ทีปกร วุฒิพิทยามงคล's Blog, page 39
January 11, 2014
#caniread100booksayear
อ่านหนังสือร้อยเล่มต่อปีได้ไหม? เริ่มเล่ม 4 แล้ว :) เล่...
#caniread100booksayear
อ่านหนังสือร้อยเล่มต่อปีได้ไหม? เริ่มเล่ม 4 แล้ว :) เล่มที่ผ่านๆ มาจะบันทึกอยู่ที่
http://caniread100booksayear.tumblr.com/
Can I read 100 books a year?
caniread100booksayear.tumblr.com
ปี 2014 ทีปกรพยายามอ่านหนังสือให้ได้ 100 เล่ม ไม่รวมนิตยสารกับการ์ตูน
อ่านหนังสือร้อยเล่มต่อปีได้ไหม? เริ่มเล่ม 4 แล้ว :) เล่มที่ผ่านๆ มาจะบันทึกอยู่ที่
http://caniread100booksayear.tumblr.com/

Can I read 100 books a year?
caniread100booksayear.tumblr.com
ปี 2014 ทีปกรพยายามอ่านหนังสือให้ได้ 100 เล่ม ไม่รวมนิตยสารกับการ์ตูน
Published on January 11, 2014 19:34
January 8, 2014
พูดดีๆ
==========
เรื่องที่จะเขียนในวันนี้ก็เป็นเรื่องที่กวนใจผมมาเนิ่นนาน...
พูดดีๆ
==========
เรื่องที่จะเขียนในวันนี้ก็เป็นเรื่องที่กวนใจผมมาเนิ่นนาน และก็มีแนวโน้มว่ายังจะกวนใจต่อไปไม่เลิกราง่ายๆ
ไม่ว่าการเคลื่อนไหวของมวลมหาประชาชนจะได้รับความสำเร็จ ความล้มเหลว หรือความสูญเสีย เรื่องนี้จะยังจะคงอยู่กับพวกเราไปอีกนาน
เรื่องที่ว่าคือความเกลียดชัง
พูดให้แคบกว่านั้น, การกีดกัน
กีดกันความเชื่อที่แตกต่าง กีดกันความเชื่อที่เหมือนกันแต่แตกต่างที่วิธีการ กีดกันคนที่ไม่เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ตามตนเอง กีดกันการแสดงความเห็น กีดกันการพูด กีดกันการอ่าน
และกีดกันแม้กระทั่งการคิด
เรามาถึงจุดนี้กันได้อย่างไร เราไม่รีรอเลยที่จะแปะป้ายให้ความเชื่อที่แตกต่างว่าโง่ ว่าควาย นี่ไม่ได้เป็นพฤติกรรมที่จำกัดอยู่เพียงแค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ทั้งสองฝ่ายก็ต่างรีบรุดแปะป้ายให้กับความคิด ความเชื่อ ที่ผิดกระบวน ผิดระเบียบ เหมือนว่าหากคนไหนเข้าแถวไม่ตรง มีชายเสื้อรุ่ยออกมาแม้เพียงเส้นด้ายเส้นหนึ่ง เราก็พร้อมที่จะบอกว่าคนนั้นเป็น ‘คนอื่น’ แล้ว
