะเลย เผื่อต่อไปว่างๆ ค้นลิ้นชักเจออะไร จะได้หยิบมาเล่าอีก (ขอบคุณเพจ “น่าเสียดายพวกนายเกิดไม่ทัน” ที่ทำให้นึกถึงบล็อกนี้ขึ้นมา)


—–


สมัยเราอยู่ ม.1 ตอนนั้นก็ปี 2537 ล่ะ


การได้อยู่ในหมู่เพื่อนที่บ้าสะสมและบ้าเอาของสะสมเหล่านั้นมาอวดกัน โลกมันช่างอยู่ยากไม่แพ้เดี๋ยวนี้ เพราะเดี๋ยวนี้เราสะสมจำนวน Like หรือ Follower กัน แต่ตอนเรายังเด็ก การมีไพ่หายาก การ์ดแรร์สุดๆ นั้นคือสุดยอดแห่งความฟิน


การ์ดชุดนี้คือหนึ่งในตำนานที่ผ่านไปเกือบยี่สิบปี มันก็ยังเก็บมาพลิกดูแล้วรู้สึกเท่ได้อยู่ นั่นคือซีรี่ส์ “ที่สุดของโลก”


P1190940


เป็นของแถมขนมสามยี่ห้อ คือ ทวิสตี้ วิลลี่ และริงโก้สตาร์ (เราชอบริงโก้สตาร์ที่สุด เพราะมันเอามาสวมนิ้วได้) ถือเป็นยุคที่มาหลังกาก้า คัมคัม และขนมช็อกโกแล็ตยี่ห้อโดราเอมอน (ที่แม่งไม่ได้ขอลิขสิทธิ์เขามาทำแน่ๆ) ที่แถมไพ่สติกเกอร์ดราก้อนบอลหรืออะไรแบบนั้น เพราะนี่มาแนวความรู้ เอาไว้อวดอ้างผู้ปกครองได้ว่าการสะสมนี่ดูภูมิฐานเกินเด็กนะ เพราะเนื้อหาของการ์ดแต่ละใบจะเป็นการ์ดความรู้เกี่ยวกับ “ที่สุดของโลก” ในแต่ละแขนง


P1190944


อันได้แก่



“โลกมหัศจรรย์” ที่ว่าด้วยสิ่งมหัศจรรย์ของโลกแบบพวกความรู้ทั่วไปที่เด็กสมัยนั้นใครรู้ก็จะอวดเพือนได้สบายๆ
“บุคคลระดับโลก” (เราสะสมชุดนี้ ที่จริงมีอีกชุดแต่ทำหายไปแล้วมั้ง) นี่ก็ว่าด้วยเรื่องคนดังระดับโลก 30 คน ในยุคที่ สตีฟ จ็อบส์ ยังไม่แจ้งเกิดในวงการศาสดาโลก
“เผ่าพันธุ์มนุษย์” อันนี้ไม่รู้เหมือนกันว่ามาได้ไง ไม่เห็นอยากรู้เลย
“โลกเร้นลับ” สนุกมากครับ ยุคนั้นเพิ่งพ้นช่วงที่มนุษยชาติกำลังบ้าคำว่าวิทยาศาสตร์ (นึกภาพการ์ตูนสมัยฟูจิโกะ ฟูจิโอะ) คือทุกอย่างมันต้องค้นคว้าศึกษา เลยมีวิทยาศาสตร์เทียมเข้ามาปะปนเต็มไปหมด ก็เชื่อกันบ้างไม่เชื่อกันบ้าง สนุกดี ..แต่ก็เอาเหอะ ผ่านมาหลายสิบปีคนก็ยังเป็นแบบนั้นอยู่

ซึ่งบางครั้ง พอเปิดซองมาก็จะเจอกับชุดที่เราไม่ได้สะสม หรือบางทีสะสมนะ แต่ซ้ำแล้วก็บ่อยไป จังหวะนี้แหละครับที่เราจะได้ใช้ประโยชน์จากเพื่อน ก็เอาไปแลกกันซะ วินวินกันทั้งคู่


P1190942


แต่ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะในแต่ละเล่มจะมีการ์ดที่โคตรสุดยอดหายากอยู่ใบหรือสองใบเสมอ สำหรับชุดบุคคลสำคัญของโลกนี้ ใที่หายากที่สุดก็คือ “เขาทราย แกแล็คซี่” ครับ รู้สึกว่าอีบริษัทขนมมันจะผลิตมาแค่จำนวนจำกัดนะ เพื่อไม่ให้ตัวเองหมดเนื้อหมดตัวกับรางวัลที่มีราคา และมีจำนวนจำกัด (ก็แหงแหละ) ดังนั้นใครที่ได้ครอบครองการ์ดเหล่านี้ก็มั่นใจได้เลยว่ากูชนะแน่


นอกจากนั้นก็ยังมีการ์ดหายากระดับรองๆ ลงมา ผมไม่อน่ใจว่าเขาผลิตเป็นจำนวนจำกัดหรือเปล่า แต่มันก็หายากจริงๆ ซึ่งถ้าเอาเข้าจริงๆ ถ้าคุณเป็นนักสะสมตัวยง ก็จะหาทางแลกมันมาจนได้ อาจจะต้อง 3 แลก 1 หรือ 10 แลก 1 เลยก็มี หรือถ้าจะได้มาด้วยฝีมือก็เอามาเล่นไพ่เขี่ยกัน อ้ะ หรือจะใช้ดวงก็เอามาเป่ายิ้งฉุบกัน (ที่มุมการ์ดมีเครื่องหมายค้อนปากกากระดาษครบเลย คือมึงวางแผนมาให้เด็กต่อสู้กันนอกกฎหมายอย่างรัดกุมมาก)


P1190943


และนี่คือรางวัล สะสม 1 เล่มได้เกมแฟมิคอม, 2 เล่มได้จักรยาน, 3 เบ่ม เอาไปเลย โคตรพ่อไอพอด! ซึ่งมันเท่มาก เท่จับใจมาก เด็กที่ไหนวะจะไม่อยากได้ ไม่มีหรอกครับ กรุณาเถอะ เปิดซองครั้งหน้าขอเขาทรายผมเถอะะะะ!


แต่ถ้าสะสมไม่ครบก็ไม่เป็นไร เอาแต้มที่มีอยู่บนหน้าการ์ดมารวมๆ กัน ไปแลกเป็นของรางวัลกากๆ ก็พอได้ .. และของรางวัลอันโคตรสุดยอดแฟนะพันธุ์แท้อันสุดเลอค่า ก็คือ เงินรางวัล 15,000 บาท!!! (เทียบกับสมัยนี้ก็เป็นแสนเลยเปล่าวะ) ซึ่งฝันไปเถอะ แค่คิดก็ผิดแล้ว ไม่มีทางอะ


P1190941


และนั่นก็เป็นหนึ่งในความฝันของเด็กชายวัยหัวเกรียน ที่เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยผ่านอะไรแบบนี้มาแล้ว ดีที่สมัยเด็กๆ เราไม่มีเงินมากพอที่จะเอามาเล่นไอ้พวกนี้ได้มาก แต่ก็เจียดเงินจากข้าวกลางวันมาเป็นค่าโง่พวกนี้ไปหลายมื้ออยู่


ก็นะ มันคือความมันส์ของลูกผู้ชาย


ป.ล.

มีร้านเกม (Play Station 1) หน้าโรงเรียน มันเลวมาก เอาการ์ดเขาทรายที่ไม่รู้ว่าเจอเองหรือซื้อต่อมาจากเด็กอีกที มาเสียบอวดไว้หน้ากระจกร้าน เรียกว่าเป็นการประกาศกร้าวว่าข้ามี แต่ไม่เอาไปแลก มีอะไรไหมไอ้หนู วะฮ่าๆๆๆ ซึ่งยังความคับแค้นใจให้เหล่าเด็กมัธยมต้นหัวเกรียนยุคนั้นมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ อย่างดีก็แค่ไปยืนเกาะกระจกร้านน้ำลายยืดกันท่วมฟุตปาทเอย

 •  0 comments  •  flag
Share on Twitter
Published on October 11, 2013 23:25

October 3, 2013

วันๆ มึงทำอะไร

ม้าบุกเมือง


ปกติเราไม่ชอบเขียนเป็นลิสต์ๆ เพราะดูมันลวกๆ และไม่ได้ฝึกการเขียนเชื่อมประโยค แต่วันนี้จะเขียนลวกๆ สักครั้ง


พอดีมีคนถามบ่อยว่าหลังจากลาออกแล้วนี่มึงทำอะไรบ้าง นอกจากเลี้ยงลูกและเป็นลูกจ้างเมีย งั้นจะเขียนเล่าว่าวันนี้ผมทำอะไรบ้าง เอาเป็นลิสต์ๆ ละกันนะ



