iannnnn's Blog, page 4

May 9, 2021

ใช้กระดาษทรายซ่อมหนังสือ

ช่วง 1-2 ปีนี้ ผมซื้อการ์ตูนเก่าๆ มาสะสมเยอะเลยครับ…

เหมือนเป็นการปิดแผลที่เกิดขึ้นในวัยเด็ก ที่ได้แต่ยืมเพื่อนอ่านการ์ตูน ความเก็บกดนี้ทำให้พอหันไปอีกที ผนังด้านหลังห้องทำงานผมก็เต็มไปด้วยการ์ตูนเรียงเรื่องเรียงเลขกันอย่างแน่นขนัด จากพื้นถึงเพดาน แถมซ้อนสองชั้นอีก…

ในเมื่อการ์ตูนมันเกิดมาไว้อ่าน ช่วงหนึ่ง* ผมเลยหาซื้อแบบไม่ค่อยสนสภาพเท่าไหร่ (* ตอนนี้เริ่มสนแล้วเพราะรู้ว่ามันขายได้) ทำให้หลายๆ เรื่องอยู่ในสภาพที่กากเดนมาก แต่อ่านได้ก็โอเคแหละ

กระทั่งวันหนึ่งผมก็ไปติดตามร้านฟื้นฟูหนังสือ อันเป็นร้านหนังสือมือสองแถวๆ ท่าพระ ที่นอกจากจะมีการ์ตูนเก่าๆ เยอะ ขายครึ่งราคา เจ้าของร้านเป็นศิลปินมากแล้ว พี่แกยังเป็นนักซ่อมหนังสือ (ตามชื่อร้าน) ด้วย หลายครั้งแกทำคลิปวิธีการชุบชีวิตหนังสือเน่าให้กลับมามีสภาพสวยงามด้วยเครื่องมือต่างๆ ให้ว้าวเล่น

แล้วอยู่มาวันหนึ่งแกก็เปิดให้สั่งจองแท่นซ่อมหนังสือ แบบเดียวกับที่แกใช้ แต่นี่ทำใหม่เลย ผมก็หน้ามืดกดมา (ได้รันนัมเบอร์ 005 ด้วย ทีแรกจะเอา 024 แต่ไม่ว่าง เออทำไมเอา 005 วะ ลืมแล้ว)

ผ่านไปเดือนนึง พองานเสร็จ เจ้าแท่นซ่อมหนังสือนี้ก็ส่งมาถึงบ้าน พอประกอบเสร็จก็เอาไปโพสต์อวดนิดนึง แล้วก็หาซื้อกระดาษทราย พอดีช่วงนี้โควิด ขี้เกียจออกจากบ้าน เลยสั่งซื้อช้อปปี้ แล้วก็หน้ามืดไปกดแบบที่ติดกับหัวสว่านมา ปั่นกลมๆ น่าจะง่ายดี 5555 (สปอยล์ตรงนี้ไว้เลยว่าคิดผิด เอามาขัดเองกะมือเหอะ สวยกว่า)

ก็เลยมาสาธิตวิธีการซ่อมหนังสือการ์ตูนด้วยแท่น 005 นี้… เริ่ม!

ก่อนอื่น นี่คือหน้าตาของแท่นที่ว่า (ชื่อ ชุดฟื้นฟูหนังสือ FF.Book) ที่จริงเขาต้องทาสีย้อมเข้ม แต่ผมเอาแบบไม่ทาสีละกัน มาแบบไม้ยางนี่แหละ เข้ากะเก้าอี้ในภาพดี

หลักการของเครื่องนี้คือ เป็นแท่นที่มีน็อตเกลียว 4 มุม ขันให้ตัวหนีบบนล่าง บีบหนังสือที่จะซ่อมให้แน่นๆ ไม่ดิ้นดุ๊กดิ๊ก พอน้องนิ่งแล้วก็จะขัดจะทากาวอะไรก็ว่าไป ซึ่งคราวนี้ผมจะสาธิตเฉพาะการขัดกระดาษทราย เจียรขอบกระดาษเก่าที่เละๆ ให้ขาวละเอียดเหมือนหนังสือใหม่เท่านั้นนะครับ

ทีแรกยังไม่กล้าทำกับการ์ตูน ผมเลยเอาหนังสือเก่าๆ มาลองก่อน

เฮ้ย สวย!

มาๆ คราวนี้ไปหยิบเล่มการ์ตูนซ้ำที่เขาให้มาอีกที สภาพเช่า ปั๊มขอบเป็นชื่อร้าน ห่อปก แม็กใน บวมน้ำ ปกติดขอบกระดาษแดงเถือกใช้ได้ เดี๋ยวจะขัดให้ดูปิ๊งๆ หน่อย

หนีบให้ยื่นออกมานิดเดียว เวลาขัดเจียรออก เราก็แค่ตะไบบางๆ ไม่ต้องถึงขนาดเอาเป็นเอาตายนะ เดี๋ยวขนาดหนังสือเปลี่ยน เอาไปใส่ปกเจ็กเก็ตคืนแล้วปกมันจะยื่น

อะ ดูตอนขัด ให้เห็นเลยว่าเนื้อกระดาษที่ทำปฏิกิริยากับอากาศผ่านไปนานๆ แล้วมันจะแดง แต่พอเจียรส่วนที่แดงออกไป ข้างในมันก็ขาวแหละ รอยปั๊มจากร้านเช่าหายไป แถมเนื้อขอบยังลูบแล้วเนียนด้วย นี่ขนาดเลือกใช้วิธีที่ผิดนะ (คือควรใช้ไม้ขัด+กระดาษทรายเรียบๆ มากกว่ามั้ง ของเราใช้แบบติดหัวสว่าน มันไม่คราฟต์ แต่ไม่เหนื่อย 5555555)

อะ ขัดขอบข้างเสร็จแล้วก็หมุนหนังสือ หันมาขอบบนบ้าง ด้านนึงใช้เวลาขัดแป๊บเดียวครับ ประมาณ 30 วินาทีก็เปลี่ยนโปมเป็นแบบในภาพแล้ว

พอเอามาสวมปกเหมือนเดิม ก็เห็นเลยว่าหนังสือดูดีขึ้นมากแหละ

แถมภาพ before / after อีกที

ข้อจำกัดที่เจอมาตอนนี้คือ ถ้าหนังสือเป็นแบบปกพับ เกินเนื้อกระดาษออกมา เราจะหนีบลำบากอยู่ เพราะมันเจียรออกไม่ได้ไง เดี๋ยวมุมพับมันแหว่งหายไปด้วย คือถ้าถอดปกได้ก็คงถอดไปแล้ว แต่นอกนั้นก็โอเคนะ

และถ้ายังไม่พอใจในความเก่าของกระดาษ (คือมันก็ต้องเก่าตามสภาพเปล่าวะ) ก็ให้ใช้ผ้าแตะๆ ไฮเตอร์พอหมาด เอามาขัดๆๆ ในแท่นหนีบนั่นแหละ กระดาษจะขาวขึ้นอย่างตอแหล แต่เราจะไม่เอามาสาธิตในที่นี้ เพราะขี้เกียจแล้ว

ต่อไปพอนึกครึ้มๆ คงหยิบหนังสือการ์ตูนที่อยากอนุรักษ์ไว้ มาลองขัดดูอีกครับ

The post ใช้กระดาษทรายซ่อมหนังสือ appeared first on iannnnn.com.

 •  0 comments  •  flag
Share on Twitter
Published on May 09, 2021 12:02

October 4, 2020

Google Drive Shortcut

[image error]



ปกติเราจะด่าเฟซบุ๊กเวลามันปรับเปลี่ยนหน้าตา หรือฟีเจอร์อะไรสักอย่าง ที่ทำให้ใช้ยากขึ้น ไม่ใช่เพียงเพราะความคุ้นชินกับของเก่า นะ เราหมายถึงการเปลี่ยนแปลงที่ของใหม่มันกากจริงๆ





แต่คราวนี้ขอด่ากูเกิล





เราใช้ Google Drive แบบหนักหน่วงมาตลอด (เช่าใช้แบบ 2TB และเก็บข้อมูลทั้งชีวิตไว้บนนั้น) รวมถึงโปรแกรม Backup and Sync from Google ที่ลงไว้ในคอมพ์ทุกเครื่องที่ใช้ แล้วค่อยเลือกเปิดปิดให้ซิงก์เฉพาะบางโฟลเดอร์ที่ใช้ (เพราะตอนมันซิงก์ไฟล์เกือบล้านไฟล์ของเราเนี่ยทำให้เปิดเครื่องช้ามาก)





ปรากฏว่าปัญหาใหม่ที่เกิดจากการเปลี่ยนฟีเจอร์ของมัน นั่นคือการแชร์ไฟล์กับคนอื่น เมื่อก่อนถ้าจะแชร์จากคนอื่นมาหาเรา จะจิ้มที่ไฟล์นั้น หรือเลือกทั้งโฟลเดอร์ แล้วเลือก ‘Add to my Drive’ มันจะแชร์สิทธิ์การเข้าถึงมาให้เรา รวมถึงสำเนา ‘ตัวไฟล์’ ด้วย (ดังนั้นถ้าเราซิงก์ลงเครื่อง มันก็จะโหลดไฟล์นั้นๆ ลงมาด้วย) เสร็จแล้วถ้าเราจะสำเนาให้สิทธิ์ของไฟล์นั้นเป็นของเราเอง (เผื่อเจ้าของเดิมลบหรือแก้ไข จะได้ไม่กระทบ) ก็ให้เลือก ‘Make a copy’





แต่ล่าสุดเมื่อต้นปีนี้เอง กูเกิลแม่งเปลี่ยน ‘Add to my Drive’ เป็น ‘Add Shortcut to my Drive’





นั่นคือ สิ่งที่จะแชร์ให้กับบัญชี Google Drive อื่น ไม่ได้แชร์ตัวไฟล์ไปให้ แต่แชร์แค่ชอร์ตคัต นั่นแปลว่าพอกดเข้าไป มันก็จะแค่ลิงก์ไปยังไฟล์ต้นทางที่ครอบครองโดยเจ้าของเดิม แน่นอนว่าใครที่ใช้โปรแกรมซิงก์ลงคอมพ์ตัวเอง มันก็จะมาแค่ไฟล์ .gshortcut เท่านั้น ทำแมวอะไรต่อไม่ได้





แล้วกรณีเราทำงานร่วมกับคนอื่นด้วยไฟล์เยอะๆ เช่นต้นฉบับภาพถ่ายมหาศาลหลายสิบ GB ต่อโฟลเดอร์ ก็อย่าหวังเลยว่าจะไป select all แล้วโหลดลงคอมพ์ รอไปชาตินึงเหอะ กว่าพ่อจะ zip ให้เสร็จ (กกด นั้นเป็นที่ขึ้นชื่อว่า zip ช้ามากกกกกก เอาแค่เลือก 2-3 ไฟล์แล้วสั่งให้โหลดลงเครื่องก็รอเงกแล้ว)





กูเกิลสร้างปัญหานี้ขึ้นมา จึงต้องมีทางแก้ …ด้วยกูเกิล





เจอกระทู้นี้ มีคนโวยเหมือนกันเด๊ะ แล้วหนึ่งในนั้นก็ให้คำตอบว่า





I had the same problem and shift+Z solved! Thank you very much.

User 16536751738069728914




ยังไงนะ กด Shift+Z เหรอ คือไรหว่า ลองเข้าไปดูใน Settings -> Keyboard Shortcut ก็เจอมันบอกว่าเป็นการแอ๊ดซีเล็กเต้ดไอเท่มส์ทูอะโฟลเดอร์…. ก็เลยลอง select all แล้ว Shift+Z ดู





[image error]



แล้วก็พบคำตอบ โอ้พระเจ้า มันจบปัญหาจริงๆ ด้วย เลือกโฟลเดอร์ปลายทางที่จะก๊อปไปได้เลย ได้ ‘ตัวไฟล์’ มาจริงๆ แต่สิทธิ์ของไฟล์นั้นยังเป็นของเจ้าของเดิม (คนที่แชร์มา) อยู่นะ ต้องไปทำสำเนาอีกที เดี๋ยวโดนลบแล้วหายหมด





ก็ขอบคุณกูเกิล และขอด่ากูเกิลมา ณ ที่นี้


The post Google Drive Shortcut appeared first on iannnnn.com.

 •  0 comments  •  flag
Share on Twitter
Published on October 04, 2020 06:00

March 16, 2020

ทำยังไงให้หายกลัวงู

“พ่อๆๆ งูมาบ้านเราอีกแล้ว”





นิทานเปิดประตูเข้ามาปลุกผมตื่นนอนตอนเช้าด้วยน้ำเสียงดีใจ… ใช่ครับ ดีใจ นั่นเป็นเพราะลูกๆ รู้ว่าพ่ออยากเจองูแบบใกล้ๆ อีกสักครั้ง





ก่อนหน้านี้มีงูเขียวหางไหม้มาเที่ยวบ้าน ขดตัวสวยงามอยู่ที่โรงรถ เสียดายที่ตอนนั้นผมไม่อยู่บ้าน เลยไม่ได้เจอเอง แต่กล้องแม่บ้านก็ถ่ายติดเงามาอย่างสวยเลย






https://twitter.com/iannnnn/status/11...