อันที่จริงทุกๆ คน ก็เป็นคนอื่นต่อกันทั้งนั้น แต่การที่เราจะรวบรวมคนเป็นหมู่เป็นเหล่าได้ เราย่อมต้องมีการประณีประณอมต่อกันในระดับหนึ่ง บุคคลที่เข้าร่วมเดินแต่ละครั้งแต่ละคราวก็คิดไม่เหมือนกันทั้งหมด บุคคลที่สวมเสื้อสีแดงก็คิดไม่เหมือนกันทั้งหมด บุคคลที่สวมเสื้อสีดำก็คิดไม่เหมือนกันทั้งหมดอีกเช่นกัน ไม่มีใครคิดเหมือนใคร แต่ถึงจุดไหนกันที่เราจะมองว่า การที่คนนี้ไม่เหมือนเรา แปลว่าเขาเป็น ‘อีกฝ่ายหนึ่ง’ คำตอบของคำถามนี้ของแต่ละคนคงไม่เหมือนกัน
ผมเห็นความพยายามโน้มนำความคิดของอีกฝ่ายให้คล้อยตาม เข้ามาเชื่อฝ่ายตัวเองอยู่บ้าง นั่นเป็นสิ่งที่ดี การโน้มนำความคิดแบบนี้อย่างน้อยน่าจะต้องใช้เหตุผล และทำให้เกิดการสนทนามากขึ้นในระดับหนึ่ง แต่เท่าที่เห็นรายละเอียดในวิธีการ ก็ชวนให้รู้สึกว่ามีความเกลียดชังและการแดกดันอยู่ไม่น้อย ยกตัวอย่างง่ายๆ เพื่อนคนหนึ่งของผมเป็นมวลมหาประชาชน เขาไปร่วมเดินกู้ชาติกับสุเทพฯ แทบทุกครั้ง เป็นคนที่หัวไม่รุนแรง ยังสามารถสนทนากับเพื่อนๆ ที่ไม่ใช่มวลมหาฯ (หรือใช่ แต่ไม่ไปเดิน) ได้อยู่ แต่ทุกครั้งที่เขาแชร์บทความที่เขียนถึงมวลมหาประชาชนในแง่ดี เขาจะมีคอมเมนต์เล็กๆ แถมมาด้วย เช่น ‘อ่านซะบ้างนะจะได้หายโง่’ หรือ ‘อยากให้ควายได้อ่าน’
ซึ่งหากนี่เป็นความพยายามในการให้ใครคนหนึ่งได้อ่านบทความที่คุณแชร์ ก็เป็นความพยายามที่แย่มาก หากนับเป็นโฆษณาก็เหมือนด่าลูกค้าตั้งแต่ประโยคแรก
บทความชิ้นนั้นเป็นบทความที่ดีแท้ๆ หากไม่ถูกจั่วหัวด้วยคำผรุสวาท มันคงจะไปสู่สายตาของใครหลายคนกว่านี้
เสียดายโอกาส
ข้อเขียนเล็กๆ ชิ้นนี้คงไม่อาจดับความเกลียดชังของใครได้ มันอาจไม่ผ่านสายตาใครเลยด้วยซ้ำ แต่หากมันผ่านสายตาของคุณมาจนถึงบรรทัดนี้
ผมก็ขอแค่ให้คุณอย่าด่วนตัดสิน
และพูดจากันดีๆ
.