ตื่นเจ็ดโมงครึ่ง เมื่อคืนนอนหัวค่ำเพราะเพิ่งเคลียร์งานเว็บตัวนึงเสร็จ เลยเพลีย และกะว่าวันนี้จะได้ทำนั่นนี่มากมาย งั้นตัดสินใจนอนก่อน
พอตื่นมา ก็ปลุกน้องเมียทั้งสองคน (โมนาและมาเฟีย มานอนที่บ้านเพราะปิดเทอม) ให้ลุกขึ้นมาอาบน้ำแปรงฟัน วันนี้เรามีงานใหญ่ นั่นคือย้ายที่นอนจากชั้นสามห้องขาวไปห้องเทา และที่ใหญ่กว่านั้นคือย้ายที่นอนยางพาราหนัก 38 ตัน จากชั้นสองไปชั้นสาม
อ้อ เพราะก่อนหน้านี้สองสามวัน บ้านเรามีสภาพเหมือนถูกซอมบี้บุก เพราะช่างมารื้อบันไดลามิเนตกากๆ ของอารียา ที่อยู่มาแค่ไม่กี่ปี แม่งกรอบแกรบเป็นกระดาษยุ่ย เลยให้ผู้รับเหมารายเดิมที่สนิทกันมานาน มาช่วยรื้อ และเปลี่ยนเป็นปูนดิบ นั่นรวมถึงสวนหลังบ้าน (เรียกว่าสวนก็กระดากใจ มันคือที่ตากผ้ากว้างยาวไม่เกิน 8 ตารางเมตร) และพื้นชั้นสองทั้งชั้น
หลังจากสมุนทั้งสองคนตื่น ปฏิบัติภารกิจส่วนตัวเสร็จ และพร้อมออกศึกแล้ว เราก็เริ่มรื้อของในห้องนอนชั้นสาม (ห้องสีขาว) เลย ปกติห้องนั้นจะเรียกว่าห้องยายยาย หรือห้องตั๊กถั่ว หรือห้องนอนแขก หรือห้องเก็บของ แล้วแต่จะเรียกตามใจ แต่ต่อไปนี้มันจะกลายเป็นห้องนอนหลักของเราสามคนพ่อแม่ลูก ส่วนห้องนอนแขกและฟังก์ชันเก็บของของบ้านเรา ก็ย้ายไปห้องข้างๆ ที่ทาสีผนังเป็นสีเทาด้วยความอินดี้ ไม่รู้ทาทำไม
เริ่มจากย้ายตู้ ชั้นวาง ยุบเปลเด็กเตรียมเอาไปส่งมอบให้ผัวเมียเมืองทองที่ท้องแก่กำลังจะคลอด เลยรับช่วงต่อเปลจากเรา
แล้วขนข้าวของ ตุ๊กตามากมาย สมบัติบ้าและไม่บ้า ของเรา และของยายยายที่มียาอะไรไม่รู้ด้วยเยอะแยะ อะไรไม่รู้จักก็โยนทิ้งให้หมด จังหวะนี้สนุกมาก
พี่แอ๋วมาตอนเก้าโมง ที่จริงช่างต้องมาวันนี้ด้วย แต่โทรถามเฮีย เฮียบอกว่าเข้าพรุ่งนี้นะ วันนี้เลื่อยไม้รอไว้ก่อน
ย้ายที่นอนจากห้องขาวมาห้องเทา แล้วพักเหนื่อย
ย้ายชั้นวางของจากห้องขาวมาห้องเทา แล้วถูพื้นรัวๆ
เคลียร์พื้นที่ชั้นสอง เอาคอกเด็กออก ไฮไลต์ที่โหดหินที่สุดของวันนี้คือที่นอนยางพาราน้ำหนัก 79 ตัน (เอ๊ะตะกี้บอกกี่ตันนะ ไม่ได้จำ) ขึ้นกระไดไปไว้ชั้นสามเป็นการถาวร
พี่แอ๋ว แอน โมนา และมาเฟีย รวมสี่คน ช่วยกันแบก ลาก กลิ้ง ที่นอนที่หนักเหี้ยๆ ขึ้นไปอย่างทุลักทุเล และสงสัยว่าตอนสองผัวเมียที่เป็นเจ้าของร้านขายที่นอนนี้เอามาส่งบ้านเรา เขายกกันได้ไงแค่สองคน เขากินอะไรเป็นอาหาร หรือเขาหมั่นฝึกฝนในการยกที่นอนนี้มากว่า 30 ปี
หิวมาก ไปกินพืซซ่าที่ยูเนี่ยนมอลล์กัน ว่าแล้วก็ออกเดินทางทันที (ที่จริงที่เลือกไปยูเนี่ยนเพราะ 1.เราต้องไปทำธุระที่ร้านพันธมิตรในวงการสกรีนเสื้อ 2.นารายณ์พิซเซอเรียมันมีโปรลดอะไรสักอย่าง เหมาะกับเด็กสองคนที่มีพลังสวสาปามสูงมาก)
ไปถึงยูเนี่ยนตอนห้างเปิดพอดี ไม่เคยคิดว่าจะได้จอดรถง่ายแบบนี้มาก่อน
แดก
ระหว่างรอสั่งอาหารก็รีบไปทำธุระเรื่องเสื้อ ธุระท่ว่านี่คือ เครื่องสกรีนของร้านเราดันมาเสียเอาช่วงนี้พอดี เลยขนเสื้อไปให้เขาสกรีนให้หนึ่งกอง เพิ่งเคยทำแบบนี้เหมือนกัน แปลกดีเวลาเห็นคนอื่นสกรีนเสื้อของร้านเรา 555
รีบลงมาแดกต่อ แดกๆๆๆ
ที่รีบเพราะว่าโทรนัดศูนย์ซัมซุงเอาไว้ บ่ายโมงจะไปเปลี่ยนกรอบของโน้ตสองที่เคยทำตกและเป็นรอตรงมุมค่อนข้างยับเยิน แล้วผมมีโครงการจะขายเครื่องนี้เพื่อซื้อโน้ตสามแทน (เมียเซ็นอนุมัติแล้ว) ถ้าขายในสภาพเดิมคงได้สัก 300 บาท เลยตัดสินใจทำให้มันดีๆ ปิ๊งๆ ดีกว่า
นัดบ่ายโมง ออกจากยูเนี่ยนเที่ยงครึ่ง ขึ้นรถเมล์เบอร์อะไรสักอย่าง ไม่ได้จำ ไปต่อบีทีเอสที่หมอชิต ได้นั่งด้วย
ไปถึงศูนย์ซัมซุงมาบุญครองตอนเที่ยงห้าสิบเก้านาที ขอบคุณพี่ยามสำหรับการบอกทางอย่างตั้งใจ
เข้าใจพนักงานที่ศูนย์รับซ่อมละว่าทำไมหน้าเหวี่ยงตลอดเวลา ทั้งที่ตัวจริงอาจจะไม่ได้เหวี่ยงโดยกำเนิดก็ได้ ก็เพราะขนาดผมนั่งรอคิวไม่นาน ก็มีทั้งอีป้า และไอ้ลุง ที่เนียนขอ “โทษนะครับ ผมไม่ได้กดบัตรคิว แต่แค่จะถามว่า…” แล้วไอ้แค่ของท่านๆ น่ะ มันก็คือเรื่องที่จะต้องกดบัตรคิวเพื่อสอบถาม ปรึกษาอาการ ฯลฯ ทั้งสิ้น
อีห่า ลองเมียกูเป็นพนักงานล่ะก็ ได้ตะเพิดกลับบ้านแล้วลาออกทันที ไม่แคร์ ผจก.ไปแล้ว
พนักงาน (ที่หน้าเหวี่ยงๆ) บอกว่าอีกชั่วโมงนึงมารับเครื่องนะคะ ผมถือใบซ่อมออกมาจากศูนย์ แล้วเดินงงๆ ในมาบุญครอง มีเวลาตั้งชั่วโมง
ไปหอศิลป์ดีกว่า (เป็นมนุษย์ที่ใช้ประโยชน์ในความสลิ่มของห้างย่านสยามไม่เป็นโดยสิ้นเชิง)
เดินดูงานตั้งแต่ชั้นสามที่เป็นสะพานเชื่อมกะมาบุญครอง ไล่ไปเรื่อยๆ จนชั้นห้า นึกอะไรได้อย่างนึง เลยไปแวะขี้ซะเลย
เสร็จแล้วเดินกลับมาที่ศูนย์ซัมซุงอีกครั้ง รับเครื่อง จ่ายตังค์ (ค่าอะไหล่ ค่าแรง ค่าภาษี รวมๆ พันนึงได้)
เดินไปถามตู้รับซื้อ ว่ารับกี่บาท อีร้านแรกติดป้ายว่าให้ราคาสูงปี๊ด มันบอก แปดพัน! ปรี๊ดพ่องเรอะแปดพันเนี่ย
เลยไลน์ไปถามเจ๊เพ็ญผู้เชี่ยวชาญด้านการขายมือถือ เจ๊เพ็ญแนะนำมาอีกร้าน เลยเดินไป เฮ้ย ได้ตั้ง 11,000 แน่ะ!
ขึ้นรถไฟฟ้ากลับบ้าน โดยผ่านห้างสยามอะไรไม่รู้ จำชื่อไม่ได้ แต่ที่มันทำใหม่ทาสีดำๆ น่ะ พบว่าเสื้อผ้าหน้าผมของเราไม่เหมาะกับการมาเดินผ่านที่นี่เลย (แค่เดินผ่านก็ผิดแล้ว)
บนรถไฟฟ้าสงบดี เอาหนังสือมาเล่มนึง ก็เลยยืนอ่านไปจนถึงหมอชิต เพื่อจะพบว่าเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีคนอ่านหนังสือบนรถไฟฟ้ากันแล้ว ทุกคนมีแต่คนกดมือถือ กับคนที่แอบดูคนใกล้ๆ กดมือถือ
ลงหมอชิต นั่งสายอะไรไม่รู้ที่เป็นสีแดงๆ (6.50 บาท) ไปลงยูเนี่ยน ขึ้นไปรับเสื้อที่สกรีนเสร็จแล้วลงมาต่อรถเมล์ (8 บาท) ต่อกระป๊อ (7 บาท) ถึงวัดลาดปลาเค้า
เดินเข้าบ้าน เหงื่อแตก อาบน้ำเสร็จ ลงมาพิมพ์ข้อความ ถึงบรรทัดนี้.

