iannnnn's Blog, page 5

January 5, 2019

Vlog

มานึกได้ว่าตัวเองก็เคยทำไอ้สิ่งที่คล้ายๆ กับ Vlog เมื่อสิบกว่าปีก่อนเหมือนกัน สมัยที่ยังใช้กล้องวิดีโออยู่ (ยุคที่เริ่มมีฮาร์ดดิสก์ข้างในกล้องแล้ว แต่ไฟล์ยังออกมาเป็น .mpg = 240p) ลืมไปแล้วว่ายืมใครมา หรือใครให้มาเป็นค่าจ้างทำงาน





ตอนนั้นยังเป็นยุคสังคมเว็บบอร์ด ได้ไปเที่ยวทะเล ไปมีตติ้งกับชาวคณะอยู่บ่อยๆ พอเบื่อๆ ถ่ายภาพนิ่งก็เลยใช้กล้องวิดีโอที่ว่า ถ่าย, ก๊อปลงคอมพ์ ตัดต่อ (ใช้ โปรแกรม Sony Vegas เถื่อน ยุคนั้นยังใช้ของเถื่อนอยู่) เสร็จแล้วก็อัปขึ้น Google Videos! ลืมชื่อนี้ไปกันแล้วหรือยัง! ใครจะไปนึกว่าวันนึงมันจะเจ๊งเพราะกูเกิลเสือกไปดันแพลตฟอร์มใหม่สุดๆ ของโลกอย่างยูทูบล่ะ!





ก็นั่นแหละ พอวันนี้มานั่งย้อนดูต้นฉบับไฟล์ที่เก็บไว้บน Google Drive ก็สนุกดี แต่สัมผัสได้ว่าลักษณะการสื่อสารและการแสดงออกจะเป็นคนละแบบกับ Vlog ในทุกวันนี้ คือเราไม่ได้ทำตัวเหมือนเป็นพิธีกร และเป้าหมายของเราคือคนกลุ่มเล็กๆ ไม่ใช่หวังว่าคุยกับผู้ชมทางบ้านกว่า 8 ล้านคนที่อยู่อีกฝั่งนึงของก้อนเมฆอย่างทุกวันนี้





ที่นึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้ก็เพราะวันนี้เพื่อนลูกมาเที่ยวบ้าน เลยได้คุยกับผู้ปกครองของเพื่อนลูก ลามไปถึงเรื่องแชนเนลยูทูบสำหรับเด็กหลายๆ ช่องที่เด็กในนั้นอายุเท่าๆ กับลูกเรา แต่ทำรายได้โคตรเป็นกอบเป็นกำ เรียกว่าทำเป็นอาชีพ กลับมาบ้านก็วางกระเป๋าแล้วเดินเข้าสตูดิโอถ่ายทำรายการ หรือไม่ก็ไปเที่ยวไปกินที่ไหนๆ ฟรีบ้างจ่ายบ้าง แลกกับการรีวิว แสดงกันเป็นครอบครัวโดยมีเด็กเป็นตัวชูโรง และมีพ่อแม่ชักใยกำกับอยู่





แล้วกลุ่มผู้ชมคือเด็ก อันนี้เป็นความลับสวรรค์เฉพาะคนที่มีลูกหรือได้เลี้ยงเด็กมาแล้วเท่านั้นเลยนะ ว่าบ้านใดมีเด็กที่ถูกสะกดวิญญาณโดยยูทูบนั้น เพลย์ลิสต์ในแอปดังกล่าวจะล้ำกว่าใคร เพราะจะมีแต่รายการเด็ก, การ์ตูนเด็ก, Vlog ของช่องเด็ก และอะไรๆ ที่เกี่ยวพันกับเด็ก แม่งก็จะกด next ไปเรื่อยๆ ไล่ไปทีละคลิป ไม่บ่นเรื่องโฆษณา ไม่บ่นอะไรทั้งนั้น เป็นผู้ชมที่ดี ทำได้เพียงเสพติดมัน น้ำลายยืด เซลล์ประสาทถูกเบบี้ชาร์กและผองเพื่อนทำลายลงไปเรื่อยๆ ส่วนฝั่งครีเอเตอร์นั้นน่ะหรือ รวยไม่รู้เรื่องเลยแหละเธอ





ก็เคยเห็นเคสที่เขาทำแล้วเอาตัวเลขมากางให้ดู ในยุคสมัยที่คนทำยูทูบบ่นกันว่าโดนกดรายได้ แต่ขอโทษ คลิปในหมวดครอบครัวนั้นเป็นข้อยกเว้น เราจึงตื่นตาตื่นใจและร่วมแสดงความยินดีด้วย …บอกกงๆ ว่าอิจฉาจังโว้ยยยย





วันนี้เลยได้คุยกันว่า ทำแบบนี้มันโคตรง่ายและรายได้ดี เป็นงานที่แจ๋วมากเลยเธอว่าไหม / ใช่ ฉันก็ว่า / แล้วทำไมเธอไม่ทำล่ะ ฉันว่าเธอทำได้สบาย / ไม่ล่ะ ฉันอยากไปเที่ยวกับครอบครัวมากกว่า ไม่ได้อยากไปเที่ยวแล้วต้องทำการแสดงต่อหน้าคนแปดแสนคนทั่วโลกนั่น





ไม่ใช่แค่คนที่คิดเรื่องการเอามันมาเป็นรายได้หรอก แต่รู้สึกเหมือนกันว่าตอนนี้เทรนด์มันเป็นแบบนี้จริงๆ ยิ่งพอเทคโนโลยีแม่งโคตรง่าย เราตัดต่อรายการสนุกๆ ได้แม้ในมือถือ (วันก่อนโหลดแอปตัดต่อวิดีโอฟรีมา แม่งเง้ย ง่ายจนอยากรีไฟแนนซ์ตัวเองให้มาเกิดใหม่ทันโตยุคนี้) เหล่าเน็ตไอดอล Vlogger จึงถือกำเนิดขึ้นมารัวๆ ทั้งมือใหม่มือเก่าต่างก็แฮปปี้กับการเป็นดาราหน้ากล้อง เป็นซัมวันแห่งกระแสวัฒนธรรมนี้





ดาราจักรมันเคลื่อนย้ายจากทีวี นิตยสาร มาสู่โลกของสื่อใหม่กว่า …ใหม่กว่าเฟซบุ๊กด้วยซ้ำ





กระทั่งการไปเที่ยวกับครอบครัวหลายครั้งเมื่อเร็วๆ นี้ ก็ยังต้องคอยเกรงใจเหล่า Vlogger หนุ่มสาวหลายๆ คณะ ที่ขอยึดสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก หรือคาเฟ่ร้านอาหารที่เราเองก็จ่ายตังค์กินเหมือนกัน แต่กลับต้องคอยหรี่เสียงและเกรงใจเขาและเธอเมื่อยามเดินผ่านกล้อง…





พอคุยถึงตรงนี้แล้วก็พบว่า เอาจริงๆ ถึงแม้ในใจเราจะมีอคติเต็มไปหมด เช่น อะไรวะ เฮ้ยมึงมาเที่ยวกับเพื่อนกับครอบครัวนะ จะมาแสดงทำไม แต่ก็ต้องข่มใจไว้ ไม่ให้มองวิถีนี้เป็นเรื่องประหลาดแปลกปลอม สิ่งที่ควรทำจึงน่าจะเป็นการทำความเข้าใจ จะเห็นด้วยหรือไม่ก็ต้องยอมรับว่าโลกมันหมุนมาทางนี้แล้วจริงๆ ไม่ใช่หลับตาลงแล้วแอนตี้ คนที่วิจารณ์มัน (ถึงแม้จะแค่ในใจอย่างเรา) ต่างหากที่ตกยุค





แบบเดียวกับที่เราเคยรู้สึกสมัยวัยรุ่นว่าพ่อแม่ลุงป้านั้นไหงโบราณเหลือเกินนั่นแหละ





คุยกันจบแล้วก็มองไปยังลูกเต้าของพวกเราที่กำลังค่อยๆ เติบโตขึ้น ไปในโลกใหม่ที่เราไม่รู้จักขึ้นทุกที





สัญญาว่าพ่อจะยังไม่รีบแก่นะ


The post Vlog appeared first on iannnnn.com.

 •  0 comments  •  flag
Share on Twitter
Published on January 05, 2019 06:08

November 1, 2018

เล่นกับลูก โปรดระวังเหตุไม่คาดฝัน

เหตุเกิดเมื่อสิบนาทีที่แล้วนี่เองครับ ฝากเตือนผู้ปกครองทุกท่านด้วยว่าอันตรายมากๆ


[image error]


ป.ล.นิทานเวลานั่งข้างๆ ควบคุมการวาดการ์ตูนนี้ ด้วยเสียงหัวเราะสะใจสุดขีด


The post เล่นกับลูก โปรดระวังเหตุไม่คาดฝัน appeared first on iannnnn.com.

 •  0 comments  •  flag
Share on Twitter
Published on November 01, 2018 06:59

September 17, 2018

August 7, 2018

อธิบายปรากฏการณ์น้ำท่วมเพชรบุรี (เวอร์ชันเข้าใจง่าย)

สวัสดีครับ บล็อกนี้ขออธิบายเรื่องเกี่ยวกับปรากฏการณ์น้ำท่วมจังหวัดเพชรบุรีแบบคร่าวๆ ให้คนต่างจังหวัด หรือคนเพชรเหมือนกันแต่ไม่เก็ตว่าทำไมน้ำท่วมถึงได้เกิดถี่ขึ้นเรื่อยๆ ในระยะหลัง ได้พอเห็นภาพรวมเบื้องต้นจากมุมมองของผมเองในฐานะที่ตัวเองเป็นชาวบ้านคนนึงที่สนใจ และเบื่อดราม่าจากความไม่รู้ 5555


ออกตัวไว้ก่อนว่า ข้อมูลบางส่วนเป็นข้อเท็จจริง (Fact) บางส่วนเป็นเพียงความคิดเห็น หรือประสบการณ์ส่วนตัว ดังนั้นถ้ามีจุดไหนอ่านแล้วมีข้อเท็จจริงมาหักล้าง หรือไม่เห็นด้วยตรงไหน รบกวนชี้แนะหรือคอมเมนต์แก้ไขได้เลยครับ ไม่ต้องเกรงใจนะครับ (กลับกัน ผมจะขอบคุณมากๆ ด้วยครับ)


เริ่มเลยนะ


[image error]


ลักษณะภูมิประเทศของจังหวัดเพชรบุรี

ผมวาดแผนที่ทางภูมิศาสตร์ให้ดูง่ายๆ แบบไม่ตรงสเกลเป๊ะให้ดูครับ ว่าคอนเซปต์ของเพชรบุรีจะเป็นแบบนี้นะ คืออยู่ตรงโคนสุดของด้ามขวาน ด้านบนชนราชบุรี, สมุทรสงคราม ด้านขวาชนอ่าวไทย ด้านล่างชนหัวหินประจวบฯ ส่วนด้านซ้ายมีเทือกเขาตะนาวศรีกั้นพรมแดนระหว่างไทยกับพม่า


แต่ถ้าเราลบเส้นสมมติที่มนุษย์กำหนดขึ้นมาทั้งหมดออกไป เราจะเห็นว่าดินแดนแถบนี้เป็นแผ่นดินเอียงๆ มีภูเขาและป่าไม้ผืนใหญ่อยู่ครึ่งนึง ที่เหลือเป็นที่ราบ มีแม่น้ำสั้นๆ สายหลักอยู่สายนึงครับ นั่นคือแม่น้ำเพชรบุรี


แม่น้ำเพชรบุรีมีต้นน้ำอยู่ในป่าเทือกเขาตะนาวศรีครับ ไหลผ่านป่าผืนใหญ่มากๆ แล้วแตะระดับพื้นราบ รวมกับห้วยแม่ประจันต์ที่ไหลมาจากป่าทางเหนือ โป๊ะ กลายเป็นแม่น้ำเพชรบุรีที่เมื่อก่อนเขาภูมิใจกันว่าน้ำเนี่ยอร่อยเด็ดจนในหลวงรัชกาลที่ 5 ทรงออเดอร์ไปเสวยโดยเฉพาะ (อ่านเรื่องแม่น้ำเพชรบุรีแบบมีข้อมูลตัวเลข มีเกร็ดตำนานอะไรต่ออะไรได้ที่วิกิพีเดียครับ)


เสร็จแล้วพอแตะพื้นราบ ก็ไหลย้อนขึ้นทางทิศเหนือ จากแก่งกระจาน ผ่านท่ายาง บ้านลาด เมืองเพขร ไปลงอ่าวไทยที่บ้านแหลม ตรงนั้นก็จะมีแขนงที่เรียกว่าแม่น้ำบางตะบูนอีกหน่อย


[image error]


ทีนี้พอประเทศเราเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ ก็มีการพัฒนาระบบชลประทานและสร้างไฟฟ้า ในปี พ.ศ.2509 เขื่อนแก่งกระจานก็เลยถือกำเนิดขึ้นมากั้นแม่น้ำเพชรในหุบเขาช่วงที่จะแตะพื้นราบ กลายเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ พอไล่ลงมาช่วงกลางแม่น้ำเพชรก็สร้างเขื่อนเพชรขึ้นมาอีกต่อนนึง เพื่อเอาไว้คอนโทรลน้ำเข้าสู่คลองชลประทาน 3 สายหลัก ส่วนฝั่งเหนือ (หนองหญ้าปล้อง) ก็ทำอ่างเก็บน้ำแม่ประจันต์ขึ้นมาอยู่ช่วงต้นของสายลำห้วยแม่ประจันต์อีกที (ในภาพลืมวาดไว้) นอกจากนั้นก็ยังมีโครงการพระราชดำริของในหลวง ร.9 อีก เช่นอ่างเก็บน้ำห้วยผาก ซึ่งคอนเซปต์คล้ายอ่างแม่ประจันต์ คือเก็บน้ำไว้ใช้ยามแล้ง


โอเค ทีนี้มาดูเรื่องน้ำท่วม


น้ำท่วมเพชรบุรีครั้งใหญ่

[image error]


เช่นเดียวกับทุกๆ จังหวัดที่มีแม่น้ำเป็นแกนกลาง ชีวิตของคนเพชรแถบลุ่มน้ำเลยชินกับน้ำมาตั้งแต่โบร่ำโบราณ (เหมือนย่อส่วนประเทศไทยมาไว้ที่นี่ โดยมีแม่น้ำเพชรเป็นเจ้าพระยาขนาดมินิ) พอหน้าฝน หน้ามรสุม น้ำมาที เรียกว่าฤดูน้ำหลาก ชาวบ้านก็แค่เก็บข้าวเก็บของ ยกใต้ถุนบ้าน อะไรก็ว่ากันไป แป๊บๆ น้ำลดก็ลงมาทำมาหากินกันต่อ (เพราะแม่น้ำเพชรมันสั้นครับ เวลาท่วมทีไม่กี่แป๊บก็ยุบแล้ว ไม่เหมือนเจ้าพระยาจริง) ไม่ได้รู้สึกว่ามันน่ากลัวอะไร


คืออยู่กันเป็น


ผมยังจำได้ว่าเมื่อปี 2538-2539 ตอนนั้นเป็นช่วงเปิดเทอมสองพอดี (เดือนพฤศจิกายน) ตอนนั้นรู้ข่าวว่าน้ำมาเยอะ แต่ไม่รู้รายละเอียดอะไรมาก พ่อเป็นคนขับรถรับส่งนักเรียน ก็รับเด็กจากแถวบ้านไปส่งในตัวอำเภอเมือง ปรากฏว่าพอเข้าเพชรเกษม รถติดมาก เลยเลี่ยงอ้อมไปทางฝั่งปึกเตียน (กลัวจะเข้าเรียนสาย)


แล้วก็พบว่าตัวเมืองเพชรทั้งเมือง จมอยู่ใต้บาดาลเสียแล้ว รถลุยน้ำไปจนถึงโรงเรียนประจำจังหวัด เพื่อจะได้เห็นป้ายออฟฟิเชียลติดไว้ว่า หยุดเรียนไม่มีกำหนด (เย้!)