==========
เรื่องที่จะเขียนในวันนี้ก็เป็นเรื่องที่กวนใจผมมาเนิ่นนาน และก็มีแนวโน้มว่ายังจะกวนใจต่อไปไม่เลิกราง่ายๆ
ไม่ว่าการเคลื่อนไหวของมวลมหาประชาชนจะได้รับความสำเร็จ ความล้มเหลว หรือความสูญเสีย เรื่องนี้จะยังจะคงอยู่กับพวกเราไปอีกนาน
เรื่องที่ว่าคือความเกลียดชัง
พูดให้แคบกว่านั้น, การกีดกัน
กีดกันความเชื่อที่แตกต่าง กีดกันความเชื่อที่เหมือนกันแต่แตกต่างที่วิธีการ กีดกันคนที่ไม่เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ตามตนเอง กีดกันการแสดงความเห็น กีดกันการพูด กีดกันการอ่าน
และกีดกันแม้กระทั่งการคิด
เรามาถึงจุดนี้กันได้อย่างไร เราไม่รีรอเลยที่จะแปะป้ายให้ความเชื่อที่แตกต่างว่าโง่ ว่าควาย นี่ไม่ได้เป็นพฤติกรรมที่จำกัดอยู่เพียงแค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ทั้งสองฝ่ายก็ต่างรีบรุดแปะป้ายให้กับความคิด ความเชื่อ ที่ผิดกระบวน ผิดระเบียบ เหมือนว่าหากคนไหนเข้าแถวไม่ตรง มีชายเสื้อรุ่ยออกมาแม้เพียงเส้นด้ายเส้นหนึ่ง เราก็พร้อมที่จะบอกว่าคนนั้นเป็น ‘คนอื่น’ แล้ว
อันที่จริงทุกๆ คน ก็เป็นคนอื่นต่อกันทั้งนั้น แต่การที่เราจะรวบรวมคนเป็นหมู่เป็นเหล่าได้ เราย่อมต้องมีการประณีประณอมต่อกันในระดับหนึ่ง บุคคลที่เข้าร่วมเดินแต่ละครั้งแต่ละคราวก็คิดไม่เหมือนกันทั้งหมด บุคคลที่สวมเสื้อสีแดงก็คิดไม่เหมือนกันทั้งหมด บุคคลที่สวมเสื้อสีดำก็คิดไม่เหมือนกันทั้งหมดอีกเช่นกัน ไม่มีใครคิดเหมือนใคร แต่ถึงจุดไหนกันที่เราจะมองว่า การที่คนนี้ไม่เหมือนเรา แปลว่าเขาเป็น ‘อีกฝ่ายหนึ่ง’ คำตอบของคำถามนี้ของแต่ละคนคงไม่เหมือนกัน
ผมเห็นความพยายามโน้มนำความคิดของอีกฝ่ายให้คล้อยตาม เข้ามาเชื่อฝ่ายตัวเองอยู่บ้าง นั่นเป็นสิ่งที่ดี การโน้มนำความคิดแบบนี้อย่างน้อยน่าจะต้องใช้เหตุผล และทำให้เกิดการสนทนามากขึ้นในระดับหนึ่ง แต่เท่าที่เห็นรายละเอียดในวิธีการ ก็ชวนให้รู้สึกว่ามีความเกลียดชังและการแดกดันอยู่ไม่น้อย ยกตัวอย่างง่ายๆ เพื่อนคนหนึ่งของผมเป็นมวลมหาประชาชน เขาไปร่วมเดินกู้ชาติกับสุเทพฯ แทบทุกครั้ง เป็นคนที่หัวไม่รุนแรง ยังสามารถสนทนากับเพื่อนๆ ที่ไม่ใช่มวลมหาฯ (หรือใช่ แต่ไม่ไปเดิน) ได้อยู่ แต่ทุกครั้งที่เขาแชร์บทความที่เขียนถึงมวลมหาประชาชนในแง่ดี เขาจะมีคอมเมนต์เล็กๆ แถมมาด้วย เช่น ‘อ่านซะบ้างนะจะได้หายโง่’ หรือ ‘อยากให้ควายได้อ่าน’
ซึ่งหากนี่เป็นความพยายามในการให้ใครคนหนึ่งได้อ่านบทความที่คุณแชร์ ก็เป็นความพยายามที่แย่มาก หากนับเป็นโฆษณาก็เหมือนด่าลูกค้าตั้งแต่ประโยคแรก
บทความชิ้นนั้นเป็นบทความที่ดีแท้ๆ หากไม่ถูกจั่วหัวด้วยคำผรุสวาท มันคงจะไปสู่สายตาของใครหลายคนกว่านี้
เสียดายโอกาส
ข้อเขียนเล็กๆ ชิ้นนี้คงไม่อาจดับความเกลียดชังของใครได้ มันอาจไม่ผ่านสายตาใครเลยด้วยซ้ำ แต่หากมันผ่านสายตาของคุณมาจนถึงบรรทัดนี้
ผมก็ขอแค่ให้คุณอย่าด่วนตัดสิน
และพูดจากันดีๆ
.