กำหนดการคืนนี้



กินข้าวเย็นกับลูกเมียและน้องเมียทั้งสองพี่น้อง
กลับบ้านมาเพื่อกดซื้อ FontLab ซะที จะได้หมดห่วงปัญหาที่คาใจมานาน ว่ามึงทำฟอนต์ด้วยโปรแกรมเถื่อนเนี่ยนะ?
พอดีมีงานจ้างอันนึงให้ทำฟอนต์ด่วนๆ เลยเริ่มมันคืนนี้ซะเลย!

จบ


ป.ล.

ภาพข้างบนถ่ายจากแยกปทุมวัน ตอนรอขบวนเสด็จผ่าน เขาเลยกั้นคนไม่ให้ข้าม / วาดแล้วอัปไว้ที่ อตก

 •  0 comments  •  flag
Share on Twitter
Published on October 03, 2013 04:28

September 26, 2013

ความคืบหน้าล่าสุด เล่นเฟซบุ๊กเป็นแล้วครับ

หนึ่งในปมคาใจตลอดมาก็คือ ผมทนเล่นเฟซบุ๊กไม่ได้ซะที คือเข้าไปแล้วหงุดหงิด กับทั้งการออกแบบทั้ง UI และ UX ที่แย่ จนส่งผลให้ผู้ใช้ทำระบบนิเวศน์เพี้ยนโดยไม่รู้ตัว คือเอาผู้ใช้บ้านเราไม่อยู่นั่นแหละ ถึงจะมีชมบ้าง แต่ชมไปชมมาก็ว่าจะหัดเล่น แต่กว่าจะหัดจนเล่นเป็น และทำเป็นไม่สนใจอคติที่เป็นอุปสรรคสำคัญในการเล่นเว็บที่เด็กประถมมันก็เล่นได้นั้น ก็ใช้เวลานานพอดู


เอาจริงๆ จุดเปลี่ยนนมันก็แค่การพยายามสะกดจิตตัวเองให้สนใจไอ้เม็ดแจ้งเตือนสีแดงๆ แบบเดียวกะที่สนใจบน Google+ นั่นแหละครับ เท่านั้นเอง! พอรู้สึกว่าจะต้องเคลียร์อีตรงนั้นปั๊บ ทุกอย่างก็ง่ายละ เอาสิ ใครเม้นอะไร แท็กอะไรมา ต่อไปนี้จะเริ่มสนใจละ (เมื่อก่อนปิดหมดเลย รำคาญไง มันมาเยอะเกิน ทั้งที่ตั้งค่านั่นนี่ก็แล้ว)


แต่ทั้งนี้ก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนนิสัยตัวเองให้ไปสนุกกับการดูชีวิตของคนอื่นได้จริงๆ ไม่รู้จริงๆ ว่ามันสนุกตรงไหน แม้บางทีก็มีคำตอบ(พร้อมกับคำถาม)ง่ายๆ ว่า


การเสือกคือการเข้าสังคม?


— 囧 (@iannnnn) September 25, 2013



แต่ไอ้ครั้นจะไปเสือกเรื่องของชาวบ้านบ่อยๆ ก็ไม่ใช่นิสัยที่เราถนัดจริงๆ งั้นเล่นแบบเป็นเราละกัน


เออ จะว่าไปเราเขียนบล็อกเรื่องเฟซบุ๊กมาหลายทีจนเป็นปมด้อยในชีวิตอันนึงไปละ 55555 ก็นะ ตอนนี้พอใช้เป็นแล้วก็รู้สึกเท่าทันชาวบ้านซะที ว่าเขาบ่นอะไร พูดอะไร ฮิตอะไรกัน สังคมแม่งไม่เหมือนทวิตเตอร์เลยว่ะ! (ทวิตเตอร์เร็ว กระชับ คนพูดรู้เรื่องกว่ากันหลายเท่า อันนี้เข้าข้างเลย)


ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องขอบคุณการลาออกจากงานจริงๆ นะครับที่ทำให้มีเวลามานั่งเล่นอะไรแบบนี้ได้ 5555 เอ้า มาลาออกกันๆ


เออๆ จะว่าไปอีกที เราไม่เคยพูดถึงเพจของเว็บฟอนต์เลยนี่หว่า


เอาจริงๆ คือไม่เคยดูแล ไม่เคยสนใจ ใส่ใจอะไรด้วยซ้ำ พอๆ กับที่สมัยทำเว็บเฟล ตอนนั้นก็แบบนี้แหละ มาสนุกอยู่บนโลกนอกเฟซบุ๊กตั้งนาน ส่วนในเพจก็ปล่อยให้มันรกร้างมาหลายปีมากๆ เพราะอ้างว่าไม่มีเวลา จริงๆ แล้วคือไม่ใส่ใจมากกว่า คือเราไม่เล่นเฟซบุ๊กไง เลยไม่รู้จะไปทำอะไรกะมัน นานๆ ทีก็เลยเข้าไปโพสต์รายงานตัวทีนึง แล้วก็กลับมาข้างนอกเหมือนเดิม ส่วนหน้าเว็บก็ว่าจะเปลี่ยนดีไซน์ใหม่หมดตั้งนานแล้ว ก็ยังไม่ได้ทำ (อันนี้อยากทำ แต่ไม่ว่างจริงๆ) ที่พอทำได้ก็คือเปลี่ยนสีเฉยๆ นี่เว็บฟอนต์หน้าแรกเปลี่ยนสี ปรับดีไซน์ไปนิดนึงอีกละนะ เพิ่งทำเมื่อเช้า เอาไว้ว่างสักสามวันจะรื้อให้หมดเลยคอยดู 5555


กลับมาเรื่องเพจฟอนต์ พอไม่ได้ทำอะไรกะมัน ผลคือ เพจเงียบสนิท ถึงปริมาณคนไลก์เพจจะเยอะเหมือนกันนะ ตอนนั้นนับได้แสนกว่าๆ (ตอนนี้สองแสนแล้ว) แต่ปฏิสัมพันธ์ห่วยแตกมาก ไม่มีอะไรที่ลากคนให้มีส่วนร่วมได้เลย นักการตลาดผ่านมาเห็นคงหัวเราะเงิบรัวๆ


พอโพสต์อะไรลงไปทีนึงเช่นปล่อยฟอนต์ใหม่ล่าสุดที่เท่มากๆ งี้ ก็มีคนไลก์โพสต์นั้นๆ แค่หยิบมือ (คือ 100 ไลก์นี่ก็โคตรถือว่าถล่มทลายแล้ว)


แต่พอตอนนี้เริ่มว่าง ลาออกจากงาน และตั้งใจว่าจะกลับมาทำให้มันหายร้างปั๊บ ก็เริ่มมีโต้ตอบ เริ่มโพสต์อะไรที่ไม่ใช่หุ่นยนต์บ้าง ถึงจะแค่สัปดาห์ละครั้งก็เหอะ แต่ผลที่ได้คือกราฟแม่งพุ่งปรี๊ดเลยครับ พอโพสต์ปั๊บ ก็พุ่งแบบที่เห็น ลองดูเทียบกะยุคก่อนหน้าที่เป็นกราฟแบนสนิทแล้วน่าละอายมาก