และก่อนหน้านั้นอีก ตอนที่บ้านเพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ ช่างก่อสร้างได้ทิ้งท้ายไว้ก่อนเก็บข้าวของออกไปว่า “ผมเจองูเห่าโผล่หัวมาในท่อระบายน้ำหน้าบ้าน พี่ระวังๆ หน่อยละกัน” โอ้โห ขอบคุณมาก ชีวิตกูต่อจากนี้คงแฮปปี้มากๆ





ถัดจากรั้วบ้านผมคือที่ดินรกร้าง มีต้นไม้ขึ้นปกคลุม ถัดออกไปไม่ไกลก็เป็นดงธูปฤาษีขนาดใหญ่ ก็เป็นที่รู้กันว่าถ้ามาแนวนี้สัตว์เลื้อยคลานเพียบแน่ๆ นอกจากงูแล้ว ก็เคยเจอเหี้ยตัวใหญ่เหี้ยๆ





ถึงผมจะเติบโตมาจากต่างจังหวัด อยู่ไร่นาสวนมาตั้งแต่เด็กๆ ญาติโยมเห็นงูทีไรก็ฟาดถึงตายทุกครั้งไป แยกไม่ออกทั้งสิ้นว่าตัวไหนมีพิษไม่มีพิษ ถ้าเป็นงู = ตีตายทั้งหมด นั่นทำให้ตัวเองมีความรู้สึกแอนตี้งูอยู่ไม่น้อย ถึงจะไม่ได้กลัวเวอร์ลนลาน แต่ความกลัวก็มีอยู่ เพราะเกิดจากความไม่รู้ ว่าตัวไหนดุ ตัวไหนมีพิษ ตัวไหนกัดตาย ตัวไหนน่ารัก





ความกลัวเกิดจากความไม่รู้ ก็รู้ซะ จะได้ไม่กลัว





พอมีลูกเล็ก แถมยังเปิดร้านคาเฟ่ที่มีสวน มีต้นไม้เต็มไปหมด (โฆษณา: นิทานคาเฟ่) สิ่งที่ควรทำก็คือ ทำความรู้จักสิ่งมีชีวิตพวกนี้ เผื่อวันนึงจะได้เข้าใกล้ แยกแยะ และหาวิธีจัดการ โดยไม่ได้หลับหูหลับตาตีให้ตายเพราะความกลัวเหมือนที่เจอมาแต่เด็ก





คือก่อนอื่นต้องปรับทัศนคติตัวเองก่อนว่า การเจองู ไม่ใช่ว่าจะต้องตีให้ตายเท่านั้น มันยังมีวิธีอื่นๆ เช่น ไล่ให้ไปไกลๆ หรือเรียกเจ้าหน้าที่มาจับได้ด้วย







คลิปนี้ถ่ายไว้สิบกว่าปีก่อน สมัยที่วิดีโอยัง 240p เขียนบล็อกไว้ด้วย



ด้วยความสนใจที่สะสมมานาน แต่เพิ่งอยากรู้จริงจังก็ตอนที่โดนงูปริศนาเลื้อยข้ามหัวตอนเดินใต้ต้นไม้ที่จันทบุรี T-T เลยต้องรู้จักมันให้ได้ละ ไม่งั้นชีวิตจากนี้จะไม่มีสุขแน่ๆ





ผมเลยกดเข้า 2 คอมมูนิตี้นี้





งูไทย…อะไรก็ได้ all about Thailand snakesงูไทยทั่วราชอาณาจักร – Snakes of Thailand (~อาณาจักรงูไทยในแดนสยาม~)



ทั้งคู่เป็นกรุ๊ปสนทนาถามตอบเกี่ยวกับงูไทย ใครเจองูก็เข้าไปโพสต์ภาพถามชนิดและสรรพคุณได้ บางทีเจอแค่ซาก เสี้ยวเกล็ด หรือคราบงูชิ้นเล็กๆ หรือคลิปเบลอๆ เอาไปถามปั๊บ มีดันคนตอบได้ด้วย! กลายเป็นมิชชันที่แต่ละคนจะอยากหางูเพื่อเอาไปโพสต์อวดกันว่าเจอ ตลกดี





นอกนั้นก็เป็นแหล่งความรู้เกี่ยวกับงู โดยเฉพาะงูพิษ มีทั้งแบบข้อความ ภาพนิ่ง และคลิปวิดีโอ ที่ผมติดตามและแนะนำก็มีดังนี้:





งูพิษชิดใกล้ Thailand Snakes : Close EncountersNick Chomngam ของคุณนิค นักล่างูที่ทำแชนเนลยูทูบได้ดีมากๆ ห้าดาวSnake Wrangler by Pinyo คุณภิญโญ อาสาสมัครและวิทยากรนักจับงูที่มาดนุ่มโคตรๆ งูที่โดนแกจับคงมีความสุข



ก็พอทำให้มีความรู้และความเข้าใจ (ที่หมายถึงเข้าใจงู) เพิ่มเติมอีกหลายอย่าง เท่าที่นึกออกตอนเขียนบล็อกนี้เลยก็ เช่น





งูเห่ามีเวอร์ชันพ่นพิษด้วย: เอาแค่ไม่พ่นก็น่ากลัวจะตายอยู่แล้ว แล้วนี่พ่นได้ไกลเป็นวาๆ ถ้าโดนก็ตาบอด (มีหมาตาบอดเยอะเลยเพราะเจออีพวกนี้) สังเกตจากดอกจันข้างหลังคอ น้องจะไม่มีโลโก้ (ไม่ทุกตัวนะ เพราะมีการแปรผันของสีของลายด้วย) แต่ถ้าไม่ทันสังเกต หรือยังไม่โปร ก็ให้โกย โทรเรียกเจ้าหน้าที่มาช่วยจับดีกว่างูเห่าสนใจแต่สิ่งเคลื่อนไหวที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น มันมองด้านหลังหรือด้านบนไม่ได้ และมันโง่มาก สมองโปรแกรมให้เกิดมาเพื่อเลื้อย ฉก กินเท่านั้น ไม่มีดราม่าอื่นๆ หยุมหยิม นักจับงูก็อาศัยสรรพคุณนี้จับมันจนดูเหมือนง่ายไปปะพี่…เจ้าหน้าที่ที่ว่าก็คืออาสากู้ภัย หรือเจ้าหน้าที่ดับเพลิงก็ได้ ถ้าอยู่กรุงก็โทรเข้า กทม.ได้แหละมั้ง เดี๋ยวเขาประสานงานต่อให้งูหลามต่างจากงูเหลือมยังไง: ถ้าดูง่ายๆ คืองูหลามมีแพตเทิร์นเหมือนยีราฟ ยังกะไปเอาคอยีราฟมาเติมหัวเติมหางเป็นงู และใจเย็น น่ารักกว่างูเหลือมจอมดุงูที่เรากลัวที่สุดคืองูกะปะ: หลายคนเรียกว่ากับระเบิดแห่งสวนยาง คือภาคใต้จะมีงูชนิดนี้อยู่เยอะ แล้วมันจะขดตัวเล็กๆ (ตัวมันเล็กมากนะ) นอนนิ่งๆ พรางตัวกลมกลืนกับใบไม้แห้ง เหมือนหลับ แต่ถ้าเข้าใกล้ถึงรัศมีโจมตี มันจะฉกเร็วมาก! ที่สำคัญคือพิษแรงมาก ถึงตาย หรือสูญเสียอวัยวะถ้ารักษาไม่ทันลูกงูพิษโหดๆ: เช่นพวกงูเห่างูจงอาง ถึงแม้จะยังเด็ก แต่พิษก็แรงพอที่จะฆ่าเราตายได้เหมือนกันนะ แล้วลูกงูจงอางดันตัวลายๆ ดูไม่รู้ว่าเหมือนพ่อแม่มัน ต้องระวัง (จงอางอยู่ภาคใต้เป็นส่วนใหญ่ ภาคนี้ทำไมงูเยอะจังวะ)หมาแมวที่เห็นมันสู้งูพิษน่ะ มันเป็นสัญชาตญาณติดตัวของนักล่า ไม่ใช่ทุกตัวจะเก่ง ปราบงูได้ เจ้าเป็นฮีโร่อะไรนะ แต่ถ้าเป็นไปได้ อย่าให้มันเจอกันเลย งูตาย เผลอๆ หมาแมวก็ตายบ่อยไปงูทะเลเกือบทุกชนิดพิษอันตรายมาก: ถ้าจำไม่ผิดคือไม่มีเซรุ่มด้วย แต่เราจะไม่ค่อยได้เจอมัน มีแค่งูผ้าขี้ริ้วเท่านั้นที่ไม่มีพิษ แถมยังตัวอ้วนๆ ป้อมๆ น่ารักงุ้ยๆ ถ้าโดนจับก็จะขดตัวเป็นผ้าขี้ริ้ว ชาวประมงเห็นก็ชอบ เอามาเลี้ยงงูรัดกัน: ถ้าเห็นมันควงกันแข่งกันชูคอไหวๆ คือมันสู้กัน ไม่ใช่เลิฟซีนงูงูสิง: เจอได้บ่อย หน้าตาผิวพรรณมีหลายแบบด้วย บางเวอร์ชันไปคล้ายงูจงอาง บางเวอร์ชันคล้ายงูเห่า เพียงแต่งูสิงเป็นงูง่ายๆ ไม่มีพิษสง อย่าตีน้องเลย (วิธีสังเกตเบื้องต้นคือ ตัวมันจะยาวๆ เรียวๆ หางยาวมากเลย ไม่เหมือนน้องเห่าที่หางจะตุ้นๆ)ทับสมิงคลาก็พิษโหด: แล้วดันหน้าตาคล้ายกับงูซื่อๆ น่ารักๆ อย่างปล้องฉนวนลาว ตอนนี้สกิลเรายังดูไม่ออก แต่เคยดูคลิปที่มีคนไปกางเต็นท์บนภูสักภู แล้วมัวแต่กินเหล้าหน้าเต็นท์ ไม่ได้สังเกตว่ามีงูเลื้อยเข้าไปในช่องซิป สรุปคือนอนอุ่นกกงูทั้งคืน ตื่นมาตอนเช้าถึงได้รู้ว่ามีมัจจุราชนอนอยู่ด้วย!งูที่นิสัยน่ารักสุดๆ: คืองูเขียวปากจิ้งจก, เขียวปากแหนบ, งูก้นขบ ลองเอาชื่อไปค้นดูนะครับ น้องๆ ตัวเล็ก ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับคน คือ(แทบ)ไม่กัดเลยก็ว่าได้ ถ้าใจถึงคือจับได้เลย นิสัยยังกะกิ้งก่า แล้วอย่างงูก้นขบนี่กินงู(อื่น)ด้วย อยากจะเลี้ยงไว้เฝ้าสวนสักฝูงมีงู 14 ชนิดเป็นสัตว์คุ้มครองตาม พ.ร.บ. ดังนั้นเขาเลยไม่จับ-ไม่เลี้ยง เดี๋ยวโดนจับฯลฯ (นึกออกเท่านี้ก่อน)



พอได้รู้จักและซึมซับทัศนคติต่องู ก็รู้สึกเป็นบวกมากขึ้น ไม่ได้กลัวงูแบบส่งเดชอีกแล้ว ลบล้างความคิดสมัยก่อนที่เคยคิดว่ามันกัดทุกตัว ดุทุกตัว เป็นบางชนิดเท่านั้นที่เวลสูงกว่าเรา เราก็จะค่อยกลัวมัน





และมีนิสัยประหลาดเกิดขึ้นหนึ่งอย่าง คืออยากเจองู ยิ่งตัวสวยๆ หรือสถานการณ์เท่ๆ จะได้เอาไปโพสต์ ได้สัก 10 ไลก์ก็ดีใจแล้ว (เสพติดโซเชียลนี่เรา)









ตัดภาพกลับมาเป็นวันนี้ช่วงเช้า พอลูกปลุกปั๊บ เราก็งัวเงียๆ แต่พอได้ยินคำว่างูเลื้อยอยู่ตรงลานไม้ ก็ตาสว่างโร่ วิ่งไปถ่ายรูปทันที 55555





จึงขอปิดท้ายด้วยน้องเขียวพระอินทร์ นักเขมือบตุ๊กแก ที่มาเยือนบ้านเราวันนี้จ้ะ





[image error]เดินลงมาดูก็เจอน้องไต่อยู่ใต้ชายคา



[image error]น้องเลี้ยวซ้าย มุ่งหน้าจะไปทางต้นเหลืองปรีดิยาธร
(ที่จริงจะอวดต้นไม้น่ะครับ่วงนี้ออกดอกพอดี สวยมาก)



[image error]เราเลยวิ่งขึ้นชั้นบน ไปยืนบนระเบียงแล้วถ่ายลงมา
น้องตกใจเห็นคน เลยสะดุ้งขวับ! ตลกมาก 5555 สะดุ้งแบบ เฮือก! เหมือนช็อตมุก



[image error]ซูมนิดนึง จำไว้นะ ยี่ห้อนี้คืองูเขียวพระอินทร์
น้องชอบอยู่ที่สูง ไม่ดุ แต่น้องปราดเปรียวมาก… ดูสิ น้องยิ้มให้กล้อง



[image error]เลื้อยไปแล้วจ้า แบบช้าๆ น้องไม่รีบ เรารักษาระยะห่างกันนะ
(ฝนเพิ่งตกเมื่อวาน ดอกไม้ร่วงหมดเลย)



[image error]สุดท้ายรูปนี้เอาไปทวีตและโพสต์ถามในกรุ๊ปงู ว่าตัวไหนสายยาง 5555
คือลายมันเหมือนสายยางรดน้ำข้างล่างเป๊ะๆ เลย …ต้องมีวันที่หยิบผิดมั่งแหละ



[image error]น้องเลื้อยขึ้นต้นกันเกรา และร่อน (ใช่ ร่อนได้) ข้ามรั้วเหลืองชัชวาลไปนอกบ้าน
เราเดินมาส่งเพียงเท่านี้ แล้วก็แยกย้ายทางใครทางมัน



ภารกิจถัดๆ ไปของเราก็คือเอาความเข้าใจงูเหล่านี้ไปเล่าให้ลูกฟัง จะได้รู้จักธรรมชาติของงูและเพื่อนร่วมโลกอื่นๆ จ้ะ





ป.ล. มีพี่ที่สนิทกันย้ายบ้านไปอยู่สวนปาล์มที่ชุมพร เจองูทุกวัน เจอในสวนตัวเองนี่แหละ ขยันเอามาอวดชาวเน็ตด้วย จนตอนนี้พี่แกเลี้ยงทั้งห่านทั้งหมาเอาไว้สู้ศึกอสรพิษแล้ว จริงจังมาก


The post ทำยังไงให้หายกลัวงู appeared first on iannnnn.com.