หลังจากนั้นก็สนุกเลยครับ กลับมาบ้าน ปั่นจักรยานออกไปตรงถนนหลักของหมู่บ้าน ที่ตัดผ่านทุ่งนา มีน้ำหลากข้ามถนนเป็นแนวยาวมากกกก แต่ยังเห็นแนวถนนอยู่นะ เพราะน้ำใสแจ๋ว (ใสจริงๆ แบบดื่มได้เลย) มีปลาตัวโตๆ พวกปลาช่อน ปลาดุก ปลาหมอ ปลากระดี่ เด้งผ่านหน้าไปแบบเยอะมาก แก๊งเด็กๆ ก็โดดเอาเสื้อไปครอบปลา จับกลับบ้านกันได้ไม่น้อย ส่วนผู้ใหญ่ที่ดูมืออาชีพหน่อยก็มาพร้อมอุปกรณ์ ไปดักตามทางน้ำ แฮปปี้กันทั่ว ยกเว้นเจ้าของนา เจ้าของบ่อปลาครับ 5555


อีกครั้งที่ท่วมก็ออกเดินทางไปบ้านย่า จอดรถไว้กลางถนนคันคลองสายสาม แล้วเดินลุยน้ำระดับเอวถึงอกเข้าไปถึงบ้านทรงไทยยกพื้นใต้ถุนสูง (ภูมิปัญญาอดีตนี่โคตรดี) แล้วก็ชมทิวทัศน์รอบบ้านแบบที่นานๆ จะเห็นที ถ้าเป็นยุคนี้สงสัยไลฟ์กันสนุกสนาน


หรือบางทีพ่อก็จะพาขับไปดูสปิลเวย์ที่เขื่อนแก่งกระจาน น้ำแก่งที่ล้นมาถึงระดับนี้ก็จะปีนข้ามสปิลเวย์ มีชาวบ้านมาเที่ยว พาลูกเต้ามาเล่นน้ำกันหนุกหนานอีกแล้ว ทั้งที่ไม่กี่วันก่อนมันยังเป็นแค่ถนนแห้งๆ


และเนื่องจากลุ่มน้ำเพชรมันเป็นแค่แม่น้ำสายสั้นๆ ดังนั้นผ่านไปแป๊บเดียว 2-3 วันถัดมา ทุกอย่างก็กลับมาแห้งเหมือนเดิมอย่างที่ว่า ข้าวเขิ้วในนายังไม่ทันตายเลย


วิถีชีวิตแบบนี้สมัยก่อนถือเป็นเรื่องปกติ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ปกติแล้ว เพราะเราไม่ได้ใช้ฟังก์ชันของแม่น้ำ หรือพื้นที่ทำการเกษตรล้วนๆ เหมือนเมื่อก่อน


ตอนนี้ “พื้นที่รับน้ำ” ที่เคยเป็นที่ลุ่มแม่น้ำ ถูกเปลี่ยนเป็นถนนหนทางบ้านเรือน ไม่อนุญาตให้น้ำไหล-หลากผ่านอีกต่อไป โดยเฉพาะในเขตอำเภอเมือง ที่ผู้คนอยู่กับถนน กับบ้าน กับรถยนต์ ทำมาหากินอยู่กับตลาดห้างร้านบนบก ไม่ได้สนิทกับแม่น้ำเพชรแล้วนะ ขอบคุณที่เคยรักกันมาตลอด แต่เราเองที่ไม่เหมือนเดิม


ถึงจะดูเศร้านิดนึง แต่ก็ต้องยอมรับว่าโลกมันเปลี่ยนไปแล้วครับ อดีตนั้นแสนหวานก็จริง แต่มันไม่หมุนกลับมาอีกแล้ว จากนี้คือเรื่องการบริหารจัดการการอยู่ร่วมกับธรรมชาตินะ


ถ้าดูประวัติย้อนหลัง เราจะพบว่าเพชรบุรีโดนน้ำท่วมครั้งใหญ่เป็นรอบๆ ครับ รอบนึงก็ประมาณ 5-10 ปี เวลาท่วมนี่ แม่น้ำเพชรจากเดิมที่บางช่วงเป็นแค่ลำธารตื้นๆ สามารถเดินข้ามได้โดยน้ำเปียกถึงแค่ไข่ ก็จะเปลี่ยนโหมดเป็นโหมดต่อสู้เต็มกำลัง รำดับน้ำสูงขึ้นมา 4-5 เมตร ชายหาดรอบๆ ก็ถูกน้ำล้นขึ้นมา ขยายขนาดเป็นแม่น้ำใหญ่ยักษ์ดุดัน ไหลเชี่ยวกราก


ซึ่งระดับน้ำของแม่น้ำเพชรแทบทั้งสายนั้นถูกคอนโทรลโดย “เขื่อนเพชร” ครับ เขื่อนที่มองจากภาพถ่ายทางอากาศแล้วเห็นเป็นแค่ติ่งเล็กๆ นี่แหละ แต่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด เพราะมีหน้าที่ไว้คอยจัดสรร จัดการและกระจายน้ำ ในยามปกติก็กักน้ำไว้ใช้ในการเกษตรยามหน้าแล้ง (โซนแม่น้ำเพชรหรือคันคลองจึงไม่เคยแล้ง) ถ้าช่วงไหนเป็นหน้าน้ำ มีน้ำทะลักมาจากแก่งเยอะหน่อย เขื่อนเพชรก็จะเปิดประตูน้ำกว้างขึ้น ทำให้แม่น้ำเพชรเป็นที่ระบายความอ้วนของก้อนน้ำมหาศาลที่มาจากข้างบน


ทีนี้ถ้าเราดูย้อนขึ้นไปข้างบน เหนือเขื่อนเพชรก็มีพี่ใหญ่ “เขื่อนแก่งกระจาน” ที่แนะนำตัวกันไปแล้ว กราฟระดับน้ำในเขื่อนแก่งกระจานนี่แหละครับที่เป็นตัวส่งสัญญาณว่าปีนี้จะดีหรือจะดับ บางปีก็แฮ้งแห้ง บางปีก็น้ำดี แต่หน้ามรสุมโดยเฉพาะช่วงปีหลังๆ อย่างปีนี้นี่ต้องเรียกว่าโคตรเยอะ ก็ต้องวางแผนระบายอะไรกันไป รายละเอียดเดี๋ยวว่ากันต่อข้างล่าง


แล้วน้ำที่ว่าเยอะๆ นี่ล่ะ มาจากไหน


“มาจากฝนตกครับ” ป่าแก่งกระจานนี่ผืนใหญ่มาก พอฝนตกในป่า ไหลลงแม่น้ำ เจอเขื่อนกั้นไว้ ถ้าเขื่อนเห็นว่ากั้นไม่ไหวก็ระบาย ถ้าเห็นสัญญาณว่าพายุฝนมาแบบนี้ กราฟรายงานแบบนี้ มีแววท่วมแหงๆ เขาจะบอกประชาชนให้เตรียมตัวก่อนล่วงหน้าครับ เมื่อก่อนใช้วิธีออกประกาศผ่านเสียงตามสาย หรือรถติดโทรโข่งไล่ไปตามตำบลหมู่บ้านแถบแม่น้ำ ส่วนทางการก็มีจดหมายวิ่งบอก แต่เดี๋ยวนี้เร็วกว่านั้น ชาวบ้านรู้กันผ่านกรุ๊ปไลน์ ผ่านเฟซบุ๊กครับ (ทวิตเตอร์ยังไม่แมสในเพชร)


น้ำท่วมใหญ่ปี 2560

[image error]


อธิบายกันอีกครั้ง เวลาหน้ามรสุมมาทีนึง แหล่งต้นน้ำคือป่าเนอะ คือน้ำจากภูเขา ไหลลงมารวมกันในแม่น้ำเพชร ผ่านเขื่อนใหญ่เขื่อนเล็กที่ทางการเป็นคนคอนโทรล แล้วเวลาท่วม คนที่เดือดร้อนคือชาวบ้านริมน้ำตลอดแนวแม่น้ำเพชรที่เป็นเกษตรกร กับชาวบ้านในตัวอำเภอ(เมือง) เป็นหลัก (กลุ่มหลังจะเสียงดังหน่อย) อันนี้ก็อยู่ที่ว่าน้ำหนาแค่ไหน ปล่อยน้ำจากเขื่อนออกมาทันไหม ถ้าไม่ทันก็ท่วมเยอะอะไรงี้


แต่ของปี 2560 นั้นต่างออกไปครับ เราเรียกกันว่า “ฝนตกท้ายเขื่อน”


[image error]


แทนที่น้ำจะไปกองรวมกันเหนือเขื่อนแก่งกระจาน แล้วค่อยพามวลน้ำไหลลงมาตามสเต็ป แต่คราวนี้ฝนดันตกหลังจากแก่งฯ ลงมาแล้ว ทีนี้เลยไหลลงสู่แม่น้ำตรงๆ เลย บวกกับก้อนน้ำฝั่งเหนือที่มาทางแม่ประจันต์อีก แม่น้ำเพชรก็เลยโอเวอร์โหลด


ส่วนน้ำในเขื่อนแก่งกระจาน แห้งครับ!


เนื่องจากยุคนี้มันยุคโซเชียล ทุกคนเข้าถึงแหล่งข้อมูลกันได้ง่ายมาก แต่ไอ้ความง่ายนั้นกลายเป็นว่ามันพาทุกคนรวมถึงคนที่ขี้เกียจอ่าน ขี้เกียจหาข้อมูลเอง เข้ามาด้วย เยอะซะด้วย 55555 อาศัยว่ามาเปิดเน็ต ด่าเสร็จแล้วก็ไป เลยเราจะเห็นดราม่าที่เกิดจากความไม่รู้ซะเยอะ อย่างในกรณีของปี 60 นี่กรมชลฯ รวมถึงทางผู้ว่าฯ โดนด่าเปิงเลยครับ ว่า “ถ้ารู้ว่ามรสุมมา ทำไมไม่พร่องน้ำจากเขื่อนแก่งกระจานก่อนแต่เนิ่นๆ ไม่ใช่มาปล่อยเอาตูมเดียวเสียหายทั้งเมืองแบบนี้ บริหารจัดการน้ำกันเป็นไหม” นั่นแหละครับ ด่าเสร็จแล้วก็ไป เข้าใจว่าเดือดร้อนนะ แต่ช่วยเข้าใจปัญหานิดนึง 5555


น้ำท่วมเพชรปีนี้และปีถัดๆ ไป

สำหรับปีนี้ (2561) ตอนที่ผมเขียนอยู่นี่ อยู่ในระหว่างที่ทางการได้ประกาศว่ามวลน้ำก้อนใหญ่จากแก่งฯ จะเดินทางถึงอำเภอเมืองในเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 7 สิงหาคม ก็คือคืนนี้เลย! อัปเดตข้อมูลครับ กรมชลประทานแจ้งว่าน่าจะล้นตลิ่งหลังวันที่ 10-11 สิงหาคมจ้ะ ใช้เวลาเดินทาง 36 ชั่วโมง (ตามข่าวกันเรื่อยๆ เด้อ) ขอให้ประชาชนเก็บของขึ้นที่สูงอะไรก็ว่ากันไป มิตรสหายชาวอำเภอเมืองก็โบกปูนหน้าบ้าน กั้นกำแพงกันรัวๆ บนทางเท้านั้นแหละครับ เป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมแนวใหม่…


การประกาศนี้ถ้าเอาจากจดหมายทางการคือรู้ล่วงหน้า 3-4 วัน แต่ถ้าใครตามข่าวสักหน่อยก็รู้เป็นอาทิตย์ครับ แต่จะมาเยอะมาน้อยแค่ไหนก็แล้วแต่ตัวแปรที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน (เช่นฝนซ้ำกรรมซัด)


สาเหตุของน้ำท่วมปีนี้ไม่ได้มีอะไรพิสดารไปกว่าการที่เป็นหน้ามรสุม มรสุมก็มา ปีนี้มาแรงด้วย ฝนตกในป่าเยอะกว่าที่ใครๆ จะนึกออกได้ มากขนาดไหนดูกราฟในทวีตนี้ (ที่มา: 1 , 2)



เจอชาวเน็ตท้องถิ่นเพชรบุรีโวยว่า จนท มัวทำไรกันอยู่ ไม่พร่องน้ำเตรียมไว้แต่เนิ่นๆ หรือเงินค่ำคอ (พาลไปถึงธุรกิจรีสอร์ต) ฯลฯ ก็อยากให้ดูกราฟนี้ครับ


เห็นคองูเห่าแผ่แม่เบี้ยไหม นั่นแหละก้อนน้ำเข้าในวันเดียว! รู้สึกจะ +20% ของความจุเขื่อนแก่ง แถมช่วงนี้ฝนตกรัวๆ ในป่าเหนือเขื่อนอี๊ก! pic.twitter.com/aloQXv6sPe


— 囧 (@iannnnn) August 6, 2018



ของปีนี้เขาคาดการณ์กันว่าอาจจะท่วมเป็นเดือนๆ ส่วนข่าวที่รายงานกันให้ตัวเลขมาว่าน่าจะท่วม 2 สัปดาห์ บ้างก็ว่าตอนนี้เราตื่นตัวและจัดการกันดีแล้ว น่าจะไม่ท่วมนะ แต่บางคนก็บอกเดี๋ยวดูช่วงน้ำทะเลหนุน / มีฝนมาเติมเพิ่มเหนือเขื่อน


ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ต้องรอดูกันต่อไปครับ


การแก้ปัญหาระยะสั้น และป้องกันระยะยาว

ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่า จากนี้ไปพอฝนตก น้ำจะท่วมเมืองง่ายขึ้นมาก นอกจากจะเพราะสภาพอากาศของโลกที่มันสวิงแรงขึ้นทุกปีๆ แล้ว ก็เป็นเพราะบ้านเรือนและถนนหนทางที่ผุดขึ้นมารัวๆ นั่นแหละเป็นตัวขวางน้ำครับ ที่ผ่านมาพื้นที่รับน้ำ-ระบายน้ำมันน้อยลงอย่างไม่มีการวางแผนที่ดี ใครมีที่ดินก็ถมสูงกันทั้งนั้นเนอะ เราทุกคนต่างก็ช่วยกันทำให้น้ำท่วมเป็นสิ่งที่น่ากลัวขึ้น ยิ่งมีความเป็นคนเมืองเท่าไหร่ก็จะกลัวน้ำท่วมกันมากขึ้น ทั้งที่คนเดือดร้อนกว่าคือเกษตรกรนะ 555 ไม่เอาๆ ไม่ดราม่าแหละ เปลี่ยนเรื่อง


โปรเจกต์ระยะยาวที่เห็นผ่านตาก็มีคลองลัด หรือฟลัดเวย์ ที่จะเจาะโป้งเข้าไปเหนือเขื่อนเพชรครับ เพื่อทำชอร์ตคัตลากน้ำลงทะเลด้วยอัตราเร็วเท่าๆ กับแม่น้ำเพชรอีกสายนึงเลย (ถ้าจำตัวเลขไม่ผิดจะอยู่ที่ประมาณ 100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) กับอีกเส้นนึงที่มีการศึกษากันคือท้ายเขื่อนเพชรลงมา แต่อาจจะยากนิดนึงเพราะต้องมีเวนคืนที่ดงที่ดินอะไรกันอีก


ส่วนที่ทำได้เลย ตอนนี้ก็ทำอยู่อย่างต่อเนื่อง (คือขุดอยู่เลย ขุดing) ก็เช่นการขยายคลองลัดหลังโรงพยาบาลท่ายาง, คลองชลประทานบ้านลาด ที่ตัดฉับมาเป็นโหมดระบายน้ำด่วนไปก่อน เสร็จแล้วพอหน้านาก็จะเป็นคลองส่งน้ำเข้านาน้องแทน และคลองอื่นๆ อีกหลายเส้นทั่วจังหวัด ที่ปกติก็เป็นคลองส่งน้ำเหมือนกัน แต่คราวนี้ขอแปลงร่างเป็นคลองระบายน้ำบ้างนะ (ข้อมูลล่าสุดที่ทราบมาก็คือ เขาลดระดับน้ำในคลองสาย 3 เพื่อดำเนินการเชื่อมซร้วบเข้าคลองใหม่ที่เพิ่งขุดจวนจะเสร็จตะกี้ เปิดใช้จริงกันเดี๋ยวนี้เลย! ฉับไวสไตล์อีลอนมัสก์)


พวกงานทั่วไปที่เห็นกันอีกก็เช่นเรือผลักดันนำตรงปากอ่าว หรืองานขุดลอกแม่น้ำที่มีเรื่อยๆ อยู่แล้วครับ บางจุดที่ผมเคยเล่นน้ำตอนเด็กๆ นี่ พอกลับไปดูอีกที อ้าวลึกเฉยเลย ไม่กล้าโดดแล้ว


ส่วนการข่าวที่มีดราม่ากันอยู่ก็ต้องแก้กันไปตามสูตรจรรยาบรรณของสำนักข่าวที่ขี้เกียจจำพูดให้ซ้ำซาก อย่างล่าสุดวันนี้ที่เห็นคือสำนักข่าวบางช่องเอานักข่าวไปยืนแช่น้ำ แล้วรายงานให้มันดูโหดๆ ตระหนกๆ เยอะๆ เพื่ออะไรของแก๊ (มีคนบอกว่าถ้าไฟไหม้แกต้องไปรายงานในกองเพลิงด้วยไหม 555555)


ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมได้ที่ไหน

ย้ำอีกทีว่าตอนนี้เขียนบล็อกนี้ สถานการณ์น้ำยังไม่นิ่ง เอาจริงคือในเมืองเพชรยังหมอบการ์ดตั้งรับอยู่เลยนะครับ อาจไม่ท่วมหรือท่วมมากมาย ก็แล้วแต่ปัจจัยหลายอย่างที่ว่ามา ขอแนะนำแหล่งข้อมูล, คอมมูนิตี้สำหรับสอบถามพูดคุยและติดตามกันต่อไปดังนี้:


1. เฟซบุ๊กกลุ่มจังหวัดเพชรบุรี และ กลุ่มจังหวัดเพชรบุรี

(อันหลังมีคำว่ากลุ่มในชื่อกลุ่มด้วย) ในสถานการณ์ปกติก็ขายของกะปิน้ำตาลหอยแครงอะไรกันไปเรื่อยครับ แต่ยามวิกฤติคุณจะได้เห็นข่าวสารสดๆ เพียบ จากสมาชิกกลุ่มเป็นแสนๆ คน


2. เพจถ่ายทอดสด ณ.จุดเกิดเหตุในจังหวัด เพชรบุรี

เป็นของจิตอาสาที่ขยันไลฟ์ และมีแฟนคลับมากมาย / ถ่ายดี วันนี้มีโดรนบินไปถ่ายเขื่อนเพชรด้วย เท่โคตร (ถ้าน้ำท่วมคงได้เห็นคลิปโดรนสวยๆ ของเมืองเพชร (ตัวอย่าง) อย่างแน่นวล / อ้อ ระวังเนื้อหาในสถานการณ์ปกตินะครับ น้องแกชอบไปถ่ายจุดเกิดเหตุ มีศพเศิพ จับงูไรงี้


3. คุณอรุณ เกิดสมิง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านที่แก่งกระจาน

แกขยัน ไลฟ์ รายงาน มาก โดยใช้เน็ต 3G แบบเติมเงินของแกเอง (เปิดให้ donate ไหมเนี่ย) ซึ่งการเป็นคนในพื้นที่เหนือเขื่อน ทำให้ผู้ชมสามารถเห็นภาพความเดือดร้อนเหนือเขื่อนชัดเจน (ซึ่งไม่ออกข่าวนะ) / บุคลิกแกน่ารักนอบน้อม ดูและอ่านเพลินดีครับ / และแกฟันธงว่า “น้ำเข้าเมืองเพชร แต่ไม่ท่วม” แน่นอนครับ


4. กราฟระดับน้ำเรียลไทม์

เป็นของสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) เส้นสีฟ้าคือระดับน้ำปัจจุบัน สีแดงเป็นตลิ่ง (ถ้าฟ้าชนแดง = บ๊ายบาย) อ้อ มีแอปด้วย แต่ยังไม่ได้ลองนะครับ


สุดท้าย ฝากพอดแคสต์รายการเสาเสาเสา EP34 ว่าด้วยเรื่องน้ำท่วมครับ เราจัดรายการกันปลายปีที่แล้ว ในช่วงที่น้ำกำลังท่วมเพชร และท่วมกรุงกันบ่อยๆ นั่นแหละ เล่าเรื่องเกี่ยวกับคอนเซปต์ของน้ำท่วมทั้งสาเหตุและการแก้ปัญหา ฯลฯ เท่าที่รู้ไว้เยอะเลย :D


The post อธิบายปรากฏการณ์น้ำท่วมเพชรบุรี (เวอร์ชันเข้าใจง่าย) appeared first on iannnnn.com.

 •  0 comments  •  flag
Share on Twitter
Published on August 07, 2018 06:46

June 3, 2018

ยินดีที่ได้รู้จักกันอีกครั้ง

ความสัมพันธ์มันรีบูตกันได้เนอะ


รีบูตนี่คล้ายๆ กับเทรนด์ของหนังฮอลลีวูด ที่ชอบเอาหนังเก่าๆ มาสร้างภาคต่อพร้อมกับเคลียร์ตัวเองให้ใหม่ปิ๊งน่ะ เรื่องที่ทำแล้วแป้กก็เยอะ แต่เรื่องที่ทำแล้วเจ๋งสัสๆ แบบ MAD MAX ก็มี – แน่นอน เราจะพูดในโหมดที่เจ๋ง ไม่ใช่เจ๊ง


ผมเพิ่งวางหูโทรศัพท์จากผู้ชายคนหนึ่ง เราคุยกันนานถึง 1 ชั่วโมง


* ใช้คำว่าผู้ชายคนหนึ่งเพื่อกันแก๊งเพื่อนเหี้ยมารุมเล่นมุกเมียน้อย

** พูดถึงปริมาณการโทร หนึ่งชั่วโมงนี่ปกติคือการใช้โทรศัพท์รวมทั้งเดือนละนะ


ผมรู้จักพี่คนนี้มานานมาก เพิ่งเปิดอีเมลที่เคยส่งถึงกันอย่างออฟฟิเชียล และคุยกันด้วยชื่อจริงในโหมดหน้าที่การงานสุดๆ พบว่าจดหมายลงวันที่ไว้เป็นปี 2007


แล้วเราก็โคจรผ่านกันบนโลกออนไลน์ ในยุคที่ประเทศไทยเพิ่งเล่นทวิตเตอร์กันอย่างเตาะแตะ และเฟซบุ๊กกำลังเริ่มมีคนเล่น… เล่นควิซกับอินไวต์เพื่อนเพื่อขอคะแนนเกมกันเป็นสมัยแรกๆ


เจอกันตัวๆ ตามวาระโอกาสต่างๆ เป็นบางครั้งบางคราว เราต่างก็จำกันในฐานะคาแรกเตอร์ที่แสดงออกผ่านตัวหนังสือ (ที่ดูบ้าๆ บอๆ และเบาๆ) ไม่เคยคุยกันเป็นจริงเป็นจังสักที


เราเห็นความสัมพันธ์แบบเดียวกันนี้ได้เป็นเรื่องปกติใช่มะ เช่น เออ รู้จักกันผ่านทวิตเตอร์เนอะ เดาว่าแกคงเป็นคนอย่างที่ทวีตออกมาแหงๆ เลย ดังนั้นฉันขอเล่นหัวแกแบบสนิทสนมได้ทันทีโดยไม่ต้องถาม อะไรแบบนี้ (แต่ตัวจริงของแกจะเหมือนตัวอักษรหรือเปล่า ก็อีกเรื่อง เราข้ามไป เอาเฉพาะ MAD MAX นะ)


นั่นแหละ เพราะความผิวเผินนี้เอง แม้จะปักหมุดไว้แล้วว่าเออ คนนี้คือหนึ่งในคนรู้จัก ที่ต่างก็รู้สึกโอเคและแฮปปี้ที่จะติดตามอีกฝ่าย แต่นั่นก็ยังคงเป็นการ follow each other ผ่านตัวตนที่แสดงออกมาในโลกออนไลน์ ก็เท่านั้น เราเลยเคยแต่หันด้านที่ไร้สาระใส่กัน เล่นมุกอะไรต่อมิอะไรเมื่อโคจรมาเจอกัน แล้วก็จาก


ด้วยจังหวะชีวิตของเราทั้งคู่ เราก็ห่างกันไปเรื่อยๆ …จนหายไปนาน


อยู่ดีๆ วันนี้เขาทักมาว่า “อยากรู้จักเราใหม่อีกครั้ง”


เป็นประโยคที่ไม่คุ้นเคย และไม่คุ้นเคยยิ่งกว่านั้นเมื่อเขาบอกว่าขอโทรคุยสักห้านาทีนะ


ไม่ใช่ขายตรงแล้วจะเป็นอะไรได้วะแบบนี้ ประกันชีวิตเหรอ


เปล่าเลย เขาทำแบบประโยคที่ใส่เครื่องหมายคำพูดจริงๆ


เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น บทสนทนาเริ่มขึ้นอย่างเคอะเขิน ด้วยความที่ปกติเราก็ไม่ใช่คนที่ชอบโทรคุยกับใครเลยด้วยซ้ำ (ยกเว้นลูกค้าที่พร้อมจะโปรยเงินมาให้ อันนั้นคุยนานได้ ไม่ถือ)


คงเพราะอีกฝ่ายเป็นนักสัมภาษณ์มืออาชีพอยู่แล้วด้วยแหละ ไม่ทันได้ตั้งตัว เขาก็เริ่มสัมภาษณ์เราอย่างจริงจัง


รื้อไล่กันมาเลยว่าเออ จบที่ไหนนะ ทำงานอะไร ชอบอะไร ทำไมถึงทำสิ่งนั้น ทำไมถึงทำสิ่งนี้ เป็นเวลา 1 ชั่วโมงเต็มด้วยความลื่นไหลและสนุกมาก


มากจนวางหูปั๊บ ผมก็เปิดบล็อกขึ้นมาเขียนเลย


หนึ่งในบทสนทนาที่เราคุยกันก็คือ เดี๋ยวนี้การเขียนบล็อกมันเป็นเรื่องส่วนตัวกว่าการทวีต หรือโพสต์เฟซบุ๊กแล้วด้วยซ้ำ นั่นเพราะบล็อกเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอ่าน เราจึงไม่ต้องมานั่งปั้นแต่งประโยคอะไรมากนัก และไม่ต้องมามัวกังวลกับยอดไลก์หรือผลตอบรับ แน่ล่ะว่าใจนึงเราก็อยากให้มีคนมาอ่าน มาแสดงความคิดเห็น แต่ด้วยสภาพการเป็นบล็อกในยุค 2018 …ซึ่ง ย้ำอีกทีว่ามันไม่มีใครมาอ่านกันแล้ว มันเลยดูเหมือนเราเปิดบ้านรอรับแขกอยู่เสมอ แต่บ้านเราอยู่บนยอดเขา หรือป่าลึก เปิดประตูไว้ก็แทบจะไม่มีใครมาอยู่แล้ว


เราเลยเป็นตัวเองได้กว่าเดิม ไม่ต้องเก๊ก ไม่ต้องเช็กแล้วเช็กอีกว่าอันนี้จะปังไหม ยอดรีจะมีแค่ไหน ไลก์เยอะหรือเปล่า


แต่ก็ไม่ค่อยได้เขียนอยู่ดี เพราะนึกอะไรออกเดี๋ยวนี้ก็ทวีตเลย ดูสิความฉาบฉวยนี้


เลยคุยกันต่อว่า ประโยชน์ของบล็อกมันคือเครื่องบันทึกเวลา บันทึกความคิดในแบบที่เป็นเรา มากกว่าไอ้ที่พ่นๆ ไว้ในโซเชียลนะ อย่างน้อยพรรณาโวหารที่ใส่ไว้ มันก็อ่านแล้วได้น้ำเสียง และเห็นตัวเราในอดีตมากกว่าที่เล่นมุกฉาบฉวย