Facebook Page Insights


นี่ยังไม่รวมโพสต์ล่าสุดเรื่อง “ฟอนต์ศิลปากร” ที่เพิ่งปล่อยไปตะกี้ กราฟในภาพมันยังไม่นับนะ แป๊บเดียวล่อไป 1000 กว่าไลก์แล้วครับ ตกกะใจมาก

(สารภาพก็ได้ว่าเพิ่งเคยกดเข้าไปดูว่ามันมี Analytics แบบนี้ด้วย แต่แม่งออกแบบมาซับซ้อนยุ่งยากอีกละ คือทำให้ง่ายกว่านี้ได้นะ ไม่เชื่อดูวิธีของกูเกิลสิ #สาวก)


เออ สนุกดีว่ะ ทีนี้พอเริ่มคุยกะมนุษย์ทั่วไปปั๊บ คนก็เริ่มเข้ามาทำนั่นนี่ในเพจมากขึ้น ถึงมันจะโคตรเฉพาะทางเลยก็ตาม คือเราไม่มีอยู่แล้ว อีพวกเช้ามาสวัสดีครับ กลางคืนบ๊ายบายฝันดี แนบภาพอะไรพวกนั้น เพราะแม่งมีแต่เรื่องฟอนต์อย่างเดียว แถมเป็นแบบไม่ได้อิงกะวงการออกแบบชั้นสูงอะไรเลยนะ คือทำแบบบ้านๆ นี่แหละ นานๆ ทีก็จะมีแปะข่าวสารงานออกแบบอื่นๆ อีกหน่อยพอแก้เขิน


เอาวะ ถ้าเล่นแล้วมันสนุกแบบนี้ จะพยายามต่อไปครับ


หมายเหตุ:

มีอีกเพจนึงเป็นเพจร้านสกรีนเสื้อที่ผมเพิ่งเทกโอเวอร์มาจากเมีย คือเพจ monamafiashop อันนี้ก็เหมือนกะเว็บฟอนต์ แต่ต่างกันที่เมียเป็นผู้ดูแลมายาวนาน และปล่อยทิ้งร้างแบบสุดๆ เลย เพราะมัวแต่ไปสนุกกับกิจการร้านเดรสนลินฟ้าแทน ปล่อยไว้แบบนี้มาร่วมๆ สองปีได้ ใครถามอะไรก็ไม่ตอบ ง้อใครเป็นที่ไหนล่ะ! ผลคือเพจเงียบสนิท! คนไลก์กันสี่พันได้มั้ง แต่โพสต์ทีมีไลก์เดียว สองไลก์ 555 โธ่วววว


ทีนี้ถึงคราวผมเข้ามาดูแลเองละ คุณลูกค้าโพสต์ถามอะไรก็จะขยันตอบให้ได้เลยคอยดู… ตอนนี้มีคนไลก์สี่พันห้าแล้ว งั้นเดี๋ยวเป้าหมายถัดไปคือผมจะฟื้นฟูเพจของร้านนี้ให้กลับมาสนุกได้! แต่ทำไงวะ! — งั้น รบกวนท่านผู้อ่านช่วยกันกดไลก์กันหน่อยนะครับ ขอกันดื้อๆ เลย นะครับ ค่าขนมลูกผมเองครับ..

 •  0 comments  •  flag
Share on Twitter
Published on September 26, 2013 00:30

September 23, 2013

คดีสยองสองเรื่องควบ

พอดีเมื่อวานได้ฟังเรื่องน่ากลัวมาจากคนใกล้ตัว และเป็นเหตุการณ์ใกล้ตัว เลยเอามาทวีตเล่าก่อนนอน ปรากฏว่าคนสนใจกันเยอะ จนกล่องเมนชันระเบิดเลย เลยขอก็อปปี้มาลงในบล็อกอีกทีครับ (ขอเตือนว่าเรื่องที่สองนี่ขวัญอ่อนอย่าอ่าน แต่เรื่องแรกเอาไว้เตือนใจและเตือนสติ ควรอ่าน)


เรื่องแรกเกิดที่ลาดพร้าว


ถึงบ้านแล้ว จะเล่าเรื่องน่ากลัวใกล้ตัวที่ได้ฟังมาตะกี้นะครับ — 2 เรื่อง


— 囧 (@iannnnn) September 23, 2013



เรื่องแรก สืบเนื่องจากคดีเก่า เพื่อนผม @dotpng ที่เคยขี่จักรยานกลับบ้านอยู่โชคชัยสี่ตอนดึกๆ แล้วโดนโจรดักปล้น โจรปาดคอ แต่ขัดขืน พ้นมาได้


— 囧 (@iannnnn) September 23, 2013



วันต่อมา เลยมีนักข่าวที่ทำงานอยู่ตรงศาลรัชดา โดนดักปล้นที่จุดไม่ไกลกันนัก (แถวซอยเสือใหญ่) แต่โชคร้าย เขาโดนปาดคอ โชคดีไม่ตายและกลายเป็นข่าว


— 囧 (@iannnnn) September 23, 2013



ตอนนั้นตำรวจปิดคดีได้ (แล้วทีเพื่อนกูไปแจ้งไม่เห็นมึ.. เอ๊ย พี่ทำอะไรเลยวะครับนอกจากด่าว่าทำไมมาแจ้งช้า) แต่ก็ได้รู้ว่าโซนเสือใหญ่นี่อันตราย


— 囧 (@iannnnn) September 23, 2013



อันนี้ลิงก์ข่าว: โจรปาดคอนักข่าวคา ซ.เสือใหญ่ชิงมือถือ สาหัส-นอน ICU


ส่วนของเพื่อนผมไม่มีข่าวอะไร แค่ตำรวจรับแจ้งความแล้วก็บ่นว่าทำไมมาแจ้งช้า เสร็จแล้วก็แค่ลงบันทึก เงียบไป คนที่ไปสืบสวน สัมภาษณ์นักข่าวเคราะห์ร้ายต่อด้วยตัวเองก็คือตัวเพื่อนที่เป็นเหยื่อเองจนปิดคดี (คือคนธรรมดาไม่ใช่ดารา นกร้อง นักข่าวนี่ลำบากครับ กับกระบวนการยุติธรรมบ้านเรา นี่ไม่ได้พูดเหมารวม แต่สะท้อนว่ามันเป็นแบบนี้จริงๆ ตัวผมเองก็เคยเจออะไรแบบนี้แต่ไม่แรงเท่า (เคยเล่าในบล็อกเมื่อ 7-8 ปีก่อน) เลยเตือนไว้ว่ามัวรออย่าพึ่งตำรวจเลย


คือก่อนหน้านี้ผมก็เคนเจอโจรมอไซค์ กระชากกระเป๋าถือจากสาวออฟฟิศกลางซอยเสนาตอนสามทุ่ม คนก็เยอะ แต่มันก็ก่อคดีได้ แต่เร็วๆ นี้อาจจะมีคดีใหม่


— 囧 (@iannnnn) September 23, 2013



คนที่เจอคือ @kunnooon (นามสมมติ)(สมมติยังไงวะ) ขับรถออกจากซอยเสนา ลัดเลาะหนีไฟแดงไปทางซอยโรงเรียนช่างฝีมือทหารน่ะครับ สามทุ่ม ก็ไม่เปลี่ยวนะ


— 囧 (@iannnnn) September 23, 2013



พอขับถึงลูกระนาด รถก็ต้องชะลอ จังหวะที่ชะลอนั่นเอง มอเตอร์ไซค์ที่ซุ่มอยู่ก็พุ่งมาประชิดตัวรถ และพยายามจะเปิดประตูรัวๆ ครับ โชคดีที่ล็อกไว้


— 囧 (@iannnnn) September 23, 2013



ไม่อยากจะนึกเลยว่าถ้าใครขับรถรุ่นที่ไม่ได้ใช้ระบบล็อกอัตโนมัติเมื่อสตาร์ท จะเกิดอะไรขึ้น ก็เตือนกันเลยครับ หัดล็อกให้เป็นนิสัย โจรแม่งไวมาก


— 囧 (@iannnnn) September 23, 2013



(อ้อ น้องอีกคนบ้านอยู่โชคชัยสี่ แถวๆเดียวกัน บอกว่าวันนึงนั่งมอไซค์วิน พี่วินถามว่า น้องดูข่าวที่ปาดคอกันปะ นั่นน่ะรุ่นน้องพี่เอง …เดี๋ยวๆ)


— 囧 (@iannnnn) September 23, 2013



เรื่องที่สองเกิดขึ้นที่ปทุมธานี


เรื่องที่สอง คราวนี้ไม่ออกแนวอาชญากรรมละนะครับ แต่เป็นเรื่องที่ฟังเมื่อกี้แล้วขนลุกค้างนานมาก