 •  0 comments  •  flag
Share on Twitter
Published on March 16, 2020 11:06

January 9, 2020

2011 / 2554

ทำไปทำมาก็ดองจนได้ นี่ไงล่ะ ยุคบล็อกตายแล้ว 5555 โอเคเล่าต่อเลยละกันครับ





อายุ 29 ปี เรียกว่าเป็นช่วงสุดท้ายของวัย(ที่คิดว่าตัวเองยัง)รุ่นแล้วมั้ง ยุคทองของเว็บฟอนต์สิ้นสุดลงแล้ว เพราะการมาของเฟซบุ๊ก ตอนนี้กลุ่มเพื่อนกลุ่มใหญ่ที่เคยนัดไปไหนมาไหนได้ทีละเยอะๆ เริ่มห่างๆ กัน เราก็ไม่ได้ต่างจากใคร เหลือไปมาหาสู่กันจริงๆ แค่ไม่กี่คน (ส่วนใหญ่ไปกลิ้งแถวๆ คอนโดผัวเมียเมืองทอง)แน่นอนว่าเราเข้าใจและทำนายปรากฏการณ์นี้มาหลายปีแล้ว นอกจากวิถีโซเชียลที่เริ่มเปลี่ยนไปแล้ว ภาระหน้าที่และชีวิตแต่ละคนที่เติบโตขึ้น บางคนมีครอบครัว บ้างก็มีการงานที่ทำให้เวลาว่างพร้อมกันเยอะๆ มาสังสรรค์เฮฮาโพนยางคำแบบเมื่อก่อน ค่อยๆ ลดน้อยลงแต่ก็ยังอุตส่าห์มีมีตติ้งต่างจังหวัดกันได้อยู่นะ ได้แก่การไปเที่ยวแพเมืองกาญจน์ + ไปสวนผึ้ง ซึ่งน่าจะเป็นครั้งท้ายๆ แล้วที่ยกขบวนกันไปเยอะมาก นอกนั้นจะเป็นงานมีตติ้งที่บ้าน เอาของกินมาแชร์กัน หรือจัดงานฟอนต์แคมป์ (เลียนแบบ BarCamp ที่แต่ละคนออกไปพูดแชร์นั่นนี่ ถึงแม้จะเป็นวงปิด แต่ก็ทำกันหลายครั้ง อย่างจริงจังด้วยนะ แล้วได้อะไรเยอะมากจริง)ตอนนั้นที่ทำเว็บฟอนต์แล้วมีตังค์ค่าโฆษณาเข้ามา ก็ประกาศชัดเจนว่านอกจากจะเอาไปบริจาคโรงเรียนต่างจังหวัดแล้ว ก็มีเอามาเที่ยวหรือกินอะไรกันนี่แหละ (ทำไมวัตถุประสงค์เหมือนกับการทำพอดแคสต์ในทุกวันนี้เลยวะ 5555 แสดงว่าโมเดลนี้เราแฮปปี้จริง)ช่วงนั้นเว็บเฟลกำลังไปถึงจุดสูงสุด เราใช้ชีวิตหลังเลิกงานมานั่งใส่หมวกเฟลาธิการ นั่งคัดแยกขยะ เปิดอีเมล พิจารณา ขยำมุกทิ้ง อันไหนผ่านก็โพสต์ขึ้นหน้าเว็บแบบตั้งเวลาไว้ วันละ 7 โพสต์ ทำคนเดียวแบบแมนวลนี่แหละที่ประทับใจคือปีนั้นมีหนังเรื่อง “SuckSeed ห่วยขั้นเทพ” ทีมหนังเขาถึงกับเอาเว็บเฟลไป x ด้วย มีเสื้อลิมิเต็ดเอดิชันรูปเป็ดเหลืองด้วย แถมน้องพีชก็บอกเราว่าเป็นติ่ง 555 เออเหมือนคนแก่รำลึกความหลังดี ตอนนี้น้องแม่งไม่มีทางจำได้แล้วล่ะวงการฟอนต์ไทยก็ผ่านพ้นยุคคลำทาง มีหลายๆ คนเปิด Foundry ของตัวเอง มีการประกวดออกแบบฟอนต์ (เราเป็นหนึ่งในคณะกรรมการ) พวกความรู้ต่างๆ เริ่มขยับมาสู่โลกออนไลน์อย่างแข็งขัน เรียกว่าไม่ต้องงมกันอีกต่อไปแต่น่าเสียใจที่เราดันห่างจากการทำฟอนต์ไปเลย เรียกว่าเลิกเลยก็ว่าได้ เพราะดันไปสนใจเรื่องอื่นอีกมากมายที่ประเดประดังเข้ามาในชีวิตช่วงที่รู้สึกว่าตัวเองบันเทิงกับการโอบรับสิ่งต่างๆ เข้ามาใช้มือถือ Nokia 1280 ใช่แล้ว เป็นมือถือกากๆ ราคาแค่ไม่ถึงพัน ไม่มีจอสีหรือแอนดรอยด์ แต่นั่นแหละ มือถือเอาไว้โทรหาเมียอย่างเดียว คือจะโชว์ว่าตัวเองเป็นคนคูล แต่ไม่น่าจะอยู่นานนะเท่าที่จำได้จริงด้วย หลังจากนั้นก็ใช้ HTC Legend (มือสอง) ซึ่งเรายังรักในดีไซน์ของมันมาจนทุกวันนี้เออ หลังๆ ไม่ค่อยได้เล่าว่าตัวเองเป็นคนชอบถ่ายรูป คงเพราะสไตล์ภาพมันเก่าไปแล้วเมื่อเทียบกับวิถีอินสตาแกรม (เราไปทางนั้นไม่ได้เลยจริงๆ) ซึ่งตอนนั้นใช้กล้อง GF1 แล้วเพิ่งซื้อเลนส์ไวด์ 9-18mm มาใช้ เพื่อจะตกหลุมรักมันอย่างจัง ชอบถ่ายไวด์จังโว้ยนอกนั้นก็ยังซื้อกล้องฟูจิที่กันน้ำได้ด้วยมาอีกอัน เออ มานึกดูก็ซื้อเลื่อนเปื้อนเหมือนกันนะ ถ้าเป็นเดี๋ยวนี้คงไม่ซื้อหรอก คงเพราะตอนนั้นลูกก็ยังไม่มี บ้านก็ผ่อนอย่างรวดเร็ว กิจการก็ไปได้ดี งานประจำก็ทำเงินโอเค ผ่านการไต่เต้ามาจากปีก่อนที่ยังจนอยู่เลย มาปีนี้กลายเป็นคนที่ซื้อของเล่นเยอะๆ ได้แล้วมีแกดเจ็ตอะไรเล่นอีกหว่า อ้อ คินเดิล รุ่นแรกๆ เลยมั้ง ตั้งแต่ยังไม่มีไฟในจอน่ะ ถือว่าคุ้มค่าและสนุกดี เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่ซื้อของ Amazon มาใช้ แล้วก็ประทับใจที่มันต่อเน็ตฟรีโดยไม่ต้องใช้อะไรเลย แต่หน้าเว็บเป็นสีขาวดำ รีเฟรชเรตต่ำสุดเพราะเป็น E-ink น่ะนะ 5555เฮ้ย บ้าจริง เพิ่งนึกได้ เราซื้อไอแพดใช้ด้วย! (iPad 2) จำได้ว่าบัดซบมาก โคตรไม่ประทับใจใดๆ ไม่ถูกจริตอย่างสิ้นเชิง ใช้ไปได้แค่สักพักก็ขายทิ้งไปตอนนั้นไม่รู้ไปตกอยู่ในหลุมอะไร มีคนชวนไปงานเปิดตัวมือถือบ่อยๆ สารภาพว่าเราไม่ชอบบรรยากาศเลยสักงาน คือเราเนิร์ดและไม่ค่อยสันทัดการพบปะผู้คนที่ไม่รู้จัก หรือเคมีไม่ตรงกัน และนำพาสู่บรรยากาศปาร์ตี้แบบนั้น แต่ด้วยความอยากเห็นอยากเล่นของเล่นก่อนใคร ก็เลยไป 5555 แล้วยืมมือถือเขามาเขียนรีวิวด้วยนะ เห็นเราเป็นสื่อเหรอ ได้นอกจากของเล่นแล้วก็ยังมีของกินนี่แหละ ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้กินอาหารญี่ปุ่น (อย่างมากคือเนื้อย่าง หมูกระทะ) แต่พอมาถึงยุคที่ร้านอาหารญี่ปุ่นมันเบ่งบานในเมืองกรุง แล้วเราก็พร้อมจ่าย ดังนั้นกลุ่มเพื่อนเก่าใหม่ก็เลยนัดกันไปโจ้อยู่บ่อยๆ ในอัลบั้มภาพมีแต่แซลมอนนอนเรียงในจานน้ำแข็งนี่พูดเรื่องฐานะการเงินอันสามล้อถูกหวยมาหลายบรรทัด คือจะบอกว่า หลังจากนั้นมันไม่สวยหรูเหมือนเดิมละ ฝากติดตามอ่านของปีถัดๆ ไปจ้ามาเรื่องงานกันบ้าง หลังจากอิ่มตัวสุดขีด เราจึงลาออกจากการทำงานบริหาร กะว่าออกมาเป็นฟรีแลนซ์เหมือนเดิม ซึ่งเป็นเซฟโซนของเรา (ของคนอื่นอาจจะเป็นงานประจำ แต่เราไม่ งานประจำเรามองเป็นโปรเจกต์ใหญ่ก่อนนึงเท่านั้นเอง สำหรับงานที่ผ่านมาใช้เวลาทำเกือบๆ สองปี กินเวลานอนเราไปพอสมควร)เป็นฟรีแลนซ์ได้ไม่นานอย่างที่คิด พี่เม่นที่เคารพรักจากวงการเวิร์ดเพรสก็มาชวนไปเสริมทัพในดิจิทัลเอเจนซีที่จะเปิดตัวใหม่ ตอนนั้นคิดว่าถ้าพี่เม่นชวนทำโปรเจกต์สักอย่างมันก็ควรสนุกแหละ แต่ขอดูท่าทีก่อน ถ้าไงยื่นข้อเสนองี่เง่าไป (เช่นขอใส่รองเท้าแตะ) แล้วเขาไม่รับ ก็จะไม่เอาปรากฏว่าเขาเอา แล้วเราเลยไปเป็นกราฟิกควบๆ อาร์ตไดอยู่ที่บริษัทนี้ยาวเลย สองปี ไหนล่ะชีวิตฟรีแลนซ์อันแสนสุขของกูแต่เมียที่ลาออกมาจากที่เก่าด้วยกันนั้น เลือกอยู่บ้าน สานต่อกิจการสกรีนเสื้อ และตัดเย็บเสื้อผ้าผู้หญิงขายเนี่ย เพิ่งมานึกได้ตอนพิมพ์เนี่ยแหละว่าที่ผ่านมาเป็นสิบๆ ปีมานี้ เราสองคนก็ผ่านความปากกัดตีนถีบ ทำงาน 3-4 อาชีพ รวมถึงงานพ่อค้าแม่ขายมานานมากแล้วเหมือนกัน ไม่เคยมีช่วงไหนเลยที่จับแค่อาชีพเดียวเลยนี่หว่า นี่ล่ะมั้งเลยทำให้รู้สึกว่าเรามีเซฟโซนของตัวเองอยู่แล้ว และระบบที่วางไว้ทั้งหมดก็เพื่อจะให้งานในแต่ละวันไม่ต้องใช้พลังเยอะ คือเหลือเวลาเยอะๆ มาชิลเยอะๆแต่เราก็เสือกเริ่มต้นชีวิตพนักงานบริษัทอีกครั้งจนได้…ปีนั้นมีงานเปิดตัวสำนักพิมพ์ใหม่คือแซลมอน เราไปดูเพื่อนแชมป์เปิดตัวหนังสือของตัวเอง บรรยากาศแปลกประหลาดดี คือที่ผ่านมาจะไปงานฝั่ง Dev ซะมาก มันก็จะเนิร์ดๆ แต่อันนี้ไม่ ดูน้องๆ ในย่านนั้นมีสไตล์เป็นอีกแบบ อธิบายไม่ถูก (ในกาลต่อมาเราเรียกอะไรแบบนี้เล่นๆ ว่าเป็นบรรยากาศแบบแซลมอนๆ)ปีนั้นการเมืองคลายความดุเดือดหลังจากผ่านปี 53 มาสักพัก ด้วยรสนิยมเราไม่ได้อะไรกับฝั่งไหนเป็นพิเศษ คือเป็นคนไม่อินอยู่แล้ว (ซึ่งก็มีคำว่าไทยเฉยบ้าง ignorant บ้าง ไว้จัดประเภทคนแบบเรา คือเลวตลอดแหละ) แต่ก่อนหน้านี้ตั้งแต่สมัยเรียนเสพ Open มาตลอด แล้วเขาด่าทักษิณ ไอ้ความทักษิณเลวมันก็ยังเหลือๆ ฝังอยู่ในสมอง ก็เรียกตัวเองว่าสลิ่มนะ (ตอนนั้นคำนี้ยังไม่แรงเป็นยักษ์มารอย่างทุกวันนี้) แต่สุเทพก็เหี้ยไง… พอเลือกตั้ง จำได้ว่าสุดท้ายก็ไม่ได้เลือกใคร เพราะรักไม่ลงจริงๆอย่างน้อยลูกค้าโมนามาเฟียคนนึงก็คือพานทองแท้ สั่งสกรีนเสื้อบ่อยมาก 5555เมียท้อง!