Published on January 08, 2014 10:04
การปล้ำแมว
ดูโรคจิตนะแต่ชอบทำอะ -_-
Published on January 08, 2014 02:14
คร่อก
Published on January 08, 2014 00:44
January 5, 2014
พยายามอ่านหนังสือครบร้อยเล่มในปี 2014
อันนี้เป็นล็อกเอาไว้บันทึกความก้าวหน้า :)...
พยายามอ่านหนังสือครบร้อยเล่มในปี 2014
อันนี้เป็นล็อกเอาไว้บันทึกความก้าวหน้า :)
http://caniread100booksayear.tumblr.com/
Can I read 100 books a year?
caniread100booksayear.tumblr.com
ปี 2014 ทีปกรพยายามอ่านหนังสือให้ได้ 100 เล่ม ไม่รวมนิตยสารกับการ์ตูน
อันนี้เป็นล็อกเอาไว้บันทึกความก้าวหน้า :)
http://caniread100booksayear.tumblr.com/

Can I read 100 books a year?
caniread100booksayear.tumblr.com
ปี 2014 ทีปกรพยายามอ่านหนังสือให้ได้ 100 เล่ม ไม่รวมนิตยสารกับการ์ตูน
Published on January 05, 2014 01:39
January 4, 2014
รีวิว พูดอะไรไม่ได้ให้หมีเขี่ย ในกรุงเทพธุรกิจครับ :)
Published on January 04, 2014 04:18
January 3, 2014
นึกถึงสมัยเด็กที่แค่ได้กระดาษเอสี่มารีมนึงก็พอใจแล้ว ที่พอใจเพราะรู้สึกว่ามันวาด...
นึกถึงสมัยเด็กที่แค่ได้กระดาษเอสี่มารีมนึงก็พอใจแล้ว ที่พอใจเพราะรู้สึกว่ามันวาดแล้ว 'เหมือน' หนังสือการ์ตูนจริงๆ มากกว่าอุปกรณ์ปกติที่ใช้วาด (ซึ่งคือกระดาษสมุดเรียนหนังสือแบบมีบรรทัดแล้วพับครึ่งเอา) พอได้กระดาษเอสี่มา ก็จะใช้อย่างทะนุถนอมประหยัดมากเพราะกลัวหมด ส่วนปากกานั้นถ้าได้ปากกาลูกลื่นสีดำมาแทนปากกาสีน้ำเงินก็พอใจแล้วเหมือนกัน
ปัจจุบันกลายเป็นว่าช่างเลือก ช่างเสาะหา ปากกาปกติแท่งละ 35-40 บาทบางครั้งใช้แล้วไม่ชินมือ หรือสีก็ต้องใช้แท่งละ 100 บาท ซึ่งก็เลือกแล้วเลือกอีกอยู่นั่นแหละ โทนสีฟ้าก็มีหลายฟ้าเหลือเกิน ต้องฟ้าที่ถูกต้องเท่านั้น กระดาษยิ่งไม่ต้องพูดถึง ขาวอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีผิวสัมผัสที่ถูกใจด้วย และต้องลบแล้วไม่เป็นขุย ไม่เละเทะ ฯลฯ
ไม่ได้บอกว่าแบบไหนดีกว่ากัน เพราะการที่เลือกเป็นมันก็มีข้อดีของมัน เช่น ทำให้ได้งานที่ตรงกับที่คิดไว้ในหัวมากขึ้น แต่บางครั้งก็คิดถึงความไม่เรื่องมากของตัวเองในสมัยก่อนเช่นกัน