— 囧 (@iannnnn) September 23, 2013



น้องเมียผมชื่อ @pimmona (นามสมมติ)(สมมติยังไง) เล่าตะกี้ เหตุเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้เอง ในซอยบ้านตัวเอง เป็นซอยสั้นๆ ที่ จ.ปทุมธานีนะ


— 囧 (@iannnnn) September 23, 2013



มีบ้านนึงในซอย มี 2 ชั้น อยู่กันพ่อ แม่ และลูกคนเล็ก 4 ขวบ ซึ่งเด็กสมัยนี้ก็ไวกับเทคโนโลยีแล้วใช่ไหมครับ มือถือฟีเจอร์โฟนนี่หยิบถ่ายรูปสบาย


— 囧 (@iannnnn) September 23, 2013



อยู่ดีๆ ไม่กี่วันก่อน น้องเขาเดินลงมาจากชั้น 2 บอกแม่ที่อยู่ข้างล่าง ว่า "แม่ๆ พ่อยืนแลบลิ้นให้หนูใหญ่เลย" (เหี้ย พิมพ์ไปขนลุกไป)


— 囧 (@iannnnn) September 23, 2013



แม่ก็เออ พ่อคงเล่นอะไรกะลูก เลยส่งมือถือให้ไปถ่ายรูปพ่อตามปกติ ลูกก็ขึ้นไปถ่ายลงมาให้ …ปรากฏว่าพ่อผูกคอตาย


— 囧 (@iannnnn) September 23, 2013



เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย


— 囧 (@iannnnn) September 23, 2013



ก็เป็นคดีสะเทือนขวัญประจำซอยอู่รับตอนนี้ จบครับ หลับฝันดีนะครับ (ป.ล.เมียผมฟังเรื่องนี้แล้วก็บลอกว่า เดี๋ยวหัดให้ลูกเล่นกล้องมือถือดีกว่า)


— 囧 (@iannnnn) September 23, 2013



จบครับ อรุณสวัสดิ์ทุกท่านครับ (ขออภัย ทวีตสุดท้ายพิมพ์ผิดรัวๆ เลย)

 •  0 comments  •  flag
Share on Twitter
Published on September 23, 2013 16:55

September 16, 2013

ใช้ Chrome ให้คุ้ม ลองติดตั้ง “New Tab Page” ดูสิครับ

Home - New Tab Page


พอดีอ่านไปเรื่อยๆ เจอ Extension ตัวนี้มา ชื่อเต็มๆ ของมันคือ “Home – New Tab Page


มันคือส่วนเสริมที่เอาไว้แทนที่หน้า New Tab Page ของโครมที่แต่เดิมก็ไม่ค่อยจะมีอะไร ให้มีประโยชน์ขึ้นมาหน่อย โดยที่ Web App ที่เราโหลดมานั้นจะไปแสดงในด้านขวา หรือบางคนไม่ได้เคยไปยุ่งอะไรเลย มันก็จะมีไอคอนที่น่าจะได้ใชประโยชน์ให้ ถ้าไม่ชอบก็ลบออกได้ (สังเกตดีๆ ตรงไอคอนเฟซบุ๊กมีเม็ดตัวเลขเตือนแดงๆ ด้วย เจ๋งๆๆ) แถมยังคลิกขวา เลือกตั้งค่าของแต่ละเว็บได้ด้วย มันดึง shortcut มาให้เข้าง่ายๆ เลย


ส่วนด้านซ้ายก็มี Notifications จาก Gmail, Google Plus, Google Calendar, Facebook ด้วย ผมใช้ทั้งสี่อย่างเลยรับประโยชน์สารอาหารครบถ้วน พร้อมพื้นที่เอาไว้จดส่งเดช ปิดแท็บไปเปิดมาใหม่ก็ยังอยู่ ทำตัวหนาตัวเอียงได้


ล่างสุดมีนาฬิกาและกำหนดการนัดหมายที่เราเก็บไว้ใน Google Calendar (นี่ถ้าไม่เห็นตรงนี้มันเตือนก็ลืมไปแล้วนะเนี่ยว่าจะต้องพานิทานไปฉีดวัคซีน)


และสุดท้าย เปลี่ยนฉากหลังได้ตามใจท่าน


ลองใช้อะไรคล้ายๆ แบบนี้มาหลายเจ้า เจอแต่แบบเกือบดี (ไอ้อันที่เป็น Metro ก็เกือบแล้ว) ใช้ไปสักพัก รำคาญ ก็เอาออก แต่พอเจออันนี้ปั๊บ จบเลย ชีวิตสะดวก เลยมาบอกต่อจ้ะ

 •  0 comments  •  flag
Share on Twitter
Published on September 16, 2013 03:20

ยาวไปไม่(ต้อง)อ่าน

scan001


scan002


scan003


scan004


scan005


scan006


scan007


ป.ล.

พอปั่นจักรยานหนีเมฆฝนกลับบ้าน ก็มานึกได้ว่าลืมเขียนนั่นนี่นู่นโน่นอีกประมาณ 7 ประเด็นได้ แต่ก็ช่างเถอะ เขียนไปแล้ว กดอันดู แก้ไขซ้ำไม่ได้ นี่คงเป็นเสน่ห์ของสมุดบันทึกละมั้ง


ป.อ.

ถึงจะยังงี้ยังงั้น แต่ก็ยังแชร์ขึ้นบล็อกอยู่ดี (แค่บันทึกไว้เฉยๆ ว่าจะกลับมาบันทึกไง)


ป.ฮ.

อีเล่มนี้คือมันบางจ๋อยเลยนะ ปกก็ไม่สวยเท่าไหร่ด้วย ก่อนหน้านี้เดินเลือกนานมาก จะหาเล่มที่ปกมันตุ๊ดๆ ที่สำคัญคือต้องไม่มีเส้น เพราะไม่ชอบ ทำไปทำมาเลือกไปเป็นสิบเล่ม มาจบเล่มนี้ได้ไงไม่รู้ 55555 ช่างมันวะ

 •  0 comments  •  flag
Share on Twitter
Published on September 16, 2013 00:38

September 5, 2013

อนิจจายาฮูดูอนาถ

เมื่อเดือนที่แล้วจำได้ว่า พอ Yahoo! ประกาศว่าจะรีแบรนด์ตัวเอง แถมยังทำตัวเจ๋ง ด้วยการประกาศเปลี่ยนโลโก้ตัวเองออกสื่อไปเรื่อยๆ จนครบ 30 วัน แล้วค่อยเปิดตัวโลโก้ใหม่จริงๆ จะบอกว่าตอนนั้นผมตื่นเต้น รอดูด้วยใจระทึก เพราะความเป็นพวกที่บ้าโลโก้อยู่แล้ว ยิ่งเป็นข่าวของบริษัทไอทีที่ออกมาสะบัดอัตลักษณ์องค์กรตัวเองแต่ละทีนี้ อย่างเช่นกูเกิล แอปเปิล ไมโครซอฟต์ ทวิตเตอร์ เอชทีซี ยูทูบ ไรงี้นี่ (จำได้ไหมว่าไอ้ที่พูดมาแต่ละเจ้าก่อนเป็นโลโก้และ Identity เวอร์ชันปัจจุบัน ของเก่าหน้าตาเป็นไงบ้าง) อู๊ย ชอบ เรียกว่าตัวเองเป็นติ่งของการรีแบรนด์เลยแหละครับ




เนี่ยดูดิ เจ๋งจะตาย


ก็กะว่าคุณป้า Marissa Mayer ซีอีโอใหม่ (ไม่ใหม่แล้วนี่หว่า ทำงานมาปีนึงแล้ว) ที่ดูทะมัดทะแมงกระฉับกระเฉงและบุคลิกไม่ธรรมดานี้ จะสร้างความเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่างให้กับบริษัทที่บิ๊กเบิ้มและคลาสสิกขนาดนี้ได้ โอเค ตั้งท่าสวยละ รอดูผลลัพธ์กัน


และเมื่อเช้านี้เอง ก็ครบกำหนด 30 วันตามที่เขาประกาศแคมเปญ ก็หวังว่าตื่นมาจะได้เห็นสุดยอดนวัตกรรมโลโก้ใหม่ที่ร้องเหยดไปเจ็ดน่านน้ำ พอเปิดอ่านบล็อกอย่างเป็นทางการที่เอาไว้พูดถึงการตัวโลโก้ใหม่ปั๊บ ผ่าง..