@iannnnn พ่อกลับบ้าน พ่อกลับบ้าน พ่อบอกกับหนูว่าจะรีบมา^^ http://molo.me/p/52yak9

— Bow (@monamafia) August 1, 2011





การที่เมียท้องนี่คือเปลี่ยนโลกไปทั้งใบจริงๆ ครับ คือมันใหญ่มากจริงๆ จนเรียกว่าหยุดวิถีชีวิตที่เคยเป็นมา ตัดลอกคราบ-เปลือกเดิม แล้วขยับเข้าสู่ตัวตนใหม่เลย เปลี่ยนชีวิตไปเลย เรื่องนี้เล่าไว้อย่างละเอียดมากๆ ในหนังสือคือป๊ะป๋าครองพิภพที่เขียนในปีถัดไปปลายปีนี้น้ำท่วม เราตื่นเต้นและสนุกสนานกับประสบการณ์อันมีค่าระดับนี้อยู่แล้ว ก็เลยขี่จักรยานแม่บ้านลุยน้ำเน่าเพื่อรายงานสถานการณ์น้ำท่วมทุกวัน จะว่าไป นั่นคือ VLOG ในยุคแรกๆ เลยแหละ และภูมิใจในโปรเจกต์นี้มากจริงๆ คือไม่ได้ดังหรือมีคนพูดถึงหรอก ไม่ใช่ประเด็น เพียงแต่มันตอบโจทย์ความอะไรสักอย่างที่ตัวเองมีและเป็นได้อย่างหมดจด คือมันไม่ใช่สถานการณ์ปกติ และเราก็ลงไปขลุกอยู่กับสถานการณ์นั้นได้อย่างที่ไม่มีอะไรเป็นรูทีนสักนิด ก็จดไว้ละกันว่าชอบแบบนี้ เพราะมานึกดูแล้วเหตุการณ์ที่แล้วๆ มา ไม่ว่าจะการไปร่วมม็อบ หรือเกาะติดสถานการณ์ Exclusive สักอย่าง มันก็มีฮอร์โมนประเภทนี้ขับเคลื่อนอยู่ทั้งนั้น เออคือความเสือกนั่นแหละได้รู้จักเพื่อนใหม่ชื่อหนุงหนิง :) ที่มาพร้อมกับงานสกรีนเสื้อล็อตใหญ่มาก ในโครงการชื่อน้ำใจท่วม หรือประมาณนี้ 5555 เพื่อนำรายได้ส่วนหนึ่งไปสมทบกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม เรียกว่าปีนั้นร้านสกรีนเสื้อเล็กๆ อย่างโมนามาเฟียไม่ต้องรับงานจากลูกค้าอื่นอีกแล้ว แค่งานนี้ก็หน้ามืดไปหลายตลบปีนี้ส่งท้ายปีหลังน้ำลดด้วยการกลับไปเป็นมนุษย์เงินเดือนอีกครั้ง เพราะตอนน้ำท่วม ทางบริษัทให้ทำงานที่บ้านได้ แต่พอกลับสู่สภาพปกติ มันก็จะเหี่ยวๆ หน่อย ว่ากันตรงๆ คือ ไลฟ์สไตล์ที่ต้องตื่นเช้า ออกจากบ้านไปทำงาน เย็นกลับบ้านมากินข้าวกับเมีย ซ้ำๆ ทุกวันแบบนี้ไม่ใช่แนวเราเลย ธรรมเนียมอันรุงรังในการที่จะได้ “งาน” มันไม่ใช่วิถีชีวิตแบบที่เป็นเราสักนิด รู้สึกมานานแล้วตั้งแต่ออฟฟิศเก่า พอมาที่ใหม่ ถึงจะได้ทำงานที่ชอบ และมีบรรยากาศที่ดี แต่เมฆฝนก้อนเล็กๆ ก็กำลังตั้งเค้า…



พบกันใหม่ปีหน้าจ้ะ แม่งกว่าจะเขียนได้แต่ละปี จะครบทศวรรษเมื่อไหร่กัน





ของปีอื่นๆ:
2010 / 2011


The post 2011 / 2554 appeared first on iannnnn.com.

 •  0 comments  •  flag
Share on Twitter
Published on January 09, 2020 10:06

January 2, 2020

2010 / 2553

ทีแรกเราว่าจะไม่เขียน (แน่นอน ถ้าเปิดมาแบบนี้แสดงว่าบล็อกนี้ยาวชัวร์)





แต่พอเห็นมิตรสหายใกล้และไกลต่างเขียนถึงช่วงชีวิตของตนในทศวรรษที่ผ่านมาแบบย่อๆ เฮ้ยอ่านแล้วเพลินดีว่ะ กอปรกับการได้เห็นไฟล์ Google Docs ของตัวเองที่ร่างไว้เมื่อปีที่แล้ว ชื่อไฟล์ว่า “2018” นั่นแปลว่าความตั้งใจในการสรุปเรื่องราวในช่วงสองปีที่ผ่านมานั้นล้มเหลวสิ้นดี อายตัวเอง





เลยขอกลับมาเล่นใหญ่ สรุปแม่งเลย สิบปี แยกเป็นสิบบล็อกต่อกัน (ทยอยเขียนนะ) อย่างน้อยก็ได้เอาไว้ย้อนอ่านชีวิตตัวเองในฐานะของคนที่ขี้ลืมมาก มากๆ จนเสียดาย…





ดีอย่างที่ชอบบันทึกอะไรๆ ด้วยรูปภาพตลอดมา และจัดเก็บเรียงเป็นโฟลเดอร์ตามวันที่ (นับจำนวนภาพถึงตอนนี้ก็น่าจะเกือบล้านแล้ว) เลยขอเปิดดูประกอบการเขียน ก็เออ ช่วยได้เยอะ คือบรรทัดถัดจากนี้ไปให้เข้าใจตรงกันนะครับว่าผมเองลืมไปหมดแล้ว มารู้ก็ตอนที่เปิด Google Drive ในชื่อโฟลเดอร์ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา แล้วก็พูดถึงมัน…





เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เริ่มเลยนะ





อายุ 28 เพิ่งแต่งงานได้ไม่นาน แฮปปี้มาก มีเมียทันใช้ ตอนนั้นเมียยังไม่ดุเพิ่งซื้อบ้านอยู่หมู่บ้านจัดสรรย่านลาดปลาเค้าได้ไม่นานวิถีชีวิตยังผูกพันกับกลุ่มเพื่อนๆ พี่น้องชาวเว็บฟอนต์ ที่เป็นช่วงปลายๆ ของยุคคอมมูนิตี้เว็บบอร์ดแล้ว หลังจากนั้นก็ค่อยๆ ล่มสลาย พร้อมกับความนิยมของเฟซบุ๊กที่มาแทนในปีถัดๆ มาการทำเว็บฟอนต์ได้นำพาเราสู่ตัวตนในวงการกราฟิกดีไซน์ เราถูกแปะป้ายว่าเป็นคนสายกราฟิกและไอทีไปพร้อมกัน (มีครั้งนึงถูกลากไปเป็นผู้ตัดสินอีเวนต์ระดับ Cut & Paste เอย TFace เอย แบบรู้สึกว่าความสามารถของตัวเองไม่ควรค่าสักนิด)เป็นปีที่เริ่มเห็นว่าวงการไอทีและออนไลน์มาร์เก็ตติ้ง ค่อยๆ หลอมรวมกัน โลกออนไลน์ในไทยบูมสุดขีดเหมือนมีใครไปกดระเบิด แล้วมันก็ได้สร้าง “ไอ้แอนนนนน” ให้โผล่ขึ้นมามีไฟส่องหน่อยนึง ไปโผล่ตามนิตยสารเล่มนั้นเล่มนี้ แหมมาพูดตอนนี้ก็อาย แต่พอมองกลับไปก็คงเป็นยุคสมัยของมันจริงๆ คือตามวัยแล้ว ลึกๆ ตอนนั้นก็ภูมิใจในการเป็นซัมวันบ้างแหละครับ (แต่พอมามองตอนนี้ หนีได้ก็หนี กลายเป็นวัยแห่งการสลายตัวตน)ทำเว็บเฟล เป็นประสบการณ์อันมีค่ามากในช่วงชีวิตนั้น ได้ลองผิดลองถูกนั่นนี่มากมาย แต่สารภาพว่าลืมรายละเอียดไปเกือบหมดแล้ว (ถ้าสนใจ ลองอ่าน สารจาก(อดีต)เฟลาธิการ)เล่นทวิตเตอร์ตั้งแต่ยุคแรก เล่นแบบเสพติดและผ่อนคลายกว่าเดี๋ยวนี้มากๆ ส่วนใหญ่คุยกับคนในวงการไอที จนรู้จักทักทาย หลายคนยังเป็นมิตรสหายกันมาจนทุกวันนี้เล่นไปเล่นมา คนตามเยอะ ทักษิณยังตาม 555555 จนได้ไปพูดบนหลายๆ เวทีในฐานะของอะไรไม่รู้ ได้ตังค์ด้วย เยอะด้วย (เลยได้สกิลการนำเสนอบนเวทีมา) เพราะทวิตเตอร์ยุคแรกมันขับเคลื่อนด้วยนักการตลาดน่ะครับ เลยได้ความรู้เรื่องการตลาดและตัวตนออนไลน์ของยุคนั้นมา (ออกตัว: เป็นที่รู้กันว่าไอ้วิชาพวกนี้มันมีอายุของมัน การที่ตอนนั้นรู้ ไม่ได้แปลว่าใช้ได้จนทุกวันนี้ เพราะความรู้ และโลกทัศน์มันเปลี่ยนแปลงไปตลอด มาย้อนดูสไลด์ #SMCON, #TWTCON, WordCamp ก็พบว่าแม่งโคตรเชย เช่นเคยทำนายว่าต่อไปคนนึกถึงอินเทอร์เน็ต จะนึกถึงเฟซบุ๊ก ไม่ใช่กูเกิล หรือบอกว่าต่อไปทุกเว็บจะปุ่มแชร์ออก มีโซเชียลเป็นฉากหน้า ไรงี้ เดี๋ยวนี้เด็กประถมก็รู้แล้ว)เห็นคนอื่นพูดเรื่องงานเป็นหลัก ทีแรกจะไม่พูดถึงเลยก็ไม่ได้ – ช่วงนี้เปิดร้านสกรีนเสื้อเต็มตัว ขายดีมากเพราะเป็นเจ้าแรกๆ ที่ทำตลาดออนไลน์ (ขายดีกว่าสมัยนี้ที่ทุกคนทำกันเป็นปกติ และในแง่ธุรกิจ เราเองก็ดันไม่ได้ใส่พลังลงไปเท่าที่ควร)อีกงานคือทำสตูดิโอรับจ้างทำเว็บไซต์กับปิงและโบว์ เป็นแก๊งสามช่าแห่งวังหิน ที่ทำไปทำมาก็จับโปรเจกต์ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนงานใหญ่ที่สุดถึงขนาดเปลี่ยนชีวิตเลยคือการได้ทำเว็บ zheza.com (ตอนนี้เว็บยังอยู่!?) ทำให้ได้เข้าไปนั่งประจำการที่อาร์เอส แล้วก็ปั้นโปรเจกต์ SkoolBuz (เป็น zheza ในโหมดการศึกษา)ถึงจะไม่ชอบตัวเองในสถานะเมเนเจอร์เลย เพราะมันต้องใช้สมองไปทำอย่างอื่น (ที่อิหยังวะ) ซะเยอะ แถมยังมีทีมอีกตั้งหลายสิบชีวิตที่ต้องลากถูไปด้วยกันแต่พอมองย้อนกลับไปจากจุดนี้ก็พบว่าสกิลที่ได้มามันเป็นสกิลผู้บริหาร ที่ทำให้ตัวเองเปลี่ยนจากคนที่ค่อนข้างอ่อนน้อมและเหนียมแบบมึงเหนียมไปทำไมวะ มาเป็นคนที่แข็งกร้าวขึ้น ความแข็งกร้าวนี้เราไม่เคยมีมาก่อน แน่นอน ข้อเสียก็มี ข้อดีที่เคยคิดว่าไม่น่าจะมี ก็ดันมีได้ไปคอนเสิร์ตบิ๊กเมาเท่นครั้งที่ 1 (แล้วก็ไม่ได้มีโอกาสไปอีกเลย)พอมีสังคมออนไลน์แล้ว เราเลยชอบไปฟังและดูสัมมนา จำพวกบาร์แคมป์ รี้ดแคมป์ นั่นนี่แคมป์เพียบ ส่วนใหญ่เป็นงานฟรี ใช้ใจอย่างเดียวเลย ตังค์ไม่ต้อง มันจะเป็นยุคแห่งการคอนทริบิวต์น่ะเนอะ (เดี๋ยวนี้เปลี่ยนเป็น TED ต่างๆ ไปแล้ว ไม่ใช่แนวเราเท่าไหร่…)ก็เหมือนกับที่โลกออนไลน์ตอนนั้นเป็นช่วงเบ่งบาน มีนั่นนี่ให้ใช้ให้เล่นฟรี ระเบิดความคิดสร้างสรรค์ และถ่ายทอดเคล็ดวิชากันอย่างไม่หวงก้าง หรือแม้แต่เก็บตังค์ คือสนุกมากๆ เสียดายที่เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว กินโพนยางคำบ่อยมาก คงเพราะมีตติ้งกับชาวฟอนต์บ่อยเชี่ย นี่คือลืมไปหมดแล้วจริงๆ มานึกออกตอนเปิดดูโฟลเดอร์เก่าๆ นะ…



สรุปว่าปี 2010 ถือเป็นปีแห่งการอัปสกิลและเคล็ดวิชาในหลายๆ ด้าน ทั้งคอมพิวเตอร์, กราฟิก, การบริหาร, ครีเอทีฟ, คอนเนกชัน, อัปฐานะทางการเงินด้วย เป็นช่วงที่เปลี่ยนตัวเองจากปากกัดตีนถีบ มาเริ่มเข้าใจความเป็น “ชนชั้นกลาง” ละ





แม่งเป็นสเตตัสที่อยากคงไว้นานๆ (ในยุคนั้นน่ะนะ) 55555






The post 2010 / 2553 appeared first on iannnnn.com.