คนที่ชอบยึดติดกับอดีตอย่างเราจึงเหมาะกับบล็อก


กลับมาๆ ตีหนึ่งแล้ว เดี๋ยวตื่นสายเมียด่า (ตะกี้ตอนโทรก็ได้ยินเสียงเมียลุกมาเข้าห้องน้ำ มันจะรู้ไหมว่าอีหนูที่ผัวคุยอยู่นี่คือชายร่างใหญ่คนนั้น)


ถ้าถอดบทสนทนาเมื่อสักครู่ ที่ผมเป็นฝ่ายถูกสัมภาษณ์ มันคงจะอารมณ์เหมือนมีคนมาขุดแคะตัวตนในวัยหนุ่มของเรา รื้อฟื้นขึ้นมาเพื่อให้เรียบเรียงและทบทวนกันอีกครั้ง ว่าที่เราเป็นเราทุกวันนี้ เราผ่านอะไรมา ทั้งหน้าที่การงาน ความคิด อุดมการณ์ ที่ตกตะกอนนอนก้นอยู่ในหลืบมานาน ด้วยงานการและวิถีชีวิตในทุกวันนี้ ผมอยู่แค่กับปัจจุบันและวางแผนอนาคตไปยันลูกเต้าเท่านั้น ไม่มีใครมาช่วยกระทุ้งอดีต และขุดมาคุยกันจริงๆ จังๆ แบบเมื่อสักครู่


บทสัมภาษณ์เพื่อรีบูตความสัมพันธ์เมื่อสักครู่จึงเหมือนได้นั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลา นอกจากผู้ฟังจะได้รู้จักเราแล้ว ผมยังได้มองเห็นตัวเองที่กูเองก็ลืมไปนานแล้วเหมือนกัน (ย่อหน้านี้ใข้สรรพนามเปลืองมาก)


มันจึงเป็นบทสนทนาที่ดี ดีพอที่จะบันทึกเสียงเอามาพิมพ์เป็นเล่มใส่หนังสืองานศพ ตั้งชื่อว่า “บทสัมภาษณ์แอนวัยหนุ่ม” (ขอใช้ฟอนต์เชยๆ ที่ตัวเองทำไว้เมื่อสิบกว่าปีก่อน — เฮ้ย เรื่องเว็บฟอนต์ก็อยู่ในบทสนทนาตั้งนานเลยนะ)


มันจึงเป็นบทสนทนาที่ดี และเป็นการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ที่ดีเช่นกัน


ขอบคุณและยินดีที่ได้รู้จักกันอีกครั้ง


ในยุคที่เราลืมไปแล้วว่าโทรศัพท์มันโทรได้นะ


The post ยินดีที่ได้รู้จักกันอีกครั้ง appeared first on ไอ้แอนนนนน.คอม.

 •  0 comments  •  flag
Share on Twitter
Published on June 03, 2018 11:18

May 4, 2018

เที่ยวงานสถาปนิก’61

รู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าผมไปงานสถาปนิกติดต่อกันมาหลายปีมากแล้ว ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ได้เป็นสถาปนิก แต่พอนึกดู ตัวเองก็ดันทำงานที่เกี่ยวข้องกับวงการนี้โดยบังเอิญ (บังเอิญอะไรล่ะ แกเรียนมา) ที่สำคัญคือหลายปีมานี้ต้องใช้ประโยชน์จากการเดินชมงานเพื่อหาความรู้เสริมโปรเจกต์ที่ทำอยู่เยอะเลย


น่าเสียดายที่พอจะมาค้นดูว่าช่วงที่ทำโปรเจกต์สร้างบ้านสร้างอาคารก่อนหน้านี้ ดันหาข้อมูลของงานปีก่อนๆ ที่จดไว้อย่างละเอียด (ในกระดาษ) ไม่เจอแล้ว


ต่อไปนี้ก็จะขอจดใส่บล็อกไว้เลย ไม่หาย แถมย้อนดูได้ เหมาะกับวิถีชีวิตมนุษย์ไดโนเสาร์ในยุคโซเชียลเรียลไทม์แบบนี้จริงๆ


งานสถาปนิก’61 ปีนี้จัดที่เดิม คืออิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ (ในอีเมลประชาสัมพันธ์ดันบอกว่าเป็นอารีน่า) ใช้สโลแกนว่า “ไม่ธรรมดา” หมายถึงการเอานั่นนี่ที่ธรรมดา มาใส่ความคิดสร้างสรรค์ลงไป ก็กลายเป็นสิ่งใหม่ที่ว้าวได้


งานมีวันที่ 1-6 พ.ค.61 ลงทะเบียนออนไลน์ได้ตั้งแต่เริ่มเห็นเขาโปรโมต ของผมคือได้รับอีเมลเพราะไปอยู่ในถังของปีที่แล้ว ส่วนตัวแล้วแนะนำอย่างยิ่งให้ลงทะเบียนออนไลน์ก่อนวันงาน (ปิดรับก่อนงาน 7 วัน) เพราะแถวลงทะเบียนหน้างานยาวมากกกกกกกกกกกกกก ในขณะที่แถวพรินต์บัตรห้อยคอสำหรับมนุษย์ออนไลน์นั้นใช้เวลารอ 0 วินาที


การจอดรถก็เฮงซวยเหมือนเดิม เพราะงานจัดชนกับมหกรรมสินค้าลดราคาที่อิมแพคอารีน่าข้างๆ ถ้าเป็นได้ให้แว้นมา (สิทธิพิเศษของชาวปทุม)


งานปีก่อนๆ ผมใช้เวลาเดินนานมาก (8 ชั่วโมงเดินได้แค่ครึ่งงาน อีกปีก็ 10 ชั่วโมงเต็มๆ คืองานแม่งใหญ่มาก) แต่ปีนี้ดันติดปัญหาที่จอดรถ เลยมีเวลาแค่ 4 ชั่วโมง โอเค ก็จะข้ามอันที่ไม่ดึงดูดไปเลยละกัน พุ่งสู่สิ่งที่สนใจในโปรเจกต์ก่อสร้างของปีนี้ทันที


สิ่งที่ไม่สนใจคือนมของพริตตี้ในงาน (ซึ่งเยอะมากกกกก) บูทไหนที่เอานมนำ เราถือว่าไม่ได้สื่อสารกับเราที่จะมาหาข้อมูลของวัสดุและสินค้าโดยเฉพาะ ขี้เกียจเสียเวลาจีบปากจีบคอคุยกับคนที่ไม่ได้รู้เรื่องจริงๆ ก็จะขอข้ามเลยละกัน


ซึ่งดันมีบูทนึงที่จัดอีเวนต์เปิดตัวซัมติง ที่เปิดไมค์ส่งเสียงดังคึกคักครึกครื้น นักข่าวสื่อมวลชนและคนเดินเที่ยวงานมุงอออยู่ด้านหน้าเพียบเลย ผมชะโงกดูก็พบว่า โอเคแหละ พริตตี้กำลังเดินนวยนาด พรีเซนต์นมอย่างออกรส


พอกำลังจะเดินผ่าน ก็ดันเห็นว่าแบรนด์นี้พี่ไม่ใช่แค่นมพริตตี้…


[image error]


ครับ และนั่นคือภาพแรกของงานนี้…


งานสถาปนิกนั้น นอกจากจะทำมาให้สถาปนิก ผู้รับเหมาและบริษัทห้างร้านได้มารู้จักผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยีใหม่ๆ แลกเปลี่ยนนามบัตรกันแล้ว เอาจริงๆ เป็นงานที่เหมาะกับคนที่มีโครงการจะสร้างบ้าน แต่งบ้าน ทำนั่นนี่ หรือแม้แต่สนใจงานออกแบบทั่วไปด้วยนะครับ


โดยในงานเขาจะแบ่งเป็นโซนอย่างเป็นทางการของงาน และโซนที่ให้ห้างร้านองค์กรมาเปิดบูทขายของ


[image error]


เท่าที่ดูงานนี้ติดต่อมาหลายปีก็พบว่าแต่ละปีจะมี “เทรนด์” ของสินค้าที่เอามาจัดแสดงในงานด้วยนะครับ อย่างในปีหลังๆ นี่ จะเห็นวัสดุทดแทนธรรมชาติ หรือแก้ปัญหาการใช้วัสดุในธรรมชาติมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด


[image error]


อันบนนี่คือโซลูชันสำหรับคนอยากจัดสวน ทำสวน ทั้งแนวนอน แนวตั้ง โดยเป็นระบบเฟรมพลาสติกเอาไว้โบ๊ะลงแล้วค่อยปูหญ้า หรือเป็นตะแกรงสำหรับจัดสวนแนวตั้ง คิดเรื่องระบบน้ำ ทั้งการให้น้ำ การระบายน้ำไว้แล้วเรียบร้อย (เอาชื่อ GrasCell GP40 ฯลฯ ไปกูเกิลเอาเองนะ)


[image error]


สระว่ายน้ำเห็นมาแสดงอยู่ 3-4 ยี่ห้อ อย่างอันนี้เป็น J.D.Pool มีนวัตกรรมสระว่ายน้ำคอนเทนเนอร์ ที่เห็นแล้วก็เออว่ะ ชื่นชมที่คิดได้ คือบ้านไหนอยากมีสระว่ายน้ำเนี่ย จะเจอความยุ่งยากในการเตรียมสถานที่ ขุดดิน ปรับดิน ทำโครงสร้างรับน้ำหนัก ฯลฯ ก่อนที่จะทำสระ พอมีอันนี้ก็ผลิตจากโณงงานมาวางปึ้ง เสร็จแล้ว เติมน้ำแล้วว่ายได้เลย มีกระไดให้ด้วย


ข้อเสียที่เห็นคร่าวๆ ก็คือขนาดของมันจะฟิกซ์เท่ากับคอนเทนเนอร์นี้เลย ใครชอบกว้างๆ หรือทรงอื่น หรือดีไซน์อย่างอื่นก็ผ่านได้ (เท่าที่สังเกตตัวโชว์ในงานผมว่าเก็บงานไม่ค่อยเรียบร้อยด้วย ไม่รู้ของจริงที่ทำขายจะโอเคกว่านี้ไหม) สุดท้าย ราคาของสระแบบนี้อยู่ที่ประมาณ 5 แสนมั้งถ้าจำไม่ผิด


พวกบ้านน็อกดาวน์ ร้านกาแฟสำเร็จรูป โรงเรมแบบซื้อไปยกวางตั้งเลยนี่ก็เห็นอยู่หลายเจ้า แต่ไม่ได้แวะ เพราะยังไม่อยู่ในความสนใจตอนนี้ แต่เห็นเลยว่าดีไซน์แบบที่โอเคๆ เริ่มมามากขึ้นเรื่อยๆ ละ


[image error]


อันนี้กระเบื้องนะครับ ลายไม้ เสี้ยนเสิ้นมาโคตรเป๊ะเลย ชอบสีโทนนี้มากๆ ราคาประมาณตารางเมตรละ 1,500 บาท (TREVERKWAY OUTDOOR ROVERE / DOCKWOOD WARM – PRC)


[image error]


กระเบื้องยางไวนิลของ Rococo คราวนี้ก็มาโทนสีนี้เหมือนกัน ราคาประมาณตารางเมตรละ 670-1,000 บาท แล้วแต่ความหนา เป็นแบบคลิกล็อก ต่อกันแบบเลโก้เลย


[image error]


อันนี้ของดี (= ของที่เราสนใจ) เป็นกระเบื้อง Bezen มีของใหม่ล่าสุดคือกระเบื้องกลมแบบสั่งพิมพ์ลายเป็นของเราเองได้ ในโบรชัวร์ยังไม่มีลงไว้เลย แต่รีบเอามาโชว์ในงานก่อน


[image error]


ราคาต่อตารางเมตรก็ค่อนข้างสูงแหละ คือพันกว่าบาท (ไม่เคลือบถูกกว่าเคลือบ ส่วนตัวชอบแบบไม่เคลือบ ความด้านมันดูเท่กว่า) ถ้าจะออกแบบลายเองก็ตกพันเจ็ดแน่ะ แต่เขามีวิธีปูให้ไม่พร้อยมาก คือเป็นลายพื้นๆ แล้วค่อยเอาลายดอกอลังๆ ไปแทรก / ส่วนอีกภาพเป็นแบบสี่เหลี่ยมชิ้นเล็ก มีลายสำเร็จอยู่แล้ว 16 แบบ ตกตารางเมตรละ 900 บาท


[image error]


ในงานมีบูทสีน้ำ / ภาพสเก็ตช์จากศิลปินอยู่ด้วยครับ นอกจากของ WILLY แล้วยังมีอาจารย์สีน้ำที่เอาภาพมาขายเองทั้งแบบภาพต้นฉบับหลักหลายหมื่น ไปจนภาพพรินต์ในราคาย่อมเยา (มีรับวาดภาพเหมือนด้วย)


[image error]


ที่แปลกใจก็คือ พวกเทคโนโลยี Smart Home / IoT ปีนี้แทบไม่มีเลย ทั้งที่ปีก่อนยังมีหลายเจ้า (เอ๊ะหรือนั่นคืองานบ้านและสวนหว่า …ไม่สิ งานนี้แหละ)  อย่างอันนี้ของ Jarton ผมลองไปสอบถามราคาของระบบ Access Control ของพนักงาน ให้สแกนลายนิ้วมือ หรือสแกนหน้าปั๊บ ประตูเปิด บันทึกเวลา แจกคีย์ผ่านเว็บแอป ฯลฯ ทั้งหมดนี้ไม่น่าเกิน 30,000 บาท


ส่วนเจ้าอื่นๆ อย่างเจ้านึงที่ขายซัมซุง ถามแล้วเฮียดูเหมือนไม่เต็มใจอธิบาย ผมก้มดูโหงวเฮ้งตัวเองที่ไม่น่าจะเป็นคนที่อยากซื้อจริงๆ ก็เข้าใจเฮียนั่นแหละ แต่เฮ้ย เราจะซื้อจริงๆ นะ แค่ไม่ได้ซื้อจากเฮียเท่านั้นแหละ


[image error]


อิฐเทียมของ Legend นี่ผมเคยซื้อใช้แล้วที่สตู ก็มีสีใหม่ๆ ที่ผลิตมาเพิ่ม แต่ตราวนี้ที่สนใจคือหินเทียมประดับสวน มีเชือกร้อยเป็นแผง แผงละ 1 ตารางเมตร ราคา (ต่อตารางเมตร) แบบตรง-แบบพัดโค้งใหญ่ 1,400.- / แบบวงกลม วงละ 3,000.- ได้ 2 ตารางเมตรพอดี (ในงานมีโปร และมีล็อตที่เขาทำแล้วสีกรอปจากมาตรฐาน 10% ก็มาเซลล์ขายเหลือแค่ 750.-)


[image error]


พนักงานโชว์การปูให้ดู บดทรายให้เรียบร้อยแล้วก็ปูวางได้เลย เท่านี้แหละ สวยเด๊ะ


[image error]