ผงะครับ


เดี๋ยวๆ ขอใหม่อีกทีซิ นี่วันที่ 30 แล้วเหรอ เขามีทดเวลาเป็น 31 วันไรงี้เปล่า งั้นขอดูหน้าเว็บหน่อยซิ


new-yahoo-logo


เดี๋ยวขอขยี้ตาแป๊บนึงนะ



(จิบน้ำขิง)



อันนี้จริงๆ สินะ :05:


เอาใจจริงตรงประเด็นเลยละกัน ไม่คิดว่ายุคนี้สมัยนี้จะยังเหลือโลโก้ที่เห็นแล้ว “เอ้อ อะไรนะ ขออีกทีดิ๊ นี่คือรีแบรนด์แล้วเหรอ?” อยู่อีก ยิ่งกับบริษัทที่มีบุคลิกเฉพาะตัวและอยู่ยั้งยืนยงมานานระดับนี้ และโลโก้เดิม (เวอร์ชันสีม่วงนะ ไม่ใช่สีแดง เห็น Yahoo.jp ยังแดงอยู่ คุ้นๆ ว่าบริหารงานโดยคนละเจ้ากัน แค่ชื่อเดียวกัน) ผมว่ามันก็เจ๋งอยู่แล้ว เรียกว่าใครที่สนใจงานออกแบบโลโก้อยู่แล้ว ก็น่าจะหลับตานึกภาพตัว Y! สีม่วงๆ และชุดอักษรน่ารักๆ ที่เห็นแล้วรู้สึกเหมือนมันกระโดดกระเด้งไปมาได้…


แต่ก็นะ ดีไซน์เป็นเรื่องของรสนิยมนี่นา ไอ้เรามันมดปลวกเล็กจ้อย ออกแบบได้นิดหน่อยทำเป็นจะออกความเห็น ในสายตาดีไซเนอร์ทั่วโลกเขาอาจจะมีคนชอบกันก็ได้ (แต่ในไทยนี่เมื่อเช้าทวีตไปแล้วคนนี้กับคนนี้แล้วคนนี้ด้วย ที่ทำงานสายออกแบบเหมือนกัน ก็ท่าทางผงะอยู่) สรุปว่าก็ไม่ค่อยกล้าวิจารณ์เท่าไหร่ว่ามันกาก ก็เออ เว็บเขาก็ UX เจ๋งดี สมัยทำเว็บพอร์ทัลวัยรุ่นในไทยเมื่อ 4-5 ปีก่อน (ก่อน Facebook จะครองโลก) ก็ไปเปิดศึกษาจากยาฮูเหมือนกัน ยังอึ้งเลยว่ามึงคิดหน้าแรกแบบนี้ได้ยังไงวะ โคตรเมพ ก็เป็นได้ว่าไอ้โลโก้ดีไซน์นี้เราคงตาไม่ถึงเองละมั้ง..


จนมาเปิดบล็อก BRAND NEW ซึ่งเป็นบล็อกที่ทำมาเพื่อพูดเรื่องการรีแบรนด์เอยโลโก้เอยโดยเฉพาะ มันพูดดีมากเลยนะครับ ขนาดอ่านภาษาอังกฤษไม่แข็งแรงยังพยายามจะแปลเพืื่อจะได้ฮาไปกับสำบัดสำนวนของมัน คือองค์กรไหนที่เจ๋งเขาก็จะแซวแบบเล่นคำกวนตีนๆ ส่วนอันไหนที่เหี้ยก็จะด่าแบบไม่ให้ถอดปี๊บออกจากหัวได้เลย แถมยังมีเสียงโหวตของประชาชนพร้อมคำวิจารณ์อีก


และสำหรับตอนที่ว่าด้วยโลโก้ใหม่ของ Yahoo! นั้น เขาตั้งชื่อเรื่องว่า “30 Days for This?” (แรงปะล่ะ) และเขียนรีวิวนั่นนี่มากมาย เข้าไปอ่านกันเอง ปิดท้ายด้วยเสียงโหวตจากประชาขน ที่ตอนนี้ได้คะแนนความกากไป 425 เสียง ส่วนเสียงข้างน้อยที่บอกว่าเจ๋ง 7 เสียง


ก็สงสารคุณป้า CEO แกนะ ดูมั่นใจ เขียนในบล็อกตัวเองเพื่อเล่าเรื่องราวที่มาที่ไปของโลโก้ใหม่อันสุดเจ๋งนี้ด้วย


yahoo-logo-sketch


ก็ถึงว่าสิ อีแถบม่วงๆ ด้านบนสุดของเว็บ Flickr ที่ป้าแกสั่งให้เพิ่มลงไป (แน่นอนว่ามีแต่คนด่า) นั่นแม่ง โคตรรำคาญลูกตาเลย แทนที่จะได้ดูภาพสวยๆ สบายๆ ตา นี่แม่ง ม่วงพริ้งมาเชียว แทนที่จะใช้แถบเทา (กูเกิลไม่ว่าหรอก) แล้วหาที่แปะม่วงนิดๆ เอาพอเป็นพิธี นี่อะไร รสนิยม


โว้ย ปิดถนนประท้วงดีกว่า


ป.ล.

ส่วนตัวแล้วชอบโลโก้นี้มากๆ ครับ เป็นของวันที่ 2 ของแคมเปญ นึกเสียดายว่าทำไมไม่เอาแนวนี้วะ หรือมันเด็กไป (คือผู้ใช้ยาฮูตอนนี้มีแต่คนรุ่นลุงๆ ป้าๆ ซะเป็นส่วนมากน่ะครับ ถ้าเป็นบ้านเราก็เทียบได้กะอะไรดีหว่า มติชน?)


ป.อ.

แนะนำ Pinterest board ส่วนตัวที่เอาไว้ปักหมุดงานออกแบบโลโก้และอัตลักษณ์ต่างๆ ที่รวบรวมสะสมไว้เรื่อยๆ ครับ ชื่อบอร์ด Flowers เอ๊ย Logo / Identity นะ


ป.ฮ.

ความสัมพันธ์กับ Yahoo! สองอย่างของข้าพเจ้า คือ 1.ใช้ Flickr แบบจ่ายตังค์มาหลายปี จนวันนึงมันก็บอกว่าไม่ต้องจ่ายละ เปิดให้ฟรีเลย ดีกว่าเดิมด้วย แต่ไม่รู้เหลือใครใช้อยู่กี่คนน่ะนะ / 2.ใช้ Tumblr ไว้วาดการ์ตูนแซวลูกตัวเอง และโพสต์รูปจักรยานสลิ่มๆ ก็พบว่าระบบมันโคตรเป็นมิตร น่ารัก ใช้ง่าย และเงียบสงบ (ฮาตรงนี้ หัวเราะได้)

 •  0 comments  •  flag
Share on Twitter
Published on September 05, 2013 08:40

August 29, 2013

รีวิว 3 สุดยอดร้านก๋วยเตี๋ยวแห่งลาดปลาเค้า

พอดีผมเป็นคนชอบกินก๋วยเตี๋ยวมากโดยไม่จำกัดสัญชาติ จะเป็นก๋วยจั๊บญวนหรือราเม็ง หรืออาหารอะไรก็ได้ที่มันเป็นชามๆ มีน้ำซุป แล้วใส่เส้นลงไป เพิ่งมารู้ตัวเอาเมื่อตอนโตนี่แหละว่าตัวเองที่ถึงแม้จะไม่มีรสนิยมด้านอะไรเลย (ไม่ว่าจะเป็นแฟชัน หูฟัง เพลง หนัง ฯลฯ คือรสนิยมต่ำแบบที่พูดไปก็โดนดูถูกน่ะ 555)


แต่กับก๋วยเตี๋ยวนี่ค่อนข้างมั่นใจว่าผมกินเป็น และแนะนำได้ว่าเจ้าไหนอร่อย


ก่อนหน้านี้ที่ผมยังทำงานอยู่ออฟฟิศแถวเพลินจิต เวลาพักเที่ยงทีนึงก็จะไปหากินใกล้ๆ ซึ่งแถวนั้นก็มีร้านฟู้ดคอร์ตบ้าง เวิ้งโซนอาหารบ้าง ซึ่งไม่ว่าจะร้านไหนๆ มันก็มีไว้แค่ให้มนุษย์เงินเดือนอย่างเรากินกันตาย แต่แทบไม่มีเจ้าไหนเลยที่รู้สึกว่ากินแล้วโหยหา อยากกลับไปจัดใหม่อีกครั้ง หรือกินแล้วอยากอวด อยากชวนเพื่อนฝูงมานั่งกินด้วยอย่างร้านแถวบ้าน!