 •  0 comments  •  flag
Share on Twitter
Published on January 02, 2020 09:51

December 23, 2019

พรปีใหม่ ๒๕๖๓

[image error]



ดึกแล้ว มาอวยพรปีใหม่กัน!



ปีใหม่นี้ขอให้คุณมีความสุข



สนุกสนาน



ไม่เซ็ง



ไม่เศร้า



ไม่ซวย



ไม่รมณ์เสีย



ไม่ๆๆๆๆๆ



ม้ายยยยยยยย



ว่าแต่คนเราจะต้องการอะไรกันเยอะแยะนะ



ความสุขมันอยู่ที่ได้กิน



ได้ขี้



ได้ปี้



ได้นอน



ที่เหลือก็พยายามเอาเองละกัน



(โคตรเปลืองเน็ต)

The post พรปีใหม่ ๒๕๖๓ appeared first on iannnnn.com.

 •  0 comments  •  flag
Share on Twitter
Published on December 23, 2019 09:23

December 4, 2019

ของดี: คลิปสอนกราฟิกดีไซน์เบื้องต้น

ผ่านเวลามานานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ แต่ทุกวันนี้เราก็ยังคงทำงานกราฟิกอยู่ อาจจะไม่ได้ทำเป็นอาชีพ (คือหารายได้โดยตรงจากการรัลจ้างออกแบบ) แต่มันกลืนมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะทำเล่น (เช่นออกแบบปกพอดแคสต์และอื่นๆ) หรือทำมาหากิน (ลูกจ้างเมีย) คือเปิดโฟโต้ช็อปเกินวันละ 8 ชั่วโมงละกัน





แล้วช่วงนี้มีภารกิจเล็กๆ ก็คือสอนกราฟิกให้น้องคนนึง ซึ่งนู้บมาก





แล้วระหว่างหาคลิปน้องอิ้งค์ในยูทูบ ก็เจอคลิปเหล่านี้ เราเลยนั่งดูด้วยความเพลิดเพลินมาก คือสอนวิชาออกแบบกราฟิกเบื้องต้นได้ดีและเข้าใจง่ายด้วย แล้วตัวคลิปเองก็ทำออกมาสวยดูเพลินจริงๆ





แล้วก็เผลอรำพึงรำพันออกมาว่า อิจฉาเด็กสมัยนี้จังเลยว่ะ…







เรื่องเลย์เอาต์และคอมโพส (อันนี้ดี เพลินมาก)





เรื่องสีในงานออกแบบ





การจัดวางตัวอักษร (ไทโปกราฟิี)





กระทั่งการเลือกรูปภาพมาใช้ในงานออกแบบ





แบรนดิ้ง และอัตลักษณ์ (ไม่ใช่แค่โลโก้)





หรืออยากดูความรู้พื้นฐานก็ดูนี่ (เอามาไว้หลังๆ เพราะมันเป็นเลกเชอร์ แต่ก็ทำดีนะ)



ขอบคุณยูทูบช่อง GCFLearnFree.org นะคัรบ ไปกดไล่ดูได้ มีอะไรดีๆ อีกเพียบเลย แถมยังมีคลิปจากช่องอื่นๆ ที่ไหลตามกันมาอีกเพียบ เช่นอันนี้ก็ดี๊ดี











เอ้า ฉิบหายละ พอดูคลิปสาระต่อๆ กัน คลิปน้องอิ้งค์ก็หายไปจากกล่อง Suggestions หมดพอดีสิ

 •  0 comments  •  flag
Share on Twitter
Published on December 04, 2019 07:14

September 8, 2019

พระพุทธจ็อบส์ : Buddha Jobs

พออ่านข่าวแล้วก็คิดขึ้นมาได้ว่า เราจะอยู่กับความกลัวนี้ไปทำไม? เลยวาดรูปนี้ขึ้นมาแจกครับ





[image error]



[image error]



[image error]



ผมทำเป็นขนาด 1280 x 1920 พิกเซลเอาไว้ ดาวน์โหลดใช้งานได้ฟรี ไม่ต้องขออนุญาต แค่ให้เครดิตกันก็พอ (Creative Commons : CC-BY 4.0) แต่ถ้าต้องการใช้ไฟล์ละเอียดๆ ก็ทักมาได้ทางทวิตเตอร์ครับ


The post พระพุทธจ็อบส์ : Buddha Jobs appeared first on iannnnn.com.

 •  0 comments  •  flag
Share on Twitter
Published on September 08, 2019 11:34

January 13, 2019

มาฟังพอดแคสต์ มาฟังพอดแคสต์

[image error]ภาพจาก #CTC2019 ขโมยมาจากแซม



เมื่อวานนี้ได้มีโอกาสไปร่วมแจมวงเสวนาในงาน Creative Talk Conference 2019 (#CTC2019) ที่มีแม่งานคือพี่เก่ง @sittipong แห่ง rgb72 ในเรื่องพอดแคสต์ (ตั้งชื่อหัวข้อเรียกแขกซะอลังการเลยว่า Podcast is the next big wave?)





บรรยากาศหนุกหนานอย่างที่คิด เหมือนเป็นการรวมรุ่นคนในวงการเว็บที่เราเคยอยู่เมื่อหลายปีก่อน แล้วเจอพี่ๆที่รู้จักเคารพรัก และน้องๆ รุ่นใหม่อีกเพียบ ใครที่พลาดงานนี้น่าเสียดายมากจริงๆ แต่ได้ข่าวว่ากดซื้อบัตรยากมาก ขนาดยากนะ ยังอุตส่าห์ไปถล่มศูนย์สิริกิติ์กันตั้ง 1,500 คน





สำหรับเซสชันพอดแคสต์ มีผู้ร่วมเสวนา 4 คนคือ (ก๊อปมาจากอีเมลเชิญ)





คุณปรัชญา สิงห์โต – GetTalks Podcastคุณพลสัน นกน่วม – GetTalks Podcastคุณภูมิชาย บุญสินสุข – Executive Director for Podcast ,THE STANDARDคุณรวิศ หาญอุตสาหะ – บริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จำกัด



ดำเนินรายการโดยคุณสิทธิพงศ์ ศิริมาศเกษม (พี่เก่ง) ซึ่งเวลาจริงมันคร่อมกับอีกเวที พี่โจ้เลยโดดมาเป็นผู้ชงคำถามแทน





และเสียดายที่เวลาบนเวทีมีแค่ 40 นาที มันเลยไม่พอกับที่อยากพูด (มีโอกาสตอบเร็วๆ ประมาณครึ่งเดียว 5555) เลยขอเขียนบล็อกนี้เพื่อทบทวนเพิ่มเติมสักหน่อย อย่างน้อยก็เอาไว้อ่านย้อนหลังว่ากรอบเวลาปัจจุบันนี้ (ต้นปี 2019) นี้มันเกิดอะไรขึ้นกับวงการพอดแคสต์ไทยบ้าง จากมุมมองของเรา เริ่ม!





พอดแคสต์คืออะไร?



อธิบายอย่างง่ายที่สุดสำหรับคนขี้เกียจอ่าน พอดแคสต์คือยูทูบที่มีแต่เสียงน่ะครับ





ถ้ายาวขึ้นอีกหน่อย พอดแคสต์ (Podcast) มาจากคำว่า iPod + Broadcast แปลความหมายตรงตัวก็คือเป็นการพกเสียงไปฟังตามที่ต่างๆ เหมือนกับฟังเพลงนี่แหละ แต่อันนี้ไม่ใช่เพลง อาจเป็นรายการวิทยุแบบออนดีมานด์ คือเลือกเปิดฟังต่อนไหนที่ไหนก็ได้ เหมือนเรามีไฟล์ MP3 ธรรมะที่โหลดติดตัวไว้ฟัง





โดยพอดแคสต์นั้นเกิดขึ้นในโลกมาช่วงปี 2000 นิดๆ โดยผู้จัดรายการก็ทำตัวเหมือนดีเจวิทยุนั่นแหละครับ จัดเสร็จก็เก็บไฟล์เสียงไว้ให้โหลดไปฟังกัน ยังไม่มีแพลตฟอร์มอะไรรองรับ





จนเริ่มเป็นที่รู้จักในยุคที่แอปเปิลและไอโฟนเริ่มเรืองรอง เพราะมือถือค่ายนี้ทุกเครื่องจะมีแอปนึงที่เป็นไอคอนสีม่วงๆ รูปเสาอากาศติดมาอยู่แล้ว แล้วเคยกดฟังกันไหม ก็ไม่…





แต่ในต่างประเทศนั้น ความนิยมมันเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างเงียบเชียบ จนทำไปทำมาเฮ้ยมันจุดติดเฉยเลยว่ะ (เดี๋ยวจะเล่าอีกที) ตอนนี้มีแพลตฟอร์มรองรับ มีระบบเอาไว้ค้นหา กระจายข้อมูล มีแอปฟังพอดแคสต์อื่นๆ ทั้ง iOS และแอนดรอยด์โผล่มาไม่ซ้ำหน้า รวมถึงเจ้าใหญ่ๆ อย่างกูเกิลหรือ Spotify ด้วย!





ส่วนของไทยนั้น กลุ่มคนที่รู้จักพอดแคสต์ (อย่าว่าแต่เป็นผู้ผลิตหรือผู้ฟังเลย เอาแค่คนรู้จักมันก็พอ) ยังน้อยมาก ซึ่งจะว่าไปมันก็เป็นเรื่องเกร๋ๆ นะคะคุณ เหมือนเพลงอินดี้ หนังอินดี้ ช่วงนี้มันยังไม่ได้เมนสตรีม





แต่ คุณ… เทรนด์มันกำลังมาว่ะ





เราชอบฟังพอดแคสต์



เราทำงานดึก งานที่ทำก็พวกกราฟิกเอย งานเอกสารเอย





เราใช้เวลาขับรถและเดินทางนาน เราเบื่อเพลย์ลิสต์เพลงซ้ำๆ





เราไม่มีเวลาอ่านหนังสือเล่มหนาที่ซื้อมากองรออยู่เต็มบ้าน ขนาดการ์ตูนยังไม่มีเวลา





นานๆ ทีเราจะปั่นจักรยานออกไปเที่ยวเล่นนอกบ้าน





และหูเราว่าง แต่สมองบอกว่าอยากรับอะไรเข้ามาเติมอีกหน่อย





ใครก็ตามที่มีคุณสมบัติข้อใดข้อหนึ่งแบบเดียวกับที่ว่ามาข้างบนนี้ โดยเฉพาะ “ความหูว่าง” อันน่าเสียดาย จนหลายคนเลือกเปิดเพลงเป็นเพื่อน หรือฟังวิทยุเป็นเพื่อน หรือฟังเดอะช็อกเป็นเพื่อนขณะทำกิจกรรมอื่นๆ





พอดแคสต์จึงเกิดมาเพื่ออุดรูรั่วตรงนี้ คือทำให้หูคุณหายว่าง ในขณะที่คุณเองก็จดจ่อกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ต่อไป ผ้าก็ซักต่อไป น้ำก็อาบต่อไปได้โดยแทบไม่เสียสมาธิ ส่วนครั้นจะมีประโยชน์ในแง่อื่น เช่นเติมเต็มความรู้คู่ชีวิต หรือเพื่อความบันเทิงเริงหู อันนี้ก็แล้วแต่รายการที่จะฟัง





เชื่อเถอะว่ามันตอบโจทย์บางอย่างโดยที่คุณไม่รู้มาก่อน ว่าเฮ้ย ได้นี่หว่า





ฟังได้ที่ไหนยังไง



ถ้าใช้ไอโฟน มองหาแอปชื่อ Podcast เลยครับ จิ้มเข้าไปค้นชื่อรายการดูได้เลย (รายชื่อรายการจะกล่าวถึงต่อไป) พอกดสับตะไคร้ปั๊บ มันก็จะโหลดมาตุนไว้ในเครื่องเพื่อรอเราเปิดฟังได้เลย ดีเนอะ





ส่วนใครที่ใช้แอนดรอยด์ หรือระบบอื่นๆ แนะนำ SoundCloud ที่เอาไว้ฟังก็ได้ อัปโหลดรายการตัวเองก็ดี หรือแอปอื่นๆ เช่น Castbox (ผมใช้อยู่), Podcast Addict, Google Podcasts และ Spotify ที่เพิ่งมา