อ้อ ที่เห็นเป็นเทรนด์ใหม่ตั้งแต่ปีก่อนก็คือผลิตภัณฑ์สำหรับผู้สูงอายุ (Elder Care) พอดีผมไม่ได้แวะ SCG แบบละเอียดๆ เลยไม่ได้ดูว่าปีนี้เขาเน้นเยอะขนาดไหน แต่อันนี้อีกเจ้านึง มาเป็นหุ่นแอนดรอยด์ผู้ช่วยเลย / เดินผ่านอย่างเร็วเพราะยังไม่ได้จะใช้


[image error]


เดินไปอีกก็เจอ  LEOWOOD ขายกระเบื้องยาง / กระเบื้องลามิเนต มีของใหม่คือลายสีไม้ยูคาลิปตัส ออกแนวรัสติกๆ แบบนี้ จัดแพตเทิร์นเป็นก้างปลาอย่างที่ชอบเลย ที่สำคัญคือแต่ละชิ้นขนาดเล็กกว่ากระเบื้องยางที่เห็นคุ้นๆ กัน คือกว้างแค่ 8 ซ.ม. เลยได้เอฟเฟกต์ที่ออกจะปาร์เกต์สักหน่อย และราคา 690 บาทต่อเมตรนี่ก็เป็นมิตรกว่ายี่ห้อบนนู้น (ในภาพมีป้ายบอกว่า Best Seller แต่ในโบรชัวร์ยังไม่มี และต้องรอสั่งนำเข้าตั้ง 2 เดือนแน่ะ เอ๊ะยังไง) ส่วนไซส์ปกติทั่วไปก็ตกเมตรละ 790 บาท


[image error]


อ้อ LEOWOOD มีประตูสั่งทำจากวัสดุที่คล้ายกับลามิเนตตะกี้ด้วย แต่สั่งพิมพ์ลายอะไรก็ได้ลงไปบนบานประตูเลย ราคาก็บานละ 3,990 บาทสำหรับไซส์มาตรฐาน ส่งฟรี


[image error] [image error]


เดินไปเรื่อยๆ ก็ทะลุถึงโซนนิทรรศการ-งานประกวด ชอบตรงที่เปิดให้เด็กมาเขียนอะไรเล่นได้นี่แหละ ดีอ้ะ


[image error]


โซนเฟอร์นิเจอร์(แพง) ก็จะมีอะไรเกร๋ๆ ชิกๆ แบบนี้เยอะเลยครับ ภาพขวาคือโต๊ะกินข้าวที่มีน้ำไหลตรงกลาง เป็นน้ำตกหยดลงหิน ถ้าเปิดรีสอร์ตแถวเขาใหญ่ต้องโดนแล้วล่ะโต๊ะนี้


[image error]


อันนี้สแตนดี้ขายก๊อกน้ำ เขาโชว์ว่าเขาได้รางวัลจากลุงคนนั้น… ข้ามไปละกัน


[image error]


บูท art4d เจ๋งม้าก เอาบล็อกแก้วมาล้อมไว้ เหมือนคุกกระจก 55555 / ผมไม่ได้อ่าน art4d เลย (ร้านหนังสือแถวนี้อย่าหวังว่าจะมีขาย) (ห้องสมุดประชาชนก็ยิ่งไม่หวัง) ขอชมอย่างจริงจังว่าตั้งแต่ปรับดีไซน์ใหม่ให้โลโก้เล็กๆ แบบนี้ แล้วปกแต่ละปกโคตรสวย โคตรน่าเก็บ ขายได้ยังไงเนี่ยเล่มละ 50 บาทเอง บ้าเอ๊ย


.


ทีนี้มาถึงแกนกลางของงาน (คือเดินอ้อมไปตั้งนานเพื่อจะมาไฮไลต์ตรงนี้) จากสมาคมสถาปนิกนะครับ


ปีนี้ได้งานดีไซน์พาวิลเลียนไม้ไผ่จาก ธ.ไก่ชน (เคยเขียนถึงไว้ด้วยแหละ) ซึ่งคุณตั๊บเป็นหนึ่งในหัวหอกของงานปีนี้ด้วย มีแจ่มว้าวๆ หลายหลัง เห็นแล้วอยากเอามาตั้งไว้หน้าบ้านบ้างคงโคตรเท่


[image error] [image error] [image error]


ผมไม่ได้แวะเข้าไปเพราะไม่ได้เป็นสถาปนิก (เขามีเบียร์ฟรี สัมมนาฟรี ฯลฯ เพียงโชว์บัตรยืนยันว่าคุณคือพวกเดียวกัน) แต่ก็เดินดูนิทรรศการรอบๆ ซึ่งโครงไม้ไผ่อันล่างเนี่ยก็เป็นแหล่งแสดงงานหนุกๆ / ส่วนจะมีอะไรบ้าง เรามาดูกันแว้บๆ


[image error]


TCDC ขอนแก่น!


[image error]


บ้านสวนแม่กลอง อันนี้แปะภาพใหญ่เลยเพราะอินกับบ้านแบบที่มีลานไม้แบบนี้ ชอบเฉลียง ระเบียง ชาน ประตูบานเปิดโล่งๆ เรียกยุง (บานเฟี้ยมนี่เฉยๆ) และยกพื้นแบบนี้ โอ๊ยๆๆๆๆ


[image error]


อันนี้ของสถาบันอาศรมศิลป์ ต้องบอกว่าเป็นชิ้นที่เยี้ยดเปียดที่สุดในใจฉันของปีนี้เลย 555555 โดนทุกอย่าง บ้าที่สุด


[image error]


วิธีพรีเซนต์บางชิ้นก็สนุกดี เช่นรีสอร์ตอันซ้ายเปิดเป็นอาคารใสเพื่อโชว์การจัดผัง ส่วนเจดีย์องค์ขวาก็ทำมาครึ่งนึงแล้วเอากระจกเงามาสะท้อน อีกฟากของกระจกเป็นโครงสร้างที่มาครอบอีกที ก็เก๋เหมือนกัน เหมือนได้วางทีละสองโมเดลซ้อน


[image error]


อันนี้ของออฟฟิศเพื่อนเก๋ง เห็นการใช้ไม้ลูกชิ้นมาทำคอนทัวร์ยังกะป่าชายเลนแล้วเหนื่อยแทน


[image error]


ส่วนอันนี้ของโบ๊ท จากเสาเสาเสา รายการพอดแคสต์สถาปัตย์ที่ฮอตฮิตที่สุดในยุคนี้ (โมเดลมันธรรมดาๆ นะ แต่งานจริงสวยดี เพราะเป็นไม้ทั้งหลังกระทั่งโครงสร้างในส่วนที่ไม่ต้องโชว์)


[image error]


อันนี้อลังการเกินไปโว้ยยยกดยกดายกดานหก่ดวหกดวสหกด่หวสกด่วห่กดสหก


ที่จริงยังมีอีกหลายจุดมากๆ ที่เดินผ่านเร็วๆ เนื่องด้วยข้อจำกัดของเวลา โดยเฉพาะด้านหน้าที่มีงาน VERNADOC สวยๆ เพียบเลยก็แวะได้แป๊บเดียว ไว้ปีหน้าเจอกันนะครับๆๆๆ


ปืดท้ายด้วยคอมเมนต์จากเมีย



ผัวบอกไปเดินงานสถาปนิก จริงๆ เพื่อนผัวเอย รุ่นน้องผัวเอย ก็เป็นสถาปนิกเยอะเนอะ ก็ควรจะเจอบ้างเนอะ


— Bow (@monamafia) May 2, 2018



The post เที่ยวงานสถาปนิก’61 appeared first on ไอ้แอนนนนน.คอม.

 •  0 comments  •  flag
Share on Twitter
Published on May 04, 2018 01:54

December 28, 2017

ปีดี

ไม่เกี่ยวกับสภาพสังคมการเมืองความเหลื่อมล้ำอะไร มีแต่เรื่องตัวเองล้วนๆ โอเคนะ


ร่างกาย

ถ้าตัวเองแก่ตายตามอายุขัยที่ 70 ปี ปีที่ผ่านมานี้ การได้ครอบครองความ 35 นั้นถือว่าเป็นจุดสูงสุดของพาราโบลาแล้ว ต่อไปนี้จะได้เตรียมตัวเข้าสู่ความร่วงโรยเสียที


อันนั้นเป็นแค่ตัวเลข แต่กับร่างกายของตัวเองจริงๆ ต้องถือว่าสุขภาพมาถึงจุดที่เริ่มเห็นบั๊กโผล่ตรงนั้นที ตรงนี้ที นับตั้งแต่ความอ้วนที่ปรากฏตัวและยิ้มหยันตัวเองอยู่หน้ากระจกเงา ส่วนน้ำหนัก (ถึงเขาจะบอกกันว่าอย่าไปสนใจน้ำหนัก ให้ดูตัวเองดีกว่า แต่มันก็เป็นค่าที่เห็นแบบประจักษ์ตาน่ะนะ) กระโดดขึ้นมาแตะ 80 เคยสูงสุดที่ 82 แล้วก็รู้สึกว่าเหี้ยมาก ไม่ได้แล้ว ปล่อยไว้แบบนี้กูไขมันอุดหลอดเลือดหัวใจระเบิด สมองชัตดาวน์เข้าในเร็ววันแน่


ไหนๆ ก็รู้ตัวว่าตัวเองเริ่มย่างเท้าเข้าสู่วัยที่ควรใส่ใจเรื่องสังขาร จึงเริ่มตระหนักว่า ไอ้ที่เคยบอกตัวเองว่าจะออกกำลังกายในไตรมาสสุดท้ายนั้น ปีศาจแห่งพันธสัญญาเริ่มมาแสยะยิ้มทวงหนี้กูแล้ว


เมื่อกี้เลยไปวิ่งๆ เดินๆ มาอีกหอบนึง แคลที่ลดไปมีค่าเท่ากับหมูกระทะที่กินไปเมื่อวานนี้เพียง 3 ชิ้น ไอ้สัส



หัวใจ

พอมาทบทวนดูแล้ว ปีที่ผ่านมานี้เป็นระยะเวลาที่เกิดภาวะเข้าใจตน ด้วยความเชื่อว่าคบกับตัวเองมาขนาดนี้ ผ่านความพยายามออกแบบชีวิตมาขนาดนี้ ย่อมเห็นผลลัพธ์ปรากฏขึ้นมาบ้าง และก็เห็นจริงๆ


ว่ากันอย่างไม่อ้อมค้อม – ด้วยปีที่ผ่านมานี้มันมีความสมดุลของสุขภาพ สติปัญญา อารมณ์ สังคม โอกาส วาสนา บารมี เงินทอง และอื่นๆ ที่ประกอบขึ้นเป็นตัวเรา


ทำให้ได้รู้จักการเลือกที่จะไม่ทำ แม้เป็นสิ่งที่อยากทำ (งงไหม เอาใหม่นะ) เราได้รู้จักเลือกทำในสิ่งที่เห็นว่าดีพอที่จะได้ไปต่อ และปฏิเสธสิ่งที่เป็นอุปสรรคต่อการไปต่อนั้น อะไรรุงรังเราตัดออกไปได้อย่างง่ายดายขึ้น ถึงจะยังไม่หมดก็เถอะ


นี่กล่าวถึงทั้งการเข้าสังคม (ที่แต่เดิมก็ไม่ค่อยได้เข้าอยู่แล้ว) การคบเพื่อน การทำงาน ทั้งแบบได้ตังค์และงานอดิเรก และอีกหลายๆ การ ที่เริ่มใช้ความพอใจเป็นตัวตัดสินว่าจะอยู่หรือจอด


นั่นคงเพราะเราไม่ได้มีเวลาว่างมากมายเหมือนสมัยก่อน จึงเชื่อว่า “เวลา” จะมีค่ามากขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้งที่ตัวเลขบนปฏิทินขยับ จนสุดท้ายมันจะคอนโทรลให้เราต้องเลือก (และไม่เลือก) ทำหรือไม่ทำอะไร ใส่ใจและไม่ใส่ใจอะไร ปล่อยวางหรือไม่ปล่อยวางอะไรอย่างเข้มข้นขึ้น


นั่นอาจทำให้เราเป็นคนเย็นชาขึ้นกว่าเดิม(อีก) จะคอยดู



ครอบครัว

1.

ภาพรวมคือแฮปปี้มาก เป็นชนชั้นกลางที่มีความสุขด้วยคติบางอย่างที่ยึดถืออยู่ พิสูจน์แล้วว่ามันโอเคพอที่จะเอาไว้เป็นไกด์ไว้นั่งคุยกับลูกตอนที่โตขึ้นและต้องพบทางเลือก


2.

ดีใจที่การย้ายถิ่นฐานออกจากกรุงเทพฯ นั้นเป็นการตัดสินใจไม่ผิดหวัง ถ้านี่เป็นการพนัน ถือว่าแทงถูกข้าง และมีแจ๊กพอตไหลออกมาเรื่อยๆ กรุ๊งกริ๊งๆๆ


การได้อยู่กับบ้านแทบจะ 24 ชั่วโมงในทุกๆ วัน (ยกเว้นช่วงที่ออกไปจัดพอดแคสต์ในเมือง) นั้นมันเพิ่มพลังชีวิตได้จริงๆ เหนื่อยจากไหนมา พอมาถึงบ้านปั๊บ มันคือแท่นชาร์จ คือจุดเซฟ ที่แค่ก้าวเท้าเข้ามาก็มีแสงเรืองๆ แล้ว ใช่แล้ว เพราะเราติดไฟทางเดินออโต้ไว้ (ซื้อจากลาซาด้า) (ซื้อเสร็จแล้วพบว่าโฮมโปรถูกกว่า)


3.

การมีเมียที่เข้าใจเราทุกอย่างนั้นดีจริง แถมเมียหันมาออกกำลังกายจนตอนนี้ดูเด็กกว่าเราไปแล้ว หมดข้ออ้างแล้ว ต้องผลักดันตัวเองบ้าง


4.

ส่วนลูก คนโตคุยรู้เรื่องทุกอย่าง เหมือนได้เห็นตัวเองตอนเด็กๆ เลย (ต่างกันแค่เราโดนเลี้ยงดูมาอีกแบบ) ส่วนไอ้ตัวเล็กซนฉิบหาย ไม่คิดว่าจะได้เลี้ยงลิงในร่างเด็กที่มันซนวายป่วงขนาดนี้ จะรอดูว่ามันจะงอกงามไปเป็นอะไรต่อ


5.