อันว่าย่านลาดปลาเค้านั้นเป็นย่านที่ไม่ค่อยมีอะไรครับ เป็นถนนแห้งๆ รถวิ่งผ่านมาแล้วก็เลยผ่านไป มองรอบๆ มีแค่แฟลตทหาร ร้านเกะล้วงที่ปิดตอนกลางวันและไปล้วงกันตอนกลางคืน แล้วก็พวกร้านอะไหล่ยนต์ แอร์ ซ่อมช่วงล่างงี้ ดูแล้วไม่ค่อยมีชีวิตชีวาและเป็นมิตรกับการใช้ชีวิตประจำวันเท่าไหร่เมื่อเทียบกับโซนลาดพร้าวอื่นๆ อย่างโชคชัยสี่หรือวังหิน แต่เชื่อว่าอีกไม่นานน่าจะเริ่มสนุกขึ้น เพราะพวกคอนโดเอย บ้านจัดสรรเอย เริ่มทยอยมาเปิดแถวๆ นี้เพราะอีกไม่นานรถไฟฟ้าจะมา (พี่แกเลยเอามาเป็นจุดขาย ขายอนาคตนี่แหละสวยหรูดี)


แล้วระยะนี้ผมเริ่มอยู่ติดบ้านน่ะครับ ด้วยความที่แถวนี้มันไม่ค่อยมีอะไร แต่ผมจำเป็นต้องออกไปหาอะไรกิน เพราะเมียไม่ใช่แนวแม่ศรีเรือน ทำอาหารไม่เป็น ถึงวันไหนคึกลองทำขึ้นมาก็ไม่สามารถถ่ายรูปโพสต์โชว์ใครได้ ดังนั้นทุกร้านที่อยู่ในย่านนี้จึงเสร็จบ้านเราหมดแล้ว ไหน มึงเปิดใหม่ใช่ไหม ขอไปลองหน่อย ถ้าไม่เวิร์กก็กู๊ดบาย แต่ที่ไหนเวิร์กก็ไปซ้ำอีก โดยมีข้อแม้ว่าขอเป็นแถวๆ บ้าน จะได้หอบลูกเล็กไปได้สะดวกหน่อย


แต่โดยลำพังถ้าเมียกับลูกไปค้างบ้านแม่ยาย ทิ้งผมให้อยู่บ้านคนเดียว ร้านที่ตัวเองจะไปประจำก็คือร้านก๋วยเตี๋ยวครับ ด้วยรสนิยมเป็นพวกเน้นกินเส้นอย่างที่กล่าวไว้ในย่อหน้าแรก พอเที่ยงทีไรก็จะปั่นจักรยานออกไปเสพเส้นใส่ท้องแล้วกลับมานอนแผ่อ่านการ์ตูนอยู่บ้านทุกที


ตัดเข้าเรื่องเลยละกัน ผมได้ไปทำการสำรวจร้านก๋วยเตี๋ยวในย่านลาดปลาเค้ามากว่า 87,400 ร้าน และทำการคัดเลือกโดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ตูเอง) จนเหลือสุดยอดร้านก๋วยเตี๋ยวแห่งลาดปลาเค้ามา 3 ร้าน 3 แนว ดังต่อไปนี้


ร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำ ซอยลาดปลาเค้า 28

ยกให้เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำที่เชิดหน้าชูตาของย่านนี้เลย ร้านไม่ได้ดังถล่มทลายแบบที่ใครต่อใครต้องถ่อมากินเพราะความดังนะครับ แต่ถ้าจะถ่อมาก็อยากให้ลองชิมเพราะรสชาติ บรรยากาศของร้าน (เปิดเพลงฝรั่งแนวเรื่อยเปื่อยเอื่อยเฉื่อย) และลูกสาวเจ้าของร้านมากกว่า ก๋วยเตี๋ยวร้านนี้ตั้งอยู่เงียบๆ ในซอยลาดปลาเค้า 28 (ดูใน Google Street View) เปิดมาได้ประมาณ 8 ปีแล้ว ที่เจ๋งคือเป็นบ้านของเจ้าของร้านเอง เวลามากินเลยไม่รู้สึกว่าจะต้องรีบกินและรีบไป ไม่งั้นแม่ค้าจะบ่นเอา ดังนั้นเวลาไปแต่ละครั้งกับลูกเมีย ผมเลยอุ้มลูกไปดูหมา ดูปลา (มีปลาด้วย) ดูรูปปั้นเป็ดไก่ และเล่นกระดิ่งวัวที่เป็นของประดับในสวนกระถางเล็กๆ ของร้าน ก็โอเคนะครับ สงบดี


ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ

บรรยากาศหน้าร้าน


เมนู

เมนูของร้านนี้ ที่จริงมีเย็นตาโฟอีกนะที่เป็นจุดขาย แต่ผมชอบต้มยำมากกว่า


วุ้นเส้นหมูสับต้มยำ

ถ้าสั่งวุ้นเส้นต้มยำหมูสับแบบนี้ 40 บาท จะได้หมูสับโบ๊ะมาเต็มหน้า


บะหมี่ต้มยำหมูรวม

ส่วนเมนูโปรดของผมคือบะหมี่ต้มยำหมูรวม ใส่มาหมดเลย หมูสับ หมูชิ้น กระดูกอ่อนกรุบกริบ ใส่ไข่ด้วยนะ (45 บาท)


บะหมี่ต้มยำหมูรวม

รสชาติน้ำซุปกลมกล่อมครับ พอพี่สาวน้องสาว (ลูกสาวเจ้าของร้านน่ารักทุกคน นี่ถึงกับย้ำ) เอาชามมาวางเสิร์ฟ ก็กินได้เลย ไม่ต้องปรุงอะไร


อ้อ คราวที่ไปถ่ายรูปมานี่ไม่มียำสามกรอบ เอามาเคี้ยวเล่นสนุกดี กับกล้วยทับ วางมาเป็นจานพร้อมไม้จิ้ม หรือจะสั่งลูกชิ้นมานั่งกินเล่นก็ได้ แต่ก๋วยเตี๋ยวรอไม่นานนะ ถึงคนจะเยอะก็ไม่นาน ส่วนออปชันอื่นๆ ก็เช่น มีหนังสือพิมพ์สองค่ายใหญ่ให้อ่านสลับกัน มีน้ำแปลกๆ ให้ลองกิน (ลองถามป้าดูก่อนว่าวันนี้มีน้ำอะไรบ้าง)


ข้อเสียของร้านนี้คือบางทีถ้ามาตอนเที่ยงๆ จะไม่มีที่จอดรถครับ แต่ร้านเปิดเช้า เก้าโมงก็นั่งกินได้แล้ว มาช่วงเวลาอื่นจะได้นั่งชิวๆ ได้มากกว่า ก็ไม่ถือเป็นข้อเสียเท่าไหร่เนอะ / ร้านปิดวันอาทิตย์ครับ ถ้ามาเจอปิดกลัวเก้อก็ข้ามไปกินข้าวซอยฝั่งตรงข้ามก็ได้ อร่อยเหมือนกัน แต่ไม่ใช่แนวก๋วยเตี๋ยวเลยไม่ได้จัดรวมอยู่ในรีวิวครั้งนี้


ต่อไปเป็นร้านที่สอง..


ร้านก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำแดงเพชรบุรี ซอยลาดปลาเค้า 62

ร้านนี้เพิ่งเปิดได้ไม่นานครับ รู้สึกจะประมาณปีเดียวเองมั้ง โดยเจ้าของร้านมาเปิดติดกับอีกร้าน (ที่จะกล่าวถึงต่อไป) อย่างองอาจ เพราะเป็นก๋วยเตี๋ยวเหมือนกัน ถึงจะคนละสปีชี่ส์ แต่ก็ถือว่าเปิดมาแข่งกันก็ไม่ผิด


ก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำแดงเมืองเพชร

เนี่ย ร้านอยู่ติดกะก๋วยเตี๋ยวอีกร้านซึ่งเป็นตำนานอยู่แล้ว (รึเปล่าวะ ไม่เห็นมีใครพูดถึง 555)


ก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำแดงเมืองเพชร

แต่ร้านนี้เขามาด้วยจุดขายคือการตกแต่งร้านด้วยบรรยากาศแบบโอตาคุยุคพ่อๆ ลุงๆ เลยครับ มีไอ้มดแดง มีโปสเตอร์หนังไทยเก่าๆ เก้าอี้แนวย้อนยุคอะไรแบบนี้ ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็เห็นสไตล์คล้ายๆ กันนี้บ่อย เลยไม่ค่อยรู้สึกแปลกอะไร


ก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำแดงเมืองเพชร

มันจะมาแปลกเอาอีตรงที่ร้านนี้เป็นก๋วยเตี๋ยวชามละ 35 บาทนี่แหละ พี่อุตส่าห์คิดตีมขึ้นมาดึงดูดลูกค้าน่ะนะ โอเค เอาก็เอา


ซึ่งการไปกินร้านนี้ครั้งแรกบอกได้เลยว่าผิดหวัง เพราะเราดันไปสั่งปลาเก๋า (เห็นเขาพยายามเล่นคำว่าเป็นปลาซ่าส์อะไรสักอย่างนี่แหละ แต่หลังๆ เอาออกแล้วมั้ง) ซึ่งมันไม่ได้สดชุ่มนุ่มลิ้นเหมือนสุดยอดก๋วยเตี๋ยวต้มยำปลากะพงแถวเมืองเอก (อันนี้นอกประเด็น แต่จะบอกว่าสุดยอดจริงๆ สนใจถามทางได้) ก็เลยรู้สึกผิดบาปเล็กๆ แต่ต่อมาอีกหลายวันนึกอยากกินก๋วยเตี๋ยวเจ้าที่ไม่ค่อยได้กิน เลยย้อนกลับมาลองด้วยการสั่งเส้นเล็กน้ำแดง ที่เป็นจุดขายของร้าน


ปรากฏว่าโดน ขาดใจตายกลางร้านเลย อร่อยมาก อร่อยมาก อร่อยมาก!! เหี้ยยยยย ตายตาหลับเลยเมื่อเจอร้านนี้อยู่ใกล้บ้าน!!!