ความดีของการฟังก็คือเราสามารถกดเร่งสปีดได้นะ ถ้าชินแล้วจะเสียเวลาชีวิตน้อยลงอีก (ตอนนี้ผมตั้ง default ไว้ที่ 1.4x ครับ กำลังสบายหู เสียงไม่เพี้ยนมาก แต่เมียบ่นว่าฟังไม่ทัน)





มีอะไรให้ฟังบ้าง



ของต่างประเทศไม่รู้นะครับ มีโคตรหลากหลายแนว เป็นแสนๆ ช่อง และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ





ผมแนะนำเฉพาะของไทยละกัน ในอดีตเคยมีรายการรุ่นพี่อย่างช่างคุย, We Slide Radio, ดีไซน์ไปบ่นไป อะไรงี้มาพักนึง ซึ่งโปรดักชันและเนื้อหาดี แต่อาจจะมาก่อนกาล (ก็คือยังไม่มีโซเชียลไว้เป็นโทรโข่งแบบทุกวันนี้ เป็นรายการที่อัดกันเป็นไฟล์แล้วอัปขึ้นเว็บตัวเองให้โหลด) ตอนนี้เลยไม่มีแล้ว





แต่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้เอง ก็มีรายการหน้าใหม่เกิดขึ้น แม้ช่วงแรกจะยังอยู่ในวงไม่กว้างนัก แต่ก็ค่อยๆ คึกคักขึ้นเรื่อยๆ โดยมีทั้งสื่ออย่าง VoiceTV, a day, The MATTER  กระโดดลงมาร่วมแจมด้วย และมีผู้จัดรายการมือสมัครเล่นอีกจำนวนหนึ่งที่นึกสนุกลองทำดูบ้าง แน่นอนว่ามีบ้างที่ล้มหายตายจากไปเพราะความไม่แมสของมันทำให้ยอดฟังไม่ได้หวือหวาเหมือนการเอาไปไลฟ์หรือทำคลิปลงเฟซบุ๊กยูทูบ แต่ไอ้ความเป็นดินแดนใหม่รอการบุกเบิกนี่แหละสนุก อยากให้มาลอง





ลิสต์รายชื่อรายการต่อไปนี้ผมเคยจดไว้เมื่อปี 2017-2018 ดราฟต์ไว้ว่าจะเขียนบล็อก แต่ก็ไม่ได้เขียนซะที งั้นขอเอามาปัดฝุ่นใหม่ตรงนี้เลยละกัน โดยจะแนะนำเน้นตามรสนิยมการฟังของตัวเองนะครับ ถ้าพลาดช่องไหนไปขออภัย รบกวนช่วยเขียนเพิ่มเติมในคอมเมนต์ด้านล่างครับ





WiTcast





รายการคุยวิทย์ติดตลก พกไว้ฟังยามเปลี่ยวสมอง ดำเนินรายการโดยนักสื่อสารวิทยาศาสตร์อย่างแทนไท ประเสริฐกุล, ป๋องแป๋ง และอาบัน





ใครที่ไม่รู้จัก พอมาเห็นว่าเป็นรายการวิทยาศาสตร์ น่าจะเนิร์ดๆ อี๋ๆ ทื่อๆ ขอบอกว่าคุณคิดผิด! เพราะมันสนุกมากๆ ตลกสัสๆ ฟังเพลินโคตรๆ และได้ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ตั้งแต่ง่ายสุดยันโคตรซับซ้อน แบบที่ไม่รู้สึกเลยว่าถูกยัดเยียดเลยสักนิด รายการแทบไม่หลุดคำหยาบเลย จึงปลอดภัยสำหรับผู้ฟังทุกเพศทุกวัย ที่สำคัญคือจัดมาตั้งแต่ปี 2012 แน่ะ! กลุ่มผู้ฟังจึงผูกพันรักใคร่ชื่นชม และบอกต่อกันมาโดยตลอด (ติ่งเยอะนั่นเอง …ผมก็คนนึง) ขอแสดงความนับถือทีมงานมา ณ ที่นี้ครับ





นอกนั้นยังมีรายการอื่นๆ ในเครือ เช่น Long Take (เรื่องหนังคุยยาว), WiTThai (สัมภาษณ์นักวิจัยไทย) ที่สนุกเหมือนกัน





แถมนิดนึง ขอบอกว่ารายการนี้แหละที่เป็นต้นแบบที่ทำให้ผมอยากลองจัดพอดแคสต์ดูบ้าง เพราะพี่แกคุยอะไรก็ได้เลย เรอก็ได้ รายการปล่อยยาวตอนนึงชั่วโมงๆ ยังได้ เอ้าถ้าแบบนี้ได้ ก็ได้วะ





GetTalks





ขอไฮไลต์เพราะนี่เป็นช่องที่ผมจัดเอง 2 รายการ (ยูธูป+เสาเสาเสา) ฮิ้วว~





ช่องพอดแคสต์สุดฮิตจากทีมงานมือสมัครเล่น ที่ใช้เวลาว่างจากงานประจำมาขยันทำรายการกันอย่างตั้งใจยังกะได้ตังค์ ไอ้ความเป็นเป็นงานอดิเรกนี่แหละครับเลยทำให้ผลิตเนื้อหาออกมาได้อย่างเพลิดเพลินและเป็นกันเอง มีคนให้นิยามของช่องนี้ว่า “เหมือนนั่งล้อมวงฟังเพื่อนคุยกัน” ซึ่งเออ ก็จริงแหละ





เนื่องจากเป็นช่องที่มีอายุ 3-4 ปีแล้ว จึงมีทั้งรายการใหม่ รายการเก่า รายการเฉพาะกิจเยอะมาก เลือกฟังเอาได้เลยดังนี้





GetTalks รายการเริ่มต้นที่แซมกับยู เพื่อนซี้นั่งคุยกันหรือสัมภาษณ์คนนั้นคนนี้ในยุคแรก จัดกันไปมา ก็เจออีกรายการนึงมาขอเนียนใช้พื้นที่ด้วย จึงขยายจักรวาลกลายเป็นช่องเลย รายการนั้นคือ… ยูธูป น่าจะเป็นรายการพอดแคสต์ที่จัดต่อเนื่องสม่ำเสมอและเปลืองเวลาฟังที่สุดในไทยแล้วมั้งตอนนี้ เพราะจัดมา 3 ปี ร้อยกว่าอีพี ตอนนึงล่อไป 3 ชั่วโมง เป็นรายการเล่าเรื่องผีก็จริง แต่กินขนมกัน 2 ชั่วโมง ที่เหลือคือนินทาและบูลลี่ผี ใช่แล้ว มันคือรายการผีแบบที่มีคนโทรมา เขียนมาให้อ่านออกรายการ แต่บรรยากาศจะไม่เหมือนรายการผีที่บิ๊วให้น่ากลัว เพราะเราอยากให้บรรยากาศเหมือนเพื่อนตั้งวงเล่า มันก็เลยเป็นรายการผีที่เป็นมิตรกับคนที่กลัวผี และคนไม่เชื่อเรื่องผีในคราวเดียวกัน มีคนฟังเยอะอยู่ (ทวิตเตอร์ @youtoopna มันรีเยอะมาก แนะนำให้กดปิด retweets กันไทม์ไลน์ระเบิด) เสาเสาเสา รายการสนทนาสถาปัตย์ที่คุยเรื่องอื่นเยอะกว่าสถาปัตย์ แถมดำเนินรายการโดยคนที่ไม่ใช่สถาปนิก (ตัวสถาปนิกจริงนานๆ จะมาที) แต่คือสนใจไง พอสนใจก็อยากคุย แล้วเอาความรู้มาแบ่งกันฟัง



กลัวว่าบล็อกนี้จะยาวไป งั้นรายการอื่นๆ ในช่องนี้ผมขอสรุปย่อๆ นะ ได้แก่  พักกอง (รายการในวงการช่างภาพที่เจ้าของรายการขี้อายแต่กล้าไปสัมภาษณ์ตากล้องเก่งๆ มาเป็นพอดแคสต์ได้เฉยเลย), สลัดผัก (รายการน้องๆ นักเรียนนอก คุยเรื่องเนิร์ดๆ กันข้ามโลก),  Death & Berries (รายการโรคจิต เม้าเรื่องฆาตกรต่อเนื่อง แล้วบอกว่าฟังก่อนนอนได้ บ้าเหรอ),  MidLife ไก่ตอน (พุฒิภูมิจิตเข้าสู่วัยกลางคน เลยใช้ธีมนี้ไปไล่คุยกับคนแก่ๆ เพื่อหาความหมายของชีวิต), นอกนั้นก็ยังมีรายการใหม่ที่เปิดตัวในปีนี้เช่น Her Interview และอีกรายการที่ยังไม่รู้จะใช้ชื่ออะไร นี่ยังไม่นับรายการที่หยุดหรือพักไปแล้วด้วยนะ อย่างเย้อะ เห็นไหมแม่งเป็นจักรวาลจริงด้วย





Infinity Podcast





อีกจักรวาลหนึ่งที่จริงจังมากขึ้นในแง่เนื้อหา แต่โปรดักชันก็ง่ายๆ สบายๆ อัดด้วยมือถืออะไรแบบนี้ โฮสต์โดยอาจารย์ลูกหมี ที่มีรายการในเครืออย่าง Infinity Podcast  (หลายๆ เรื่องเหมือนอ่านบทความ), Movies Delight Club (เรื่องหนัง), คน ติด Cook (เรื่องคุก เอ๊ยกุ๊ก),​ ครูไวแคส (ครูบ้านนอกไฟแรงสูงมาเล่าเรื่องการศึกษาอย่างโคตรเฟี้ยว), Indie India (นินทาอินเดีย), Countdown นับถอยหลังวันเลือกตั้ง (ถ้ามี) (เชื่อรายการก็สุ่มเสี่ยงอยู่แล้ว แต่สนุกและกล้าหาญ), ฯลฯ เยอะไม่แพ้กัน!





The Standard Podcast





เป็นเวอร์ชันเสียงของสื่อออนไลน์ยักษ์ใหญ่ของไทย มีพี่บิ๊กบุญเป็นหัวเรือ มีรายการเยอะมาก และโปรดักชันมาตรฐานสมชื่อช่อง รายการส่วนใหญ่ผลิตเป็นซีซันส์ๆ ไป เนื่องจากเนื้อหาส่วนใหญ่เหมาะกับมนุษย์ออฟฟิศในเมือง เราเลยขอเลือกหยิบเฉพาะที่ตัวเอง (ที่ไม่ได้อยู่ในเมืองและไม่ได้เป็นมนุษย์ออฟฟิศ) ติดตามจริงจังละกัน ได้แก่ คำนี้ดี (สอนภาษาอังกฤษแบบสนุกมากๆๆๆ), R U OK (สำรวจสุขภาพจิต), TOMORROW IS NOW (รายการไอทีที่เคลิ้มตั้งแต่ได้ยินเสียงซู่ชิงแล้ว), THE SECRET SAUCE (คุยกับเหล่าเจ้าของกิจการ), ฯลฯ มีอีกเยอะมาก ไปตามกันเอาเอง





CREATIVE TALK podcast





ช่องรายการโดยพี่เก่ง แม่งาน CTC นี่แหละครับ คุยเรื่องที่คนทำงาน หรือเจ้าของกิจการที่เริ่มแก่แล้วอยากรู้อยากฟัง ช่องนี้ฟังเพลินถูกจริตมากครับ มีรายการอย่าง Creative Wisdom (เหมือนฟังบทความแนวนี้), Morning Call (พี่แกอัดรายการสั้นๆ ปลุกตอนเช้า ซึ่งดี), FounderCast (สัมฯ เจ้าของกิจการต่างๆ ให้หูลุกวาว)





โลกไปไกลแล้ว





ช่องรายการสำหรับวัยทำงาน (อีกแล้ว!) มีผู้ติดตามเยอะอยู่ เพราะนำโดยเซเล็บออนไลน์หลายท่าน เช่นพรี่หนอม TAXBugnoms (ความรู้ภาษี), OHMYFRIEND (สัมภาษณ์เพื่อนเก่า เราอยากทำรายการแบบนี้มานาน ก็ได้อาศัยฟังรายการนี้แหละ), ออฟฟิศ 0.4 (เรื่องของคนเมืองเนาะ ถึงเราไม่ได้ฟัง แต่คนฟังกันเยอะ) แต่ที่ชอบที่สุดคือรายการคนตกสีที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง ที่ทำไมไม่ทำเพลย์ลิสต์แยกเนี่ย





สัพเพHEYไรว้าาา





แตกตัวออกมาจากจักรวาล GetTalks เพื่อให้ผองเพื่อนแก๊งนี้ได้อาละวาดกันเต็มที่ เป็นช่องที่เนื้อหาเบาๆ ฟังเพื่อนด่ากันครับ มีรายการอย่าง สัพเพHEYไรว้าาา, อังรีดูหนัง, เตะปาก, แมนๆคุยกัน, เพลงเตะหู (แนะนำรายการเตะปาก ที่คนไม่ดูบอลอย่างผมยังชอบฟังมันด่ากันเลย พอเริ่มเข้าเรื่องบอลก็ปิด)





GUlaxy Podcast





ช่องนี้คล้ายๆ ช่องตะกี้ คือเน้นเรื่องเพื่อนนั่งคุยกัน แล้วคนฟังไปเสือกอะไรด้วย คุณบอลลงทุนทำห้องอัด ซื้ออุปกรณ์มาเพื่อให้โปรดักชันรายการดีกว่าอัดกลางร้านข้าวต้มแบบช่องอื่น รายการที่ผมชอบก็คือ คุยไม่ได้ศัพท์