สุดท้ายแล้วฝีมือก็อาจจะสำคัญประมาณ 80-90% และอุปกรณ์ก็ทำหน้าที่เป็นเหมือนตัวสะท้อนฝีมือนั้นให้เห็นอีกที แน่นอนว่าอุปกรณ์ก็มีความสำคัญ เพราะถ้าอุปกรณ์ไม่ดี ก็อาจจะทำให้ทำงานลำบากขึ้น หรือต้องใช้เวลามากขึ้น แต่มันก็ไม่ได้สำคัญขนาดที่เวลาเห็นอะไรสวยๆ แล้วต้องสืบเสาะว่าเขาใช้กระดาษอะไรใช้ปากกาอะไรเพื่อจะต้องใช้ตาม
สำหรับเรา การใช้กระดาษหรือปากกา หรืออุปกรณ์ตามคนที่เราชอบนั้นมันก็ไม่ได้เลวร้าย มันเป็นการกำจัดข้ออ้างไปได้เปลาะหนึ่ง เราจะได้ไม่สามารถอ้างได้ว่าเราทำเต็มที่แล้ว แต่อุปกรณ์มาขัดขวาง ดังนั้นถ้าใช้แล้วพอใจ ก็ใช้ไป ก็เป็นทางหนึ่งที่เป็นไปได้เหมือนกัน
ปัจจุบันกลายเป็นว่าช่างเลือก ช่างเสาะหา ปากกาปกติแท่งละ 35-40 บาทบางครั้งใช้แล้วไม่ชินมือ หรือสีก็ต้องใช้แท่งละ 100 บาท ซึ่งก็เลือกแล้วเลือกอีกอยู่นั่นแหละ โทนสีฟ้าก็มีหลายฟ้าเหลือเกิน ต้องฟ้าที่ถูกต้องเท่านั้น กระดาษยิ่งไม่ต้องพูดถึง ขาวอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีผิวสัมผัสที่ถูกใจด้วย และต้องลบแล้วไม่เป็นขุย ไม่เละเทะ ฯลฯ
ไม่ได้บอกว่าแบบไหนดีกว่ากัน เพราะการที่เลือกเป็นมันก็มีข้อดีของมัน เช่น ทำให้ได้งานที่ตรงกับที่คิดไว้ในหัวมากขึ้น แต่บางครั้งก็คิดถึงความไม่เรื่องมากของตัวเองในสมัยก่อนเช่นกัน
สุดท้ายแล้วฝีมือก็อาจจะสำคัญประมาณ 80-90% และอุปกรณ์ก็ทำหน้าที่เป็นเหมือนตัวสะท้อนฝีมือนั้นให้เห็นอีกที แน่นอนว่าอุปกรณ์ก็มีความสำคัญ เพราะถ้าอุปกรณ์ไม่ดี ก็อาจจะทำให้ทำงานลำบากขึ้น หรือต้องใช้เวลามากขึ้น แต่มันก็ไม่ได้สำคัญขนาดที่เวลาเห็นอะไรสวยๆ แล้วต้องสืบเสาะว่าเขาใช้กระดาษอะไรใช้ปากกาอะไรเพื่อจะต้องใช้ตาม
สำหรับเรา การใช้กระดาษหรือปากกา หรืออุปกรณ์ตามคนที่เราชอบนั้นมันก็ไม่ได้เลวร้าย มันเป็นการกำจัดข้ออ้างไปได้เปลาะหนึ่ง เราจะได้ไม่สามารถอ้างได้ว่าเราทำเต็มที่แล้ว แต่อุปกรณ์มาขัดขวาง ดังนั้นถ้าใช้แล้วพอใจ ก็ใช้ไป ก็เป็นทางหนึ่งที่เป็นไปได้เหมือนกัน
Published on January 03, 2014 04:59
ขี้เกียจทำงานอะ
Published on January 03, 2014 04:28
January 2, 2014
ทำงาน~
พบกับเพนกวินเหล่านี้เร็วๆ นี้ (หวังว่า) 555
Published on January 02, 2014 18:43
ครึ่งทาง...
Published on January 02, 2014 06:16