ก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำแดงเมืองเพชร

เพราะเส้นงี้เหนียวหนึบนุ่ม น้ำซุปก๋วยเตี๋ยวที่เป็นสูตรน้ำแดงก็รสชาติกลมกล่อมพอดี ไม่เข้มคลั่กจนเบื่อ หรือใสแจ๋วจนเซ็ง แต่เขาปรุงให้กินทุกครั้งต้องซดหมดจนก้นชาม แถมปรับรสชาติให้เผ็ดร้อนตั้งแต่ก่อนเสิร์ฟด้วยพริกไทยและซอสพริก ซึ่งเป็นสูตรที่คนเพชรบุรีเขากินกัน เหรอวะ เออใช่มั้ง #เรามันคนท่ายาง


ถึงขนาดที่เคยมีอยู่ครั้งนึงไปกินจนซดน้ำหมดชามเกลี้ยงแล้วแต่ยังรู้สึกว่าไม่พอ เลยสั่งเพิ่มมาอีกชามทั้งที่อิ่มแล้ว กินไปก็รู้สึกผิดไป แต่ก็กินด้วยความละโมบ จนขี่จักรยานกลับบ้านด้วยความอึดอัด กลับไปนอนแผ่ที่บ้านเหมือนจระเข้ที่เพิ่งกินเก้งไปเป็นตัวๆ และไม่ต้องแดกอะไรเลยเป็นอาทิตย์ๆ


ก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำแดงเมืองเพชร

แต่บางครั้งที่ไปแล้วปาท่องโก๋ทอดเขาหมด ก็จะเหลือแค่นี้ ไม่รู้ทำไม เซ็งเหมือนกัน รู้สึกเสียอรรถรสนิดห่อย


สุดท้ายคือข้อเสียของร้านนี้ คือเจ้าของร้านไม่ค่อยยิ้มแย้มเลยครับ ดูแกอาจจะมีโลกส่วนตัวสูง หรือไม่ก็เป็นโอตาคุจริงๆ เพราะถึงจะมีลูกมืออยู่คนนึง แต่ดูแกไม่ค่อยปล่อยให้ทำอะไร ตังค์ก็ไม่ให้รับ ปรุงก็ไม่ให้ปรุง ให้เสิร์ฟกับเก็บโต๊ะอย่างเดียว แล้วลุงแกก็ทำช้าาาาาา ดังนั้นถ้าจะไปกินก็เลือกเวลาช่วงบ่ายๆ หน่อยกำลังสวย แต่ระวังปาท่องโก๋หมดนะ อันนั้นของเด็ดเลยขอบอก


หมายเหตุ: ที่จริงร้านนี้ชื่อร้านอร่อยเหาะ แต่ถ้าบอกว่าชื่อร้านอร่อยเหาะจะไม่มีใครเก็ต เพราะหน้าร้านไม่มีคำว่าอร่อยเหาะเลย เข้าใจว่าคงอยากเล่าเรื่องหลายอย่าง รวมถึงการเปิดเพลงย้อนยุคสร้างบรรยากาศในร้าน หรือก่อนหน้านี้พ่อครัวก็จะใส่หน้ากากไอ้มดแดงปรุงก๋วยเดี๋ยวด้วย! ไม่รู้เพราะมันยุ่งยากเกินไปหรือเปล่า เลยจำเป็นต้องค่อยๆ ตัดสิ่งที่ไม่ค่อยจำเป็นอย่างชื่อร้าน หรือคาแร็กเตอร์ไอ้มดแดงที่พี่แกแสดงอยู่ออกไป และโชว์สเตตัสว่าเป็นก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำแดงเพชรบุรีแทน


ปิดท้ายด้วยร้านสุดท้าย…


ก๋วยเตี๋ยวหมูเปื่อย ลาดปลาเค้า 62

ก๋วยเตี๋ยวหมูเปื่อย

ร้านนี้อยู่ข้างๆ ร้านที่แล้วครับ (ดูใน Google Street View) แต่เปิดมานานแล้ว นานจนมีแฟนคลับที่เป็นคนแถวนี้แหละ มากินอยู่บ่อยๆ รวมถึงบ้านผมเองด้วย ดูจากภาพก็จะเห็นว่ามีอาหารอย่างอื่นนอกจากก๋วยเตี๋ยวที่เราโฟกัสในครั้งนี้ นั่นคือเกาเหลา และข้าวหมูเปื่อย (เย็นตาโฟช่างมัน) ซึ่งทั้งสามอย่างนี้มีจุดร่วมที่เป็นจุดขายของร้านนี้ก็คือ “หมูเปื่อย” ครับ


ก๋วยเตี๋ยวหมูเปื่อย

คือเอามาโปะบนข้าวก็ได้ หรือใส่น้ำไม่ใส่เส้นเป็นเกาเหลากินกับข้าวก็ยังได่้ แต่ที่ผมโปรดปรานที่สุดก็คือเส้นเล็ก (หรือไม่ก็เส้นใหญ่) ครับ ราคา 35 บาทถ้าเป็นเวอร์ชันธรรมดา และ 50 บาทสำหรับรุ่นเอ็กซ์ดร้า ที่มีเอ็นหมูหนึบๆ อุดมคอลลาเจนพ่วงมาด้วย แต่ส่วนตัวแล้วชอบแบบหมูเปื่อยเพียวๆ มากกว่า คือมันเปื่อยจริงๆ แบบที่ว่าพอโดนปากปั๊บ แตกระเบิดคาปากเลยน่ะ


ก๋วยเตี๋ยวหมูเปื่อย

คือเขาจะตุ๋นหมูค้างไว้ในหม้อเทพตลอดเวลาน่ะครับ ใครมาสั่งปั๊บเขาก็จะลวกเส้นแล้วตักจากในหม้อมาเติมน้ำซุป เสิร์ฟเลย หอมฉุย เรียกได้ว่าเร็วมาก กินที่ร้านหรือสั่งใส่ถึงกลับบ้านก็ได้ แล้วก็มีอาหารอย่างอื่นขายกรุบกริบ เช่นขนมเปี๊ยะชาววัง กล้วยเบรกแตก กล้วยตาก ถั่วแผ่น ขนมจีบ ฯลฯ แต่พวกลิ่วล้อเหล่านี้ก็ไม่ได้ต่างจากร้านอื่นๆ เลยไม่ได้แนะนำเป็นพิเศษครับ ที่แนะนำคือหมูของเขานี่แหละโคตรเด็ดเลย


ก๋วยเตี๋ยวหมูเปื่อย

บรรยากาศในร้านก็เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวธรรมดาๆ ที่ใช้ตะเกียบไม้ (ชอบตรงนี้ ถึงจะดูแลเรื่องความสะอาดยากหน่อย แต่กินตะเกียบไม้แล้วได้ฟีลมาก) และมีอาเจ้ใหญ่ที่เป็นเจ้าของร้าน คอยคุมทุกอย่าง แต่เจ้แกกระฉับกระเฉงครับ สั่งงานลูกน้องฉึบฉับ แอบฟังมาว่าแกตื่นมาเล่นโยคะทุกเช้า ถึงจะอายุเยอะแล้วแต่ก็ยังสุขภาพดีมากๆ


สรุปว่าเป็นร้านที่มีการบริการในระดับร้านก๋วยเตี๋ยวสากล ไม่ได้ดีเลิศประเสริฐเลิฟยู แต่ก็ไม่ได้อินดี้แบบร้านก่อนหน้า แต่ก็เป็นร้านที่ฝากท้องไว้ได้ประจำครับ



ใครผ่านมาแถวๆ ลาดปลาเค้าลองทวีตมาชวนได้นะ ไว้จะไปกินด้วย 555

 •  0 comments  •  flag
Share on Twitter
Published on August 29, 2013 07:36