(คุยเรื่องโซเชียลมีเดีย โดยคนในวงการก็คือบอลนั่นเอง เนื้อหาลงลึกแบบที่ไม่ฉาบฉวย เพลิน), นอกนั้นก็มี เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา (รีวิวเพลงเป็นอัลบั้ม), HangOver (รายการจากวงเหล้า), เที่ยวที่แล้ว (อวดว่าไปเที่ยวมา)





โปรดใช้วิจารณญาณในการฟัง





เหมือนเป็นอีกอวตารหนึ่งของวิทย์แคสต์ แต่มาเป็นกลุ่มเพื่อนที่คุยเรื่องอื่นนอกจากวิทยาศาสตร์ด้วย (เรื่องไอดอลยังมีเลย) ชอบในความแน่นของแต่ละท่านที่หมั่นเช็กข้อมูล เช็กตรรกะวิบัติกันอยู่ตลอดเวลา ถือเป็นพอดแคสต์ที่มีความน่าเชื่อถือสูง แต่ก็ฮาและฟังเพลิน





The 101.World





อีกหนึ่งสำนักคอนเทนต์ออนไลน์ที่ตามอ่านเหนียวแน่นตลอดมา เมื่อก่อนทำเป็นช่องยูทูบ แต่ผมไม่ถนัดดูไปทำงานไป จนมารู้ว่ามีพอดแคสต์เลยตามได้ถนัดหน่อย รายการมีทั้งแนววิชาการ สังคม การเมือง สัมภาษณ์หนักๆ และรายการเพื่อนเหล่า บ.ก.มานั่งคุยกันด่ากัน ขับรถไปฟังไปเพลินมาก





Room 508 Podcast





พอดแคสต์สายบันเทิงที่นำโดยคนสายดนตรี รายการมันจะแมนๆ หน่อย คือคุยเรื่องดนตรี เรื่องหนัง เรื่องบอล เรื่องซีรีส์ เป็นช่องใหม่ที่มีคนพูดถึงกันเยอะนะทำเป็นเล่นไป





ToShare Podcast





พอดแคสต์แนวนักเรียนนอกอีกแล้ว นักเรียนนอกนี่ว่างกันนักใช่ไหม! ในทีมมีอยู่สองคนครับ จัดรายการกันเองบ้าง คุยกะคนอื่นบ้าง โดยเริ่มต้นจากการอยากทำรายการก่อน แล้วค่อยลุยหาแนวทางของตัวเอง จนตอนนี้เจอแล้ว และก็เป็นแนวทางท่ีเราชอบด้วย





Omnivore





โดยพี่หนุ่มโตมรแชมป์ทีปกร สองนักคิดนักเขียนชื่อดัง เนื้อหารายการเลยเป็นสิ่งที่สองคนนี้สนใจ (ยากๆ ทั้งนั้น) อ่านฟังดูแล้วเอามาย่อยให้เราฟัง ซึ่งสนุกและเนี้ยบ ขนาดที่สามารถเอาเนื้อหามาพิมพ์รวมเล่มได้เลยเหอะคิดดู ปัจจุบันนี้รายการนี้หยุดไปในซีซันส์ที่ 3 แต่ก็หาฟังย้อนหลังได้เสมอ





ไหนๆ ก็ขอแถมช่องและรายการที่หยุดพักหรือเลิกไปแล้ว หรือนานน้านนานจะมาที ถ้ามีลิงก์ก็น่าจะขุดหาฟังได้อยู่





Brand Inside Podcast รายการของ Brand Inside ที่คุยกันเรื่องสื่อ เรื่องธุรกิจ ไอที จัดช่วงกลางๆ ปีที่แล้วแล้วรัวๆ สนุกดี แต่ยังไม่มีตอนใหม่ออกมา เต็กตีบวก รายการสถาปนิกอื่มแอลแล้วคุยกันเรื่องสถาปัตย์ เฮ้ยดีมากเลยเธ้อ นานๆ จะมาสักตอนครับ แต่ฟังเพลินมาก ข่าวโลกโบราณคดี รายการวิทยุคนตาบอด (ซึ่งคนตาดีก็ฟังได้) เกี่ยวกับโบาณคดี อัปเดตข่าวการขุดค้นหรือเจอหลักฐานนั่นนี่ ชอบสำเนียงชัดถ้อยชัดคำ The Momentum พอดแคสต์จากทีมเก่าของ a day ตั้งใจทำอย่างจริงจัง น่าจะเป็นที่แรกของไทยเลยแหละที่ทำโดยสำนักข่าวออนไลน์โดยเฉพาะ และโปรดักชันก็ได้คุณภาพมาตรฐาน มีรายการ EARGASM, HOLLYWOOD INSIDER, WHAT DO YOU SAY, THE MONEY COACH, CARPE DIEM ไปลองหาย้อนฟังตอนเก่าๆ ได้ มีคุณค่าน่าฟังหนอ Life caster อีกรายการที่คุยกัน 2 คน แต่เนื้อหาพาลงลึกและแตะนั่นนี่อย่างกล้าหาญ TomaYard กับ RadioMANGA คุยเรื่องการ์ตูน THIRD CLASS CITIZEN รายการในวงการหนังที่เปลี่ยนคนจัดไปเรื่อยๆ มาเป็นสิบปีแล้ว! ต้องติดตามเลยเพราะนานๆ (มาก) จะมาที มาแล้วก็ลบตอนเก่าออกจากซาวด์คลาวด์ อินดี้ไป๊ Nerd Loyalty เด็กวิทย์คุยกันแบบเนิร์ดๆ เพลินอยู่นา ทำไมหยุดซะล่ะBATCast = ช่องนี้จัดเป็น “คร้างคราว” (มุกเล่นคำแบบนี้จากชาวแซลมอน) ช่องนี้เกิดในยุคเดียวกับ GetTalks แต่คร้างคราวจนหายไปไหนแล้วนอกนั้นก็มี CUPCAST, หมูป่าออนแอร์ , Movie Tree house, Talk Tour Thai , World Y, ทำไมมันช่างเบาะบางเหลือเกินฯลฯ เอาแค่นี้ก่อน นึกได้เท่านี้ เดี๋ยวจะยาวเกิน



อยากจัดพอดแคสต์



จัดเลยครับ!





ใครถามก็บอกแบบนี้แหละครับ จัดเลย





หลักการของการจัดก็คือ อัดเสียง > หาที่ฝากไฟล์เสียง > เผยแพร่





อัดเสียงนี่ง่ายมาก แบบที่ง่ายที่สุดคือใช้มือถือเครื่องเดียว กดอัดเสียงได้เลย เสร็จปั๊บก็ได้ไฟล์เสียงมาแล้ว หรือถ้ามีงบมีทุนก็ซื้อไมค์ดีๆ ซื้อห้องอัด เช่าสตูจัดเลยยังได้ถ้ารวยส์พอ





เปรียบเทียบเหมือนกับเราเขียนบล็อกครับ เขียนดีก็มีคนอ่าน ถ้าไม่แคร์คนอ่านก็เขียนไว้อ่านคนเดียวก็ได้ (ผมเคยติดตามฟังไดอารี่ของน้องคนนึงที่จัดในแนวไดอารี่รายวันมาเป็นปีๆ คุยคนเดียว เล่าว่าวันนี้ไปเจออะไรที่ร้านชาบู หรือกรี๊ดดาราอะไรงี้ เออเพลินดีว่ะ เสียดายน้องเลิกจัดไปแล้ว)





ที่ฝากไฟล์เสียง ที่ตอนนี้ในบ้านเราฮิตกันก็คือ SoundCloud รองลงมาก็ PodBean (ที่เอาจริงๆ แล้วเหมาะกว่า แต่คนยังไม่เยอะ) ขอไม่สอนใช้นะ มันง่ายไป๊ หลักการเหมือนยูทูบเป๊ะๆ





ส่วนการเผยแพร่ พออัปโหลดแล้วอยากให้ฟังที่ไหนก็ได้ไม่ต้องเข้าสองเว็บนั้น ก็ทำได้ด้วยการ Publish ลงสองแหล่งหลักๆ ตอนนี้คือ Apple Podcasts directory (แอปอื่นๆ ตอนนี้ใช้ไอ้เจ้านี่แหละเป็นสารบัญ) กับ Spotify กดลิงก์ที่ทำไว้ไปดูได้เลยจ้า





เสร็จแล้วก็เอาไปทวีต ไปโพสต์ในเพจอะไรก็ว่าไปครับ เสร็จแล้ว





ในเฟซบุ๊กมีกรุ๊ปที่เป็นคอมมูนิตี้เล็กๆ แนะนำให้ผู้ฟังและผู้จัดได้เข้ามาโอภาปราศรัยกัน (ส่วนใหญ่จะเป็นมือสมัครเล่นที่อยากจัดก็จัดเลย ไม่ได้ทำเป็นอาชีพนะครับ) เชิญเข้าไปชมได้ที่ Podcasts and Podcasters Thailand ครับ





สำหรับจำนวนผู้ฟังตอนนี้ บอกเลยว่าไม่เยอะครับ! อีพีนึงถ้าคนฟังถึง 1,000 ครั้งก็ถือว่าประสบความสำเร็จมากแล้ว (ถ้าเป็นปีก่อนก็ 500 ครั้ง) อาจจะตกใจว่าตัวเลขมันน้อยจังเลยวะ ยูทูบเบอร์เขาดูกันเป็นแสนๆ วิว





ที่จริงนอกจากเรื่องคนฟังในบ้านเรายังไม่เยอะแล้ว ยังต้องบอกว่าจำนวนผู้ฟังไม่เยอะนี่แหละคือตัวเลขคุณภาพครับ เดี๋ยวรอฟังจากบันทึกจากเสวนาอีกที พี่บิ๊กแกอธิบายไว้ดีเลย





เทรนด์พอดแคสต์ 2019



มิอาจฟันธงนะครับ เนื่องจากเป็นคนที่ไม่ได้อยู่กับสถิติข้อมูลตัวเลขอย่างคนที่คร่ำหวอดหรือลงมือศึกษา แต่ถ้าดูตามกรอบเวลาของปี 2018 ที่ผ่านมานั้นเห็นเลยว่าวงการพอดแคสต์ทั่วโลกตื่นตัวกันมาก อาจเป็นเพราะความลงตัวของกลุ่มผู้ฟังที่หลากหลาย มีรายการหลากหลายขึ้นมากๆ และเทคโนโลยี แพลตฟอร์มต่างๆ ที่เริ่มโดดเข้ามาเล่น หลังจากการขาดเจ้าภาพมานาน (ไอโฟนเองก็ไม่ได้ใส่ใจจะดัน)





จนเริ่มเห็นทิศทางจากกูเกิลที่เปิดตัว Google Podcasts (ที่เหมือนเปิดมาลองตลาดก่อน ยังไม่เห็นใครใช้เท่าไหร่เพราะแอปอื่นดีกว่า), เฟซบุ๊กที่ริทำ Facebook Live Audio ขึ้นมา แต่เกิดหรือเปล่ายังไม่รู้ ในไทยมีคนทดลองเล่นแล้วก็เลิกไป ไล้สดเอาดีฝ่า, Spotify ที่เปิดโหมดรองรับพอดแคสต์ปั๊บมีคนหันมาใช้เพียบ! และประกาศเมื่อ 3 วันก่อนนี้เอง ว่าจะเอาจริงแล้วนะปีนี้!, และอีกสัญญาณนึงคือกูเกิลก็เพิ่งเพิ่มโหมดพอดแคสต์ลงใน Android Auto ด้วย! (ตอบโจทย์การรถติดแล้วหาอะไรฟังนอกจากรายการอาจารย์วีระมาก!)





เดี๋ยวนะ อัปเดตล่าสุดคือ






ขนาดคุณทักษิณยังทำ podcast @YouToopNa นี่มีอิทธิพลจริงๆ https://t.co/T5nweTqono

— Natchanon M. (@natchanon) January 14, 2019





นั่นแหละครับ ในระดับโลก มันมาแล้ว ส่วนในไทย มันกำลังมา มาทีเถอะ อยากฟัง 5555





[
ตรงนี้เว้นไว้แทรกคลิปจากงานเสวนาครับ
ถ้ามาแล้วจะมา edit แล้วทวีตบอกอีกทีเด้อ
]






The post มาฟังพอดแคสต์ มาฟังพอดแคสต์ appeared first on iannnnn.com.