บ้านเราเป็นบ้านที่ไม่กวดขันเรื่องการเรียน จนโดนโรงเรียนบีบมาเหมือนกันว่าหย่อนไปไหม อันนี้ไม่รู้เหมือนกัน ยังไม่เห็นผลลัพธ์ ซึ่งนี่อาจเป็นไบแอสของพ่อแม่เองที่ต่างก็เคยผ่านประสบการณ์ส่วนตัวมา มองแบบตื้นๆ คือเราดันเอาสิ่งนี้มาครอบหัวลูก ซึ่งของจริงมันมีกระบวนการและการปฏิบัติที่ละเอียดอ่อนกว่านั้นอีกเยอะ พิมพ์แค่นี้ไม่เห็นดีเทลเท่าไหร่ เอาเป็นว่าค่อยๆ รอดูว่าจะเวิร์กไหม หรือโตไปอีกนิดเราจะเปลี่ยนนโยบายยังไง



สังคม

ปีนี้พอมาดูแล้วพบว่าถวิลหาสังคมน้อยลงมากๆ เหมือนว่าจะอยากอยู่กับตัวเองให้เยอะขึ้น


คงต่อเนื่องจากปีที่แล้ว ที่มีความตั้งใจจะโซเชียลให้น้อยลง และจมปลักกับตัวเองให้มากขึ้น ซึ่งตอนนี้ก็เห็นผลอยู่ว่าเริ่มเป็นคนแบบที่ว่าจริงๆ ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี(กับคนอื่น) แต่เราคิดว่าดี(กับตัวเอง)


เพื่อนฝูงที่เห็นหน้าเห็นตากันมาแต่นมนาน ก็ยังอยู่เหมือนเดิม อาจมีบ้างที่เว้าแหว่งไปตามกาลเวลา แต่กาลเวลานั่นแหละคือผู้จัดการส่วนตัวที่คอยคัดกรองเพื่อนให้เราเอง


สังคมออนไลน์ ไม่อยู่ในตัวแปรอะไรของเราเลย แม้จะยังเสพติดเหมือนเดิม จึงแทบไม่เก็ตและไม่อินดราม่าหรือประเด็นทางสังคมหลายๆ อย่าง (100 เรื่องจะสนใจสัก 2-3 เรื่องที่มันผ่านเข้ามา) (อย่างเรื่องเด็ดแห่งปีอย่างพี่ตูนวิ่งเนี่ย ก็รู้แค่แกวิ่งจากใต้ไปเหนือโดยเอาเงินไปช่วยโรงพยาบาล แล้วคนก็เถียงๆ กัน จบ) (ขอโทษครับพี่เบล ผมไม่ได้ตามข่าว แง้)


พบว่าปีนี้เรารักความเป็นส่วนตัวมากขึ้นเยอะ เหมือนต่อต้านหลักการของยุคสมัยที่มีอะไรก็ต้องแชร์ ต้องบอก ต้องอวด อันนี้สืบเนื่องมาจากปีก่อนๆ ที่ตั้งใจแบบนี้ไว้


เรายินดีคุยกันกับเพื่อนแบบเจอหน้ากันจริงๆ ออฟไลน์ ไถ่ถามความเป็นไปแบบที่ไม่ปัจจุบันนัก และพบว่ามันโอเค


ทวิตเตอร์นั้นเฝ้าวันละหลายๆ ชั่วโมงเหมือนเดิม แน่นอนว่าเป็นพวก #ชาวเน็ตเกรดZ ที่ไม่อะไรเลยสักนิดกับประเด็นฮอตในนั้นที่เราไม่อินด้วย สรุปว่ามีไว้เล่นมุก แชร์บทความ และคุยกับเพื่อน เหมือนเดิม จบ


แต่เฟซบุ๊กนั้นเรายังคงไม่สนิทกับมัน นอกจากเข้าไปในกรุ๊ปซื้อขายบางอย่างที่สนใจแล้ว การจะได้ใช้มันเล่นเรื่อยเปื่อยก็มีแค่ตอนเช็กโนติข้อความลูกค้า แล้วเจอคอมเมนต์เพื่อนแซวเรื่องคอนโดบ้าง เลี้ยงอีหนูบ้าง จากแก๊งเพื่อนเหี้ย


ที่น่าสนใจคือเรามีสังคมใหม่ที่เห็นเป็นรูปธรรม จากงานอดิเรกที่เราใช้เวลาสม่ำเสมอสัปดาห์ละ 6-12 ชั่วโมงในการขับรถออกจากบ้าน เข้ากรุงเทพฯ ไปทำอะไรก็ไม่รู้ที่ไม่ได้ตังค์ แต่สนุก แถมกลับมาก็ต้องออกแบบนั่นนี่ให้กับมันอีก


สังคมเล็กๆ ที่ว่านี้คือพอดแคสต์ ซึ่งมันเล็กและเฉพาะกลุ่มมากๆ จนต้องอธิบายให้คนใหม่ๆ ฟังทุกครั้งว่าที่ทำอยู่นี่มันคืออะไรวะ ทำรายการผี? (มึงเนี่ยนะ) รายการเนิร์ดถาปัด? (มันสนุกยังไง?)


ความเจ๋งคือการได้พบกับกลุ่มคนใหม่ๆ ที่ให้พลังประเภทใหม่ๆ ในแบบที่ไม่คิดว่าแก่ขนาดนี้แล้วจะมีเพื่อนใหม่ๆ มาเติมชีวิตได้อีก แต่ก็มี


และคนเหล่านั้นก็ต่างมีวงโคจรของตัวเอง ใช้ชีวิตของตัวเองไป แต่เวลาเราโคจรมาเจอกัน มันบันเทิง มันได้บรรยากาศของวงเหล้าแบบที่ไม่ต้องกินเหล้า (บางทีก็มีกินบ้างเนอะ)


เราชอบระยะแบบนี้



งาน

ไม่ค่อยชอบพูดเรื่องงาน แต่การบันทึกก็ต้องมีใช่มะ งั้นหมวดนี้เอาแบบเป็นงานที่ได้ตังค์นะ แบบไม่ได้ตังค์ถึงจะใช้เวลาอยู่กับมันเยอะกว่า แต่ไม่นับละกัน


ปีนี้รู้เลยว่าตัวเองทำงานมาก (ทั้งๆ ที่ใครมาบ้านก็ดูเหมือนเป็นคนที่ไม่ได้ทำอะไร นั่งๆ นอนๆ เหมือนคนเกษียณ)


งานหนึ่ง เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ช่วงท้ายปี ต่อไปนี้จะลองโฟกัสกับงานที่ตัวเองปล่อยออโต้ไพลอตมานาน จะยังคับเองด้วยมือแล้ว ช่วงแรกที่ทำนี้พบว่าเหนื่อยกับการออกแบบและปรับแปลงระบบพอสมควร แต่หลังจากนี้คิดว่าน่าจะมีอะไรสนุกๆ ให้เล่นอีกเยอะ


งานสอง ออกแบบระบบทุกอย่างลงตัวแล้ว ก็ปล่อยให้ไหลไป ไม่หวือหวาหรอกแต่ก็ลงตัวดี


งานสาม เป็นงานรูทีนประจำ ที่ใช้เวลาอยู่กับมันมากพอๆ กับงานแรก รักงานนี้น้อยกว่า แต่สร้างรายได้มากกว่า (โลกก็เป็นแบบนี้) สำหรับงานนี้ก็กำลังจะเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนแปลงใหญ่จากการออกแบบระบบในช่วงปีที่ผ่านมานี้ทั้งปีเหมือนกัน


ส่วนการสร้างบ้าน อันนี้ถือเป็นงานที่ภูมิใจถึงจะไม่ได้ตังค์ แต่ได้ความสุขมาก เป็น achievement ที่สำคัญที่สุดในช่วงหลายปีมานี้เลย เหมือนได้ปลดล็อกตัวเองว่าเราก็ทำได้ ถึงแม้จะต้องจ้างเพื่อนที่เรียนมาด้วยกันแท้ๆ มาเป็นสถาปนิกให้ก็เถอะ 55555



ปีหน้า

เราเป็นสายวางแผน (ไม่ใช่สายด้น) เชื่อว่าหลายๆ แผนที่มีการวางไว้ในปีนี้ จะยิ่งเห็นผลในปีหน้า จะออกหัวบ้างก้อยบ้างก็ไม่เห็นเป็นไรมั้ง ก็จะคอยดู



พิมพ์มาจนจบก็นึกได้ว่า บล็อกนี้มีแต่คำว่า จะรอดู จะคอยดู

เนี่ยคือรูปประโยคของคนที่ยังไม่แก่นะ


The post ปีดี appeared first on ไอ้แอนนนนน.คอม.

 •  0 comments  •  flag
Share on Twitter
Published on December 28, 2017 21:25

November 13, 2017

บันทึกถึงบันทึกลับเซินเจิ้น


อ่านจบแล้ว หนังสือเรื่องเซินเจิ้นฯ สักอย่างของศิลา บัวเพชร (สนพ.แซลมอน / 275 บาทมั้ง / เป็นตัวอักษรปนๆ กับการ์ตูน / ภาพสีทั้งเล่มทั้งที่บางภาพมันวาดแบบใช้แต่สีดำก็ยังจะพิมพ์สีให้เปลือง)


ขอพูดถึงโจ้ ในฐานะที่เป็นหนึ่งในนักเขียนการ์ตูนที่เราชอบที่สุดในประเทศไทย (อีกคนคือสะอาด)


รู้จักโจ้มานานตั้งแต่มันอยู่ปีหนึ่ง เวลาโจ้อยู่กับเพื่อนๆ ทีไร พลังมันจะมา มาแรงมากครับ ด้วยความเนิร์ดโอตาคุของแก๊งนี้ เวลามันเปิดประโยคสนทนากันแต่ละเรื่อง แม่งจะจริงจังเหมือนแบบที่เราเห็นกันในคุโรมาตี้ แต่เป็นคุโรมาตี้ที่มีเส้นสปีดอยู่ในช่องตลอดเวลา


เมื่อโจ้มาวาดการ์ตูนเขี่ยๆ ให้เพื่อนอ่าน มันถ่ายทอดเสียงเหล่านี้ลงมาเป็นภาพได้อย่างชัดเจน อันนี้ทึ่งว่ามันทำได้ไง เลยเฝ้าติดตามมาตลอดด้วยความทึ่ง


วันหนึ่งการ์ตูนของโจ้ก็มาโผล่ใน Way นิตยสารที่เรารัก


แบบงงๆ ว่า บ.ก.คิดอะไรอยู่วะ โจ้มันยัดเงิน หรือว่า บ.ก.เห็นอะไร ทำไมวิสัยทัศน์ก้าวไกลขนาดนี้ เพราะการ์ตูนของโจ้มีแต่เรื่องส่วนตัวทั้งหมด


ส่วนตัวแบบไม่ประนีประนอมใครใดๆ ทั้งสิ้น คือมึงอยากรู้จักกูใช่ไหม มาสิ แต่กูไม่แนะนำตัวนะ พยายามเอาเอง แม่งคุยกันแต่ศัพท์เฉพาะทางของวงการกันดั้ม เกมกระดานสำหรับโอตาคุอะไรแบบนี้


ไอ้วิธีเล่าเรื่องแบบไม่เห็นใจคนอ่านแบบนี้ สำหรับนักเขียนแล้วใครที่ทำได้จริงๆ นี่โคตรน่าอิจฉา เพราะเรื่องเล่ามันต้องมีเสน่ห์พอที่จะกระชากคนดูให้อยู่กับตัวเราจริงๆ ได้


และศิลาทำได้


ส่วนทำแล้วจะเวิร์กกับคนอื่นขนาดไหนนั้น ยอดขายของ Way ก็เป็นข้อพิสูจน์…


ใครอยากรู้จักโจ้แบบดิบๆ ไปหา “เมื่อก่อนก็ยังดีๆ อยู่หรอก” มาอ่านได้ (สนพ.เวย์นั่นแหละ) (จำชื่อไม่ได้ทั้งชื่อหนังสือทั้งชื่อสำนักพิมพ์) เล่มนั้นดีมาก ดิบมากๆ และรู้สึกว่าเขาเอามาลดราคาเทกระจาดอยู่


กลับมาที่เล่มใหม่ของโจ้กับสำนักพิมพ์แซลมอน


เอาตรงๆ ความรู้สึกเหมือนวงดนตรีใต้ดินที่เล่นเถื่อนๆ เพลงหยาบๆ จนไปต้องตาค่ายใหญ่เข้า (แต่เรารู้ว่าแซลมอนร่วมงานกับโจ้มานานแล้วนะ ไม่ได้เพิ่งมารู้จัก) ความเป็นสตูดิโอของแซลมอนนั้นกลับกลายเป็นว่า มันทำให้กลิ่นฉุนๆ ตลกร้ายๆ หน้าตายแต่ฮาเกรงใจคนข้างๆ ของศิลา มันหายไปพอสมควร


แง่หนึ่งเข้าใจว่าเป็นความเกร็งมากกว่า ซึ่งมันสื่อสารออกมาทางรูปเล่มที่ดูเป็นทางการ ภาพถ่าย การจัดวาง กราฟิกชี้ๆ ในเล่มที่ดูประดิษฐ์มากกว่าความระห่ำของเนื้อหา ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้เสียดายนิดหน่อย


แต่นิดหน่อยจริงๆ คือรู้เลยว่าโจ้ยังมีของมาปล่อยอีกเยอะ


เนื้อหาในเล่มว่าด้วยประสบการณ์การไปใช้ชีวิตหลายปีในเซินเจิ้น ไม่ได้ไปเที่ยว แต่ไปทำงานเป็นสถาปนิก


เล่าเกริ่นตั้งแต่เริ่มออกไข่ (เห็นมะ พอทำงานกับสตูดิโอเลยต้องแนะนำตัวเอง อีตอนเขียนให้เวย์มึงไม่มียั้งแบบนี้เลย) ออกไข่จนตั้งไข่ ไปยันประสบการณ์ไข่ออก


คาดหวังได้กับความฮาที่แบบ ไอ้สัสมึงเอางี้เลยเหรอ


และคาดหวังได้กับมุมมองแหลมคมของศิลาในอีกร่างหนึ่งที่หลายคนก็น่าจะพอนึกออกว่า คนที่ตลกๆ เนี่ย ที่จริงมันคือคนฉลาดๆ หรือคนจริงจังที่แค่หันด้านตลกใส่เราเท่านั้นเอง


ความสนุกของเล่มนี้จะค่อยๆ มาแบบเนิบๆ ไต่กราฟขึ้นเรื่อยๆ จนจะจบเล่มอยู่แล้ว ช่วงที่เพื่อนๆ มาเยี่ยมที่เมืองจีนนั่นแหละก็เป็นจังหวะรถไฟเหาะตีลังกา!


แล้วก็ตัดจบ ไอ้สัส เดี๋ยวก่อนเซ่!