 •  0 comments  •  flag
Share on Twitter
Published on January 13, 2019 21:01

January 5, 2019

เฟดบุ๊ก

[image error]



ไหนๆ เขียนตอนตะกี้แล้วติดพัน เลยแยกเรื่องออกมาต่อสักหน่อย (หายไปหลายเดือน มีเรื่องอยากเขียนเต็มไปหมดแต่มันเป็นเรื่องใหญ่และต้องใช้สมาธินาน อย่างเช่นสรุปปี 2018 ที่ชาวบ้านเขาเขียนกันจนนี่พ้นปีใหม่มานานแล้วเราก็ยังไม่ได้เขียนสักที จนตกผลึก ปุ๊! กูเขียนเรื่องเล็กๆ สั้นๆ แล้วบ่อยๆ แทนก็ได้นี่หว่า เลยสัญญากับตัวเองว่าเอาแบบนี้ละกันเนอะ คิดถึงบล็อกเหลือเกิน)





เข้าเรื่อง… วันนี้ทวีตไปแบบนี้






ที่น่าสนใจคือในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีลูกค้าที่ไม่มีเฟซบุ๊ก(เลย) มาสั่งงาน 4 คนแล้ว มีทั้งวัยเรียน วัยทำงาน ทั้งในและนอกกรุงเทพฯ เท่าที่ถามตั้งแต่คราวก่อนๆ จะมีจุดร่วมคือใช้ไลน์เป็นหลัก อีเมลใช้ได้ โอเค แต่เฟซบุ๊กนี่ไม่ได้เล่นแล้ว ก็เพิ่งมีสัปดาห์นี้แหละที่เจอหลายคน

— 囧 (@iannnnn) January 5, 2019





มาอ่านทีหลังแล้วรู้สึกว่าห้วนไปหน่อยเหมือนด่วนสรุป ไม่ค่อยได้ใจความเท่าไหร่ แต่ก็นะ มีคนมาแสดงความเห็นในรีพลายด้วย ในโควตด้วย เยอะโคตร ซึ่งถูกแล้วที่พูดเรื่องเลิกเล่นเฟซบุ๊กในทวิตเตอร์ ซึ่งเป็นแหล่งของคนที่เลิกเล่นเฟซบุ๊กอยู่แล้ว 5555





ตามความเข้าใจเดิมของเราและใครหลายๆ คน ต่างก็คิดติดเป็นภาพจำมาตลอด ว่ากลุ่มคนที่เลิกเล่นเฟซบุ๊กนั้น คำตอบคือเป็นกลุ่มเด็กๆ ที่พ่อแม่เข้ามายุ่มย่ามกับชีวิต จนขี้เกียจจะวางตัว เลยหนีมาเป็นบุคคลนิรนามในทวิตเตอร์ ที่ยังรักษาเสรีภาพในการแสดงออกแบบที่ไม่ถูกใจผู้ปกครอง (แต่มันคือชีวิตกูจริงๆ ไง) ได้อยู่





แต่ปรากฏว่าพอเรามาทำงานขายของ โดยติดต่อกับลูกค้าผ่านช่องทางหลักคือเฟซบุ๊กและอีเมล ก็พบเรื่องที่น่าสนใจ โอเคนี่คือผลการวิจัยที่ไม่ถูกต้องเพราะเราอาศัยประสบการณ์ส่วนตัวมาโน้มน้าว แต่ฟังหน่อยจะเป็นไรไป





เรื่องน่าสนใจที่ว่าคือ เมื่อสิบปีที่แล้ว (เราทำร้านสกรีนเสื้อมา 15 ปีได้) การติดต่อผ่านช่องทางหลักคืออีเมล ผู้คนยังใช้คอมพิวเตอร์กันเป็นหลักมากกว่ามือถือแบบในทุกวันนี้ ดังนั้นลิสต์อีเมลที่ใช้คุย ใช้ส่งงานกับลูกค้าจึงมีเยอะ และยังเก็บ archives ไว้จนปัจจุบัน (ขุดดูเจอลูกค้าสมัย 2004 อยู่อีกหลายเจ้า)





ไม่ดักแก่มากละกัน โดดมายุคนี้เลย เราตั้งใจจะไม่ใช้ไลน์ เพราะระบบของไลน์มันเหี้ยเกินไปสำหรับธุรกิจอย่างเรา ที่ต้องคุยกับลูกค้าหลายๆ เจ้า และเก็บความสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง แถมยังต้องแทร็ก (= เก็บลิงก์ของลูกค้าแต่ละคน) แยกไว้ในตารางงานอย่างเป็นระบบ ระบบของเราเอง ชาวบ้านเขาคงมีวิธีที่ไม่เชยแบบนี้





ปรากฏว่าลูกค้าก็โอเคนะ ช่องทางติดต่ออื่นๆ ที่เราเปิดไว้ให้คืออีเมลและเฟซบุ๊ก ซึ่งทั้งสองอย่างตอบโจทย์ของเราพอสมควร (โทรศัพท์เอาไว้ยามจำเป็น เพราะมันแทร็กไม่ได้) แต่ตอบโจทย์ลูกค้าหรือเปล่านี่สิ เวลาคือคำตอบ และเราก็ได้คำตอบมาแล้วว่ามันโอเคอยู่





จนกระทั่งในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้เอง เราเห็นสัญญาณปุแล่มๆ จากลูกค้าหน้าใหม่ที่เข้ามาเรื่อยๆ เป็นบทสนทนาทางโทรศัพท์ที่บอกว่าตัวเอง “ไม่มีเฟซบุ๊ก” อยู่ประปราย มีทั้งที่เป็นเด็ก เป็นวัยรุ่น (ส่วนใหญ่ต่างจังหวัด) ไปยันวัยกลางคนที่พอจะบอกลูกหลานให้ช่วยใช้บัญชีส่วนตัวมาสั่งซื้อและส่งงานกราฟิกทาง Facebook Messenger นั่นก็ไม่ได้ติดขัดอะไร ยังได้อยู่





แต่กับช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (ก็คือปีใหม่นี้แหละ) มีลูกค้าที่ไม่มีเฟซบุ๊กเลยติดต่อเข้ามาถึง 4 คน ทั้งสั่งสกรีนเสื้อและเช่าสตูดิโอ (ขีดเส้นใต้ทำลิงก์เพื่อ SEO) แน่นอนเราก็เข้าใจแหละว่าคนไทยใช้ไลน์เป็นหลักกันแทบทุกคนเนาะ แต่เอ๊ะทำไมไม่มีเฟซบุ๊กล่ะ เลยเสือกถามเขาไป





ไม่ใช่ไม่มี แต่เคยมี เลิกเล่นแล้ว





เหตุผลต่างกันออกไป บางคนไม่มีเพื่อนเล่นในนั้นแล้ว บางคนไม่มีความจำเป็นจำต้องใช้ บางคนไม่ได้บอกอะไร ก็ไม่ได้เล่น ใช้แต่ไลน์





พอผมทวีตออกมา ปรากฏว่ามีคนมาคุยด้วย หลายคนแชร์เหตุผล (หลายคนผมก็ถามไปด้วยความเสือกเขาอีกนั่นแหละ) ว่าทำไมถึงไม่เล่น หรือเลิกเล่น คำตอบของหลายคนก็น่าสนใจ (กดอ่านในรีพลายเอาเองก็ได้) เช่น





ขี้เกียจเสือกเรื่องชาวบ้าน (มาเสือกในทวิตเตอร์แทนเพราะมันเรียลกว่า)ญาติไม่แฮปปี้ที่แสดงความเห็นเป็นตัวเองแต่ไม่ถูกใจท่านๆ อย่างที่พอเดาได้ (ตัวอย่างเช่น #เลื่อนแม่มึงสิ หรือ #ปั่นอุ่น อะไรสักอย่างลืมแล้ว เมื่อเดือนก่อน ที่เห็นได้รึ่มในโลกของนกสีฟ้า)เบื่อการที่ต้องแสดงออกสร้างภาพชีวิตดีๆเบื่อการ “keep connection”เป็น Social Media ที่ Toxic มาก” คนนี้อธิบายว่าการเห็นคนอื่นมีชีวิตดี มันทำให้เราดาวน์ ซึ่งจริงตามที่เขาวิจัยๆ นั่นแหละอันนี้เราก็เคยเป็น เห็นเพื่อนที่เราเคยสนิทด้วยคุยกันถูกคอแล้วเหมือนเราหลุดออกมา คุยกันคนละภาษาแล้ว หาทางแทรกไม่ถูก เจ็บปวดแต่ทำใจเหมือนกันนะวัยรุ่น 555ไม่ไว้ใจจากการโดนดักฟังไม่ชอบความไม่เรียลไทม์รำคาญโฆษณา (อันนี้ธรรมดามาก แต่ขอเอามาลงให้เห็นรวมๆ)บางคนเกลียดถึงขนาดที่ร้านรวงไหนให้ไปร่วมแคมเปญไลก์แชร์เช็กอิน จะไม่อุดหนุนเลยยังมีโอ๊ยเสียดายทวิตเตอร์มันแทร็กข้อความที่มีคนโควตเราไปคุยต่อไม่ได้ ลืมหมดแล้ว



ความลำบากใจอย่างหนึ่งก็คือตอนนี้งานการที่ทำของผมนั้นยังหากินในทะเลที่มีปลาเยอะๆ อยู่ แล้วเฟซบุ๊กคือสิ่งนั้นโดยไม่มีใครสามารถทาบรัศมีได้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และคงจะเป็นแบบนี้ไปอีกหลายปี (โดยเฉพาะในไทย) ไหนจะไปกดสมัครบริการต่างๆ นั่นนี่ทั้งไทยเทศ ซึ่งการล็อกอินผ่านเฟซบุ๊กมันสะดวกจริงๆ เลยให้ตาย (เมื่อก่อนจะมีกูเกิลกับเฟซบุ๊กมาคู่กัน หลังๆ คงเอาที่คนไทยฮิตก็คืออีผีบ้าสีน้ำเงินนั่นอย่างเดียว) ก็เลยลบแอปออกไปไม่ได้





พอเปิดคอมพ์ทำงาน ตอบลูกค้าทีนึง กดเข้าไปเช็กข้อความ แถมยังต้องสะสมข้อมูลเพื่อเตรียมตัวในงานที่กำลังทำอยู่ (ปีหน้าจะเปิดคาเฟ่) ก็จะเผลอเหลือบตาไปมองไอ้ตุ่มแดงๆ นั่น จึงสะดุดหล่นลงไปในหลุมดำ แล้วก็พบว่าแม่งเสียเวลาชีวิตจนได้ ถึงจะแค่ 5-10 นาที แต่ก็พบว่ามันไม่ใช่ทางของเราเลย เอาเวลามาเสพทวิตเตอร์สบายใจกว่า (อ้าว)





ไหนๆ ก็ไม่ได้สรุปเรื่องของปี 2018 แล้ว ในนันมีพาร์ตนึงตั้งใจจะเขียนเรื่องการเสพติดโซเชียลของตัวเองไว้ด้วย ก็เอามาใส่ตรงนี้แทนละกัน ขอจบตอนนี้ด้วยการจดพฤติกรรมตัวเองในปีที่ผ่านมาละกันว่าถ้าไม่ได้นับเรื่องงาน เราเข้าเฟซบุ๊กไปทำอะไร





เข้ากรุ๊ปขายของเก่าแอนทีค, กรุ๊ปต้นไม้, กรุ๊ปสเก็ตช์รูป, Calligraphy, กรุ๊ปการ์ตูนเก่า, กรุ๊ปการเกษตรต่างๆเข้า Marketplace เฮ้ย เราใช้ฟีเจอร์นี้บ่อยนะ บ่อยได้ไงไม่รู้ ไม่เห็นใครพูดถึงกันเลย 555555 เข้าไปดูเฟอร์นิเจอร์ไม้ ดูต้นไม้ ดูอสังหา ดูของเก่าส่องโนติที่กดตามเพจไว้ เพจที่ตามจริงจังอยู่ไม่กี่แห่งมั้ง เช่นพี่ยุ้ย โดนไล่มาเล่นในนี้ ไข่แมวX การ์ตูนเดือด แล้วก็เพจพากินพาเที่ยวที่มีเฉพาะในแพลตฟอร์มนี้เท่านั้น (ถ้าใครมีเว็บก็จะไปกดสับตะไคร้ฟีดในเว็บแทน)โนติที่เหลือคือปิดไปหมดแล้ว เปิดไว้แค่ถ้ามีเพื่อนมาเม้นถึงจะเด้ง แล้วเพื่อนก็จะเม้นแต่เรื่องเหี้ยๆ จนคนเข้าใจไปแล้วว่ากูมีคอนโดอยู่ 4 มีเมียอยู่ 8 ลูกอีก 13 ลูกชายคนโตเข้ามัธยมแล้วไม่ได้กดหน้าแรก ไม่ได้เสพไทม์ไลน์ เว้นแต่ว่างแบบว่างสัสๆ จริงๆ เช่นขี้อยู่แต่อ่านข่าวใน Feedly หมดแล้ว ทวิตเตอร์ก็หมดแล้ว เว็บตูนก็หมดแล้ว เอาวะส่องหน้าแรกหน่อย (เห็นเราเม้นใครคือขี้อยู่ 100%)นานๆ จะเข้าไปเพื่อไล่อันเฟรนด์คนที่ชีวิตไม่ได้โคจรผ่านกันอีกต่อไปแล้ว… เออ ถ้าเราอันเฟรนด์ใครอาจจะดูเสียมารยาทเนอะ แต่การ “Keep connection” ด้วยการต้องเป็นเฟรนด์กันในเว็บนั้น แม่งไม่ใช่สิ่งที่จริงสำหรับเราเลย เดี๋ยวคุยกัน (จริงๆ) ก็กลับมาเป็นเพื่อนกัน (จริงๆ) เองแหละ เราเกลียดการที่เฟซบุ๊กมันใช้ความสัมพันธ์ของคนเป็นตัวประกันที่กล่าวดังนี้ก็คือไม่มีเพื่อนนั่นเอง



ป.ล.
ทีแรกจะแปะทวีตของ Verge เมื่อสองสามวันก่อน ที่ว่าด้วยการเป็น monopoly ของเฟซบุ๊กอย่างไร้เทียมทานไปอีกหลายปีด้วยเทคนิคการไล่ก๊อป ไล่ฆ่า ไล่กลืน คู่แข่ง เพื่อความมั่นคงของรัฐบาล เสียดายทวีตนั้นปลิวไปแล้ว


The post เฟดบุ๊ก appeared first on iannnnn.com.

 •  0 comments  •  flag
Share on Twitter
Published on January 05, 2019 07:49