อย่างที่บอกว่าโจ้จะมีพลังเยอะมากเมื่ออยู่กับเพื่อน เราได้เห็นวาบหนึ่งของพลังนี้เปล่งประกายมาในช่วงค่อนหลังของเล่ม แล้วก็ตัดจบเลยทั้งที่ยังสนุกค้างเติ่งอยู่แบบนั้น


1. อาจเป็นความตั้งใจของผู้เขียนและบรรณาธิการที่จะทำให้ผู้อ่านรู้สึกเสี้ยน อยากอ่านผลงานเล่มถัดไปเร็วๆ จากฟอร์มสุดยอดในช่วงท้าย เป็นจิตวิทยาชั้นเซียนที่เกิดจากการบ่มเพาะมาอย่างโชกโชน


2. มันเขียนไม่ทันจริงๆ


สรุปว่าเล่มนี้ดีครับ สมหวังที่ถ่อเข้ากรุงเทพฯ ไปงานหนังสือเพื่อไปขอลายเซ็น 5555555 ถึงจะมีจุดผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ แบบที่ให้อภัยได้ แต่ให้อะไรกับสมองเรามากกว่าความฮา เยอะเลย เยอะมาก


แนะนำครับ!


ป.ล. นี่อ่านจบบนรถไฟฟ้า ออกจากขบวนรถมาเจอเก้าอี้เลยนั่งพิมพ์ในมือถือรัวๆ เวลาเกินยังวะ จะโดนปรับไหมวะ


The post บันทึกถึงบันทึกลับเซินเจิ้น appeared first on ไอ้แอนนนนน.คอม.

 •  0 comments  •  flag
Share on Twitter
Published on November 13, 2017 23:36

November 10, 2017

ใช้โน้ตแปดมาเดือนนึง ขอเขียนถึงแบบยาวๆ

[image error]


[image error] [image error] [image error] [image error] [image error] [image error] [image error] [image error] [image error] [image error] [image error] [image error] [image error] [image error] [image error] [image error] [image error] [image error] [image error] [image error] [image error] [image error] [image error] [image error] [image error]


หมายเหตุ:



ต้องย้ำอีกทีตามธรรมเนียม ว่าเนื้อหาทั้งหมดนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน(ผมเอง) อีตรงอวยก็อวยเองด้วยเจตนาบริสุทธิ์ของติ่ง …ดีก็บอกดี แย่ก็บอกแย่ ถึงจะเป็น  Advertorial แต่ก็ไม่มีผลต่อการแสดงความเห็นครับ
ทั้งหมดนี้วาดในแอป ArtFlow ครับ ที่จริงในจักรวาลแอนดรอยด์มีแอปที่ออกแบบมาใช้กับปากกาโน้ตอยู่เยอะมากกกกกกกกกกก ไอ้ที่เจ๋งๆ และใช้วาดนั่นนี่เกือบทุกวันก็คือแอปนี้ แนะนำครับ
ยินดีตอบคำถามผู้ที่สงสัยหรือสนใจ โดยเฉพาะคนที่ใช้ของค่ายอื่นแล้วสนใจ แต่ยังเคลือบแคลงว่าซัมซุงยุคนี้มันยังขายของแพงเกินราคาที่ควรจะเป็น หรือเอะอะก็เจอของมีตำหนิ(แบบยุคก่อน)อยู่หรือเปล่า …ถ้ารุ่นอื่นไม่รู้ ไม่ได้ซื้อใช้ แต่ถ้าเป็นตระกูลโน้ต ถามผมได้ ไม่ดราม่า (เมื่อก่อนผมก็เจอแจ๊กพ็อตมาเหมือนกัน)
ส่วนโน้ตห้าตัวเก่าผมให้เมียใช้แทนของเก่า (ที่ทำตกไป 999 ครั้ง ครั้งที่พันจอแตกดับสูญไปเลย) ไม่คิดว่าวันนึงเมียจะหยิบปากกามาจดสเก็ตช์นั่นนี่ได้อย่างเป็นปกติในชีวิตประจำวันเช่นกัน น้ำตาผมนี่ไหลเลย

The post ใช้โน้ตแปดมาเดือนนึง ขอเขียนถึงแบบยาวๆ appeared first on ไอ้แอนนนนน.คอม.

 •  0 comments  •  flag
Share on Twitter
Published on November 10, 2017 05:57

October 25, 2017

บ้านสวนจันทิตา / บ้านในหมง / บ้านไร่ไออรุณ / บ้านป่าริมธาร

ไม่รู้จะเรียกว่าการรีวิวดีไหม แต่อยากจดเอาไว้ว่าที่พักสี่แห่งนี้เราประทับใจหรือไม่ยังไง


เกริ่น

ตั้งแต่มีลูกเล็กๆ ครอบครัวผมก็มีเทรนด์สุดฮิตอย่างนึงคือพาลูกไปโร้ดทริปตามจังหวัดต่างๆ (ส่วนใหญ่จะไม่ไกลกรุงเทพฯ นัก) เพื่อหาที่เที่ยวที่พักใหม่ๆ ที่เป็นมิตรกับเด็กสักหน่อย บางครั้งก็เป็นโรงแรม บางทีก็รีสอร์ต ถูกบ้างแพงบ้าง ชอบบ้างไม่ชอบบ้าง คละๆ กันไป


ทำไปทำมาก็ลงความเห็นตรงกันว่า ที่พักที่เราชอบนั้นไม่ใช่แนวๆ โรงแรมสำเร็จรูป ที่ไปถึงจอดรถเช็กอิน มีล็อบบี้ไว้ต้อนรับยิ้มแย้ม ขึ้นลิฟต์เอี่ยมๆ ไปถึงห้องแตะคีย์การ์ดแล้วเสียบให้แอร์ทำงาน ตื่นมาแล้วลงไปกินข้าว มีไข่ดาว ไส้กรอก เบคอน ไข่กระทะอะไรแบบนี้


แต่ไอ้ที่ชอบกลับเป็นรีสอร์ตที่มีจุดร่วมคือ เป็นบ้านที่วางตัวหลบอยู่ใต้สุมทุมพุ่มไม้


ถึงจะชอบบ้านไม้ แต่ผมก็ไม่ได้ชอบแบบคันทรี่ๆ สักเท่าไหร่ (นึกภาพบ้านไม้ที่ย้อมไม้เป็นสีน้ำตาลเข้ม มีไม้ที่ผ่ามายังไงก็แปะผนังหรือราวบันไดไปยังงั้น มีเขาควายกลางบ้านอะไรแบบนั้น) แต่ชอบแบบที่ผ่านการออกแบบด้วยวิธีคิดแบบสถาปนิกหน่อย หั่นเป็นชิ้นเนี้ยบๆ โครงสร้างเป็นเหล็กหรือปูนก็ยังได้ ถ้าทั้งหมดทำให้เข้าไปพักอาศัยแล้วรู้สึกอุ่นใจ สบายใจ และมีดีเทลเล็กๆ น้อยๆ ให้รู้สึกรัก


เออ พอพิมพ์มาถึงตรงนี้ก็ นึกออกแล้ว เราใช้คำว่า “น่ารัก” ก็คงจะได้ — ผมชอบบ้านน่ารักๆ ที่แอบอยู่หลังต้นไม้ร่มๆ


งั้นเริ่มเลยละกัน (คาดว่าจะยาว)


แนะนำที่พักน่ารัก 4 แห่ง

[image error]


บ้านสวนจันทิตา

– อุทัยธานี –

Facebook: bansuanchantita


เป็นโฮมสเตย์ (จริงๆ ก็คือรีสอร์ตนั่นแหละ ตามกฎหมายบอกว่าถ้าห้องพักไม่เกิน 4 ห้อง ก็โอเคสามารถเรียกเป็นโฮมสเตย์ได้) เรือนไม้ยกพื้นสูงแบบบ้านทรงไทย แต่หน้าตาโมเดิร์นเก๋ไก๋ แต่ละหลังถูกจัดวางเชื่อมหากันด้วยลานไม้ขนาดใหญ่


เรือนหมู่แบบโมเดิร์นทุกหลังวางผังลัดเลี้ยวตามต้นประดู่อายุประมาณ 30 ปี ที่เจ้าของปลูกไว้ในเนื้อที่ประมาณครึ่งไร่ สัมภาษณ์มาได้ความว่า ตอนสร้างมีนโยบายว่าจะไม่ตัดเลย ก็เลยได้แปลนบ้านที่มีระยะเสาแปลกหน่อย คือประมาณ 2.70 เมตรมั้ง ตัวบ้านถึงจะแทรกเข้าไปตามช่องว่างระหว่างต้นไม้ได้


ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือการออกแบบโดยสถาปนิกจาก “สตูดิโอมิติ” เนื่องจากมันมีดีเทลสนุกสนานมาก จึงได้ลงหนังสือ-นิตยสารแนวอออกแบบบ้านนั่นนี่มากมาย ได้รับเสียงชื่นชมมหาศาล มีเด็กสถาปัตย์แวะเวียนมาพักและดูงานกันเป็นจำนวนมาก จนเจ้าของต้องกั้นบริเวณไว้ให้ผู้เข้าพักได้มีความเป็นส่วนตัวงี้


ผมไปที่นี่ครั้งแรกตอนเขาเพิ่งสร้างเสร็จได้ 8 เดือน และประทับใจจนต้องพาชาวแก๊งนัดเยไปเยือนซ้ำอีกครั้ง (นัดเย เป็นชื่อแก๊งเพื่อนๆ ชาวฟอนต์และชาวอื่นๆ ที่สามัคคีกันเที่ยว เยเย้เย้ผ่านกรุ๊ปไลน์​ ไม่ได้ไปเพื่อเยกันจริงๆ นะ เอ๊ะหรือมีก็ไม่รู้)


เกริ่นแค่นี้ก่อน เดี๋ยวค่อยลงดีเทล


.


[image error]


บ้านในหมง

– ระนอง –

Facebook: bannaimong


หมงแปลว่าป่า บ้านในหมงก็คือบ้านในป่า ไม่ใช่บ้านกลางเมืองที่เป็นหมู่บ้านจัดสรร


เป็นที่พักที่ยังไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ (คืออยู่ในช่วงเบต้า – เบต้ามานานแล้วด้วย) ทำเลซ่อนตัวอยู่ในซอยเล็กๆ ร่มรื่นๆ ที่พอขับโผล่ออกมาดันเจอถนนใหญ่ มีเซเว่น ปั๊มน้ำมัน บิ๊กซี! และโรงหนัง! แต่พอหันกลับเข้าซอยปั๊บ กลายเป็นป่า! #ระนองนี่มันระนองจริงๆ


ผมได้รับคำชวนจากแก๊งนัดเยเหมือนเดิม ว่ามีอะไรแบบนี้อยู่ที่ระนอง เลยจัดทริปล่วงหน้ากันยาวมาก เพื่อให้ได้ช่วงเวลาที่ตั๋วเครื่องบินถูกหน่อย (บินไประนองแพ้งแพง)


พอวาร์ปไปถึงที่พัก ปรากฏว่าเราเจอลำธารตื้นๆ คั่นตรงทางเข้าที่พักที่ไม่มีแม้แต่ป้ายชื่อ มีแต่บ้านไม้บ้างปูนบ้าง (สวยบ้างไม่สวยบ้าง 555) ซ่อนตัวอยู่หลังแมกไม้และสายน้ำไหลเย็น ยิ่งพอฝนตกปั๊บ ก็จะเป็นโหมดชุ่มฉ่ำน่าสบายโคตรๆ


ความเจ๋งคือเวลาเลี้ยวรถเข้าไปเนี่ย เราต้องขับข้ามฝายลำธารที่น้ำลึกประมาณคืบใช่มะ แต่พออยู่ๆ ไป กลางคืนฝนตกหนัก น้ำล้นฝาย พอรุ่งเช้า ขับข้ามออกมาไม่ได้!


แต่ลำธารที่โอบล้อมรอบที่พักนี่แหละครับที่เป็นพระเอกของที่นี่ รวมถึงบ้านไม้หลังที่ผมไปกลิ้งมา นั่นเป็นนางเอก (นางเอกมีหลายหลัง) เพราะมันสวยแบบบ้านไม้สมัยใหม่ และเก็บรายละเอียดของงานออกแบบได้พิถีพิถันดีจัง


เสียดายที่ตอนไปพักไม่เจอเจ้าของ เลยไม่ได้สัมภาษณ์เรื่องแรงบันดาลใจ และคอนเซปต์การออกแบบ แต่ถึงไม่ได้คุย เอาแค่ได้ไปนอนกลิ้งมาสองคืนก็พบว่า ประทับใจมากว่ะ ไว้ต้องไปซ้ำให้ได้!


.


[image error]


บ้านไร่ไออรุณ

– ระนอง –

Facebook: baanraiiarun


เจ้านี้ดังมาก เป็นซูเปอร์สตาร์แห่งวงการดังขนาดที่เขาเอามาทำเป็นโฆษณาก่อนหนังฉายเลยละกัน ก็เลยไม่จำเป็นต้องเล่าซ้ำ แต่เล่านิดนึงละกันเดี๋ยวหาว่าเอาเปรียบ


จุดขายคือเจ้าของเป็นสถาปนิกที่กลับไปพัฒนาสวนที่บ้านตัวเอง ทีแรกก็ปลูกผักออร์แกนิก ออกแบบนั่นนี่จนได้บ้านพักหลังเล็กๆ หลายๆ หลังกระจายตัวอยู่ในสวน แล้วเปิดให้คนมาเช่า ส่วนด้านหน้าทีแรกก็ขายผักที่ “แม่” (คุณแม่เรียกตัวเองว่าแบบนี้กับแขกและลูกค้าทุกคน) นำมาขาย ทำไปทำมา พอดังปั๊บ ก็เลยขยับขยาย ปรับปรุงสถานที่ด้วยพลังความคิดสร้างสรรค์ของเจ้าของที่เป็นสถาปนิก และฝั่งด้านหน้าก็เปิดขายอาหารและเครื่องดื่มแนวชิกๆ เก๋ๆ เหมาะแก่การโพสต์อินสตาแกรม จึงเป็นสาเหตุให้ที่นี่ได้รับการบอกต่อแพร่หลายจนดังระเบิดเถิดเทิง คิวจองแน่นเอี๊ยด


สลิ่มอย่างเราจึงไม่พลาดที่จะมาเยือนและเสพรายละเอียดให้รู้ว่ามันดีอย่างที่คาดหวังไหม


.


[image error]


บ้านป่าริมธาร โฮมสเตย์

– จันทบุรี –

Facebook: บ้านป่าริมธารโฮมสเตย์


จันทบุรีเป็นจังหวัดที่ครบเครื่อง มีทั้งภูเขา แม่น้ำ น้ำตก ปากอ่าว ทะเล ป่าชายเลน วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ วิถีชุมชนทั้งแบบเก๋ๆ และแบบเรียลๆ ฯลฯ ซึ่งเราจะไม่พูดถึงเพราะเราหวง 55555


ซึ่งบ้านป่าริมธารนี่แหละครับเป็นหนึ่งในของดี(แบบส่วนตัว)ของที่นี่ บ้านพักเป็นสไตล์แมนๆ คันทรี่ๆ อย่างที่บอกข้างบนเลยว่าปกติจะไม่ค่อยชอบ 555555 แต่ขอยกเว้นที่นี่ไว้ที่นึง เพราะความสวยใสไหลเย็นของลำธารหน้าบ้านมันดีจนเราหยวนให้ได้ทุกอย่าง


ไปนอนได้คืนนึงตื่นมาก็เพิ่งรู้ประวัติว่าโฮมสเตย์ (ที่จริงมันก็คือรีสอร์ตนั่นแหละ) แห่งนี้ เป็นของพ่อของพี่โป้โยคีเพลย์บอย แกมาบุกเบิกที่ริมธารนี้ไว้เมื่อหลายสิบปีก่อน โดยสภาพรอบๆ เป็นลำธารใสแจ๋ว มีเกาะแก่งให้เดินเล่นและเล่นน้ำอย่างแจ๋ว รีสอร์ตรอบๆ ก็ให้ความร่วมมือ มีกติการ่วมกันในการใช้ลำน้ำแห่งนี้โดยไม่เบียดเบียนรุกราน ทำให้คงสภาพความงามและไหลเย็นเห็นตัวปลา เด็กๆ แฮปปี้กันสุดๆ


.


ต่อไปเป็นการเปรียบเทียบกันสี่แห่งเนอะ อย่าเรียกว่าเปรียบเทียบเพื่อหาคนแพ้คนชนะเลย เพราะแต่ละแห่งมันมีส่วนต่างส่วนดีคนละแบบงี้ ถือว่าจดไว้ดูเป็นข้อมูลไว้แนะนำหลอกล่อเพื่อนฝูงมาอ่านเพื่อตัดสินใจไปตามรอยละกัน






ทำเล



[image error]บ้านสวนจันทิตา


อยู่จังหวัดอุทัยธานี ขับรถแป๊บเดียวจากกรุงเทพฯ ก็ถึง ถนนดี รถไม่เยอะ
เป็นเมืองเล็กๆ ที่ไม่ใช่ทางผ่านขึ้นเหนือ ก็เลยสงบเงียบ
บริเวณรอบๆ เป็นลุ่มแม่น้ำสะแกกรัง เขียวชอุ่มและชิลมากๆ
ย้ำว่าชิลมากๆ แฮปปี้มากๆ
ที่เที่ยวแถวนั้นมีวัดวา เมืองเล็กๆ หรือจะไปแนวป่าเขาก็เจ๋ง




[image error]บ้านในหมง


อยู่จังหวัดระนอง
มีพี่เตือนว่า อย่าขับรถมาจากกรุงฯ เลย มันไกล และทางแย่
เราเชื่อ เราเลยบินไปลงสนามบินระนอง (ค่าเครื่องแพงสัส) และเช่ารถต่อเพื่อขับในจังหวัด ถึงจะแพงแต่โอเคนะ
อยู่ในซอยใกล้บ่อน้ำร้อน ใกล้บิ๊กซี ปั๊ม โรงหนัง ฯลฯ แต่ในซอยดันเป็นป่าเขาและเรือกสวน เขียวชื้นชุ่มฉ่ำ เมฆแตะยอดเขา




[image error]บ้านไร่ไออรุณ


อยู่ระนอง อ่านอันตะกี้ได้ แต่ขยับมา อ.กะเปอร์ ซึ่งแถวกะเปอร์ไม่ค่อยมีอะไรนอกจากสวนและป่าเขียวๆ สะใจ
เออก็มีนี่หว่า สองข้างทางนั่นแหละ เสพเข้าไป แฮปปี้มาก
แต่ตัวบ้านไร่ไออรุณนี่จะฉีกออกมาจากตัวเมืองเยอะหน่อย ไม่มีเซเว่นหรือปั๊มใหญ่ๆ แถวนั้น เข้าร้านชำก็โอเค
ถนนในระนองดีแล้ว ดีมากเลย ขับสบายใจ




 [image error]บ้านป่าริมธาร


อยู่ทุ่งเพล จังหวัดจันทบุรี แถวทุ่งเพลจะเป็นสวนๆ ป่าๆ นะ อยู่ใกล้ภูเขา ไม่ใกล้ทะเล
ขับรถจากกรุงฯ สักห้าชั่วโมงได้ (บ้านเราแวะจอดบ่อย คนอื่นอาจจะไวกว่านี้แหละ)
รอบๆ มีรีสอร์ตอีกหลายแห่งที่ตั้งอยู่แนวลำธารเดียวกัน
เดินทางค่อนข้างง่าย ถนนโอเคอยู่ มีร้านของชำไม่ไกล









คอนเซปต์



[image error]บ้านสวนจันทิตา


ลุงป้าวัยเกษียณย้ายมาอยู่ในที่ดินที่ซื้อ และปลูกต้นไม้ไว้เมื่อสามสิบปีก่อน ทำไปทำมาเลยเปิดเป็นโฮมสเตย์ โดยจ้างสถาปนิกมาออกแบบให้
นโยบายคือไม่ตัดต้นไม้แสนรักที่ปลูกไว้ (ไม่นับไม้ที่เอามาทำบ้านนะ อันนั้นซื้อมาจากที่อื่น) พอเป็นแบบนี้ต้นไม้ก็เลยแสดงความรักตอบ ด้วยการโชว์ความร่มรื่นสุดขีด
แปลนบ้านทุกหลังเป็นเครื่องหมายบวก จัดวางตำแหน่งห้องนอนห้องน้ำและโถงบิดหมุนต่างกัน เดินดูให้ครบทุกห้องจะสนุกมาก




[image error]บ้านในหมง


เป็นบ้านในป่า มีลำธารตื้นๆ โอบล้อม
เฮ้ยเรารู้แค่นี้เอง แย่แล้วๆๆ ไม่ได้ทำการบ้านมา เขาชวนไปก็ไปตามเขา (ถ้าอยากรู้ก็ลองไปค้นดูนะครับ วันที่ไปนี่รายการบ้านและสวนก็ออกเรื่องของที่นี่พอดี ดูแล้วอยากไปมาก แต่เฮ้ย กูก็ดูอยู่ที่นี่แล้วนี่หว่า)
ความฝนแปดแดดสี่ของระนองนั้นช่วยทำให้สถานที่โคตรร่มรื่นชุ่มฉ่ำ สะใจมาก




[image error]บ้านไร่ไออรุณ


ใครที่ดูหนังโรงน่าจะเคยเห็นโฆษณาที่เล่าเรื่องสถาปนิกที่จบแล้วกลับบ้านไปทำในสิ่งที่ตนรัก ทำไร่ออร์แกนิก มีลำธารไหลผ่าน และมีผลิตภัณฑ์จากไร่ที่ทำกันเองเล็กๆ ในครอบครัว ขายให้คนที่แวะมาไรงี้
เนื่องจากสตอรี่นี้มันดีจังเลย ก็ดึงดูดให้คนเข้ามากันเยอะ เขาก็เลยทำร้านอาหาร มีเครื่องดื่ม ขนมไทยๆ ไว้ต้อนรับ โดยทำกันเป็นครอบครัว และหลังๆ นี้พอดังขึ้นมา ก็เลยมีพนักงานทำงานกันฟูลทีม ดูเป็นมืออาชีพ
รายละเอียดอื่นๆ ดูในรายการบ้านและสวน




[image error]บ้านป่าริมธาร


จำไม่ได้แล้วว่าใครแนะนำ แต่พอไปถึงแล้วเพิ่งมารู้ทีหลังว่าเป็นของพ่อของพี่โป้โยคีเพลย์บอย แกมีที่ดินริมลำธารนี้มานานแล้ว แล้วก็ขยับปรับปรุงเป็นรีสอร์ตหลังๆ เป็นบ้านปูน+ไม้ หลายสไตล์ แล้วแต่ว่าแขกจะเลือกพักห้องไหน
เชื่อมต่อกันด้วยทางเดินริมธาร ผ่านการจัดการด้วยฝีมือมนุษย์มากกว่าจะเป็นป่าๆ
อยู่กันหลายๆ รีสอร์ตด้วยความร่วมมือกันว่าจะแชร์ลำธารและแบ่งปันกันใช้เป็นอย่างดี









สิ่งที่ประทับใจ



[image error]บ้านสวนจันทิตา


ลานไม้อันสุดยอด ชอบมาก ชอบมากๆ โคตรเย็นสบายจนอยากขโมยกลับบ้าน (สุดท้ายมันฝังใจจนพอสร้างบ้านใหม่เลยทำลานไม้เชื่อมตัวบ้านเข้าด้วยกันจริงๆ ขอบคุณแรงบันดาลใจ)
ป้าจันทิตา ดุและขี้บ่นแบบครู ส่วนลุงสาน แกอ่านอะเดย์และเวย์! (มาทักเราตอนเห็นสะพายถุงผ้าเวย์ว่ารู้จักด้วยเหรอ คุยไปคุยมาเลยเปิดหน้าที่มีเราอยู่ข้างในให้แกดู 5555)
เราว่าเด็กถาปัดมาถึงมาดูต้องกรี๊ดกันทุกคนแหละ เป็นโครงการที่คอนโทรลและเคารพธรรมชาติได้ดีมากๆ




[image error]บ้านในหมง


ลำธารด้านหน้าอันสุดยอด อยู่ดีๆ ก็มาขวางทางเข้า พอฝนตกหนัก น้ำก็จะลึกเกินลุยออก ชอบว่ะ 55555
ลูกอ๊อดยักษ์!
ตัวบ้านที่เราไปพักนั้นช่างสุดยอด ห้องน้ำก็ดี ลำธารหลังบ้านก็แจ๋ว (จำชื่อไม่ได้ ใครจะไปก็บอกว่าจองหลังใหม่ล่าสุดที่มีห้องน้ำเอาต์ดอร์ละกัน)
ความเขียวชุ่มฉ่ำ ของสายน้ำ ของฝน ของต้นไม้ และของหมอกที่เลียภูเขาลิบๆ
เน็ตโคตรแรง!




[image error]บ้านไร่ไออรุณ


เหมือนไปดูงานสถาปนิกที่ประยุกต์พื้นที่สวนหมาก สวนปาล์ม สวนผลไม้ แล้วสร้างบ้านไม้ยกพื้นสวมลงไป ออกแบบทางเดินไม้ไผ่ ฯลฯ ได้ถูกใจอินสตาแกรมและโลกโซเชียล
บ้านพักที่นี่เขาทำกันเองนะ (มีพ่อ และลูกมืออีกสองคน สร้างได้แล้ว เมพ)
ชอบลำธารที่ทำขึ้นมาเอง มีระบบหมุนเวียนน้ำในโครงการ (เราได้แต่คิดว่าอยากทำแบบนี้ แต่ที่นี่ทำให้ดูแล้วว่าสามารถทำได้จริงๆ)
คาเฟ่ด้านหน้าน่ารัก ของกินเป็นแนวๆ ขนมไทยๆ อร่อยจริง




 [image error]บ้านป่าริมธาร


ลำธารสวยมากกกกกกกกก เกาะแก่ง งดงามมากกกกกกกก
บ้านริมธารแต่ละหลังที่ออกแบบมาไม่ซ้ำกันนั่นก็ดูดี ถึงจะไม่ฮิปมาก แต่เหมือนรีสอร์ตที่แบ็กแพ็กเกอร์มาเห็นแล้วจะโอเคน่ะ เก็ตมะๆ
ทางเดิน (คอนกรีต) ทอดยาวร่มรื่นแทรกไปในสวนไม้ยืนต้น ดูดีเหมือนเดินในวัดป่า









ข้อสังเกต



[image error]บ้านสวนจันทิตา


ป้าจันทิตา (เจ้าของ) แกขี้บ่นหน่อยนะ ดูแลแขกเหมือนกันลูกหลาน 55555555 ถ้าทำใจให้โอเคก็โอเค
ตอนที่ผมไปนั้นไม่มีไวไฟ ไม่รู้เดี๋ยวนี้มีหรือยัง




[image error]บ้านในหมง


บ้านแต่ละหลังอยู่ห่างกัน กรณีไปเที่ยวกับเพื่อนแล้วต้องเดินไปหลังอื่นๆ ก็ให้ระวังสัตว์เลื้อยคลานไรงี้เอานะ
ไม่มีอาหารนะ แต่ฝากเจ้าของซื้อเข้ามาได้
ระเบียงบ้านหลังที่เป็นปูนทั้งหลัง (จำชื่อไม่ได้ ที่อยู่ติดสะพาน) มีตุ๊กแกเยอะมาก
ทีมงานทุกคนที่เจอ พูดไทยไม่ได้นะครับ




[image error]บ้านไร่ไออรุณ


ที่พักแต่ละหลังและทางเดินข้ามลำห้วยเล็กๆ นั้นสงวนไว้ให้ผู้พักนะ แขกที่มาคาเฟ่ด้านหน้าก็อดเข้ามาดู ถือว่าแวะมาเพื่อกินน้ำกินหนมโดยเฉพาะ
ทางเดินไกลหน่อยนะ ใครลากกระเป๋าเดินทางมามีกรี๊ดแน่
ไม่มีน้ำอุ่น ลูกสาวผมอาบน้ำไปร้องไห้ไป 55555
พื้นที่ในบ้านแต่ละหลังค่อนข้างเล็กนะครับ ส่วนข้างนอกก็ยุงเยอะเชียว (อันนี้ต้องทำใจ)
ไม่มีไวไฟ สัญญาณมือถือ (ทรูมูฟ) แย่มาก




 [image error]บ้านป่าริมธาร


 เป็นที่พักที่มี “ความชิก” น้อยที่สุดในบรรดาที่พักทั้งสี่ (ก็คือเหมาะกับโลกโซเชียลในสไตล์ฮิปๆ อินสตาแกรมๆ ไรงี้ น้อยหน่อย มันจะออกแมนๆ)
ริมลำธารที่แยกออกมาจากสายหลักนั้นน่าจะเป็นลำธารขุดเข้ามาเอง ตลิ่งเลยเป็นปูนๆ หน่อย แต่ลำธารหลักนี่โคตรดี
ระบบอาหารอุดมสมบูรณ์มาก สั่งจากครัวมากินได้โอเคเลย (ไม่ได้ถือเป็นข้อเสียนะ แต่หาที่ลงไม่ได้ 555)





จบการบันทึกครับ ใครผ่านมาอ่านและมีที่พักแนวนี้แนะนำช่วยบอกหน่อยนะ ตอนนี้เล็งโซนภาคเหนือไว้ เด็กๆ ที่บ้านเริ่มโตพอจะพาไปได้แล้ว ขอบคุณครับ


The post บ้านสวนจันทิตา / บ้านในหมง / บ้านไร่ไออรุณ / บ้านป่าริมธาร appeared first on ไอ้แอนนนนน.คอม.

 •  0 comments  •  flag
Share on Twitter
Published on October 25, 2017 09:41