พูดดีๆ
==========
เรื่องที่จะเขียนในวันนี้ก็เป็นเรื่องที่กวนใจผมมาเนิ่นนาน...
พูดดีๆ
==========
เรื่องที่จะเขียนในวันนี้ก็เป็นเรื่องที่กวนใจผมมาเนิ่นนาน และก็มีแนวโน้มว่ายังจะกวนใจต่อไปไม่เลิกราง่ายๆ
ไม่ว่าการเคลื่อนไหวของมวลมหาประชาชนจะได้รับความสำเร็จ ความล้มเหลว หรือความสูญเสีย เรื่องนี้จะยังจะคงอยู่กับพวกเราไปอีกนาน
เรื่องที่ว่าคือความเกลียดชัง
พูดให้แคบกว่านั้น, การกีดกัน
กีดกันความเชื่อที่แตกต่าง กีดกันความเชื่อที่เหมือนกันแต่แตกต่างที่วิธีการ กีดกันคนที่ไม่เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ตามตนเอง กีดกันการแสดงความเห็น กีดกันการพูด กีดกันการอ่าน
และกีดกันแม้กระทั่งการคิด
เรามาถึงจุดนี้กันได้อย่างไร เราไม่รีรอเลยที่จะแปะป้ายให้ความเชื่อที่แตกต่างว่าโง่ ว่าควาย นี่ไม่ได้เป็นพฤติกรรมที่จำกัดอยู่เพียงแค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ทั้งสองฝ่ายก็ต่างรีบรุดแปะป้ายให้กับความคิด ความเชื่อ ที่ผิดกระบวน ผิดระเบียบ เหมือนว่าหากคนไหนเข้าแถวไม่ตรง มีชายเสื้อรุ่ยออกมาแม้เพียงเส้นด้ายเส้นหนึ่ง เราก็พร้อมที่จะบอกว่าคนนั้นเป็น ‘คนอื่น’ แล้ว
อันที่จริงทุกๆ คน ก็เป็นคนอื่นต่อกันทั้งนั้น แต่การที่เราจะรวบรวมคนเป็นหมู่เป็นเหล่าได้ เราย่อมต้องมีการประณีประณอมต่อกันในระดับหนึ่ง บุคคลที่เข้าร่วมเดินแต่ละครั้งแต่ละคราวก็คิดไม่เหมือนกันทั้งหมด บุคคลที่สวมเสื้อสีแดงก็คิดไม่เหมือนกันทั้งหมด บุคคลที่สวมเสื้อสีดำก็คิดไม่เหมือนกันทั้งหมดอีกเช่นกัน ไม่มีใครคิดเหมือนใคร แต่ถึงจุดไหนกันที่เราจะมองว่า การที่คนนี้ไม่เหมือนเรา แปลว่าเขาเป็น ‘อีกฝ่ายหนึ่ง’ คำตอบของคำถามนี้ของแต่ละคนคงไม่เหมือนกัน
ผมเห็นความพยายามโน้มนำความคิดของอีกฝ่ายให้คล้อยตาม เข้ามาเชื่อฝ่ายตัวเองอยู่บ้าง นั่นเป็นสิ่งที่ดี การโน้มนำความคิดแบบนี้อย่างน้อยน่าจะต้องใช้เหตุผล และทำให้เกิดการสนทนามากขึ้นในระดับหนึ่ง แต่เท่าที่เห็นรายละเอียดในวิธีการ ก็ชวนให้รู้สึกว่ามีความเกลียดชังและการแดกดันอยู่ไม่น้อย ยกตัวอย่างง่ายๆ เพื่อนคนหนึ่งของผมเป็นมวลมหาประชาชน เขาไปร่วมเดินกู้ชาติกับสุเทพฯ แทบทุกครั้ง เป็นคนที่หัวไม่รุนแรง ยังสามารถสนทนากับเพื่อนๆ ที่ไม่ใช่มวลมหาฯ (หรือใช่ แต่ไม่ไปเดิน) ได้อยู่ แต่ทุกครั้งที่เขาแชร์บทความที่เขียนถึงมวลมหาประชาชนในแง่ดี เขาจะมีคอมเมนต์เล็กๆ แถมมาด้วย เช่น ‘อ่านซะบ้างนะจะได้หายโง่’ หรือ ‘อยากให้ควายได้อ่าน’
ซึ่งหากนี่เป็นความพยายามในการให้ใครคนหนึ่งได้อ่านบทความที่คุณแชร์ ก็เป็นความพยายามที่แย่มาก หากนับเป็นโฆษณาก็เหมือนด่าลูกค้าตั้งแต่ประโยคแรก
บทความชิ้นนั้นเป็นบทความที่ดีแท้ๆ หากไม่ถูกจั่วหัวด้วยคำผรุสวาท มันคงจะไปสู่สายตาของใครหลายคนกว่านี้
เสียดายโอกาส
ข้อเขียนเล็กๆ ชิ้นนี้คงไม่อาจดับความเกลียดชังของใครได้ มันอาจไม่ผ่านสายตาใครเลยด้วยซ้ำ แต่หากมันผ่านสายตาของคุณมาจนถึงบรรทัดนี้
ผมก็ขอแค่ให้คุณอย่าด่วนตัดสิน
และพูดจากันดีๆ
.
==========
เรื่องที่จะเขียนในวันนี้ก็เป็นเรื่องที่กวนใจผมมาเนิ่นนาน และก็มีแนวโน้มว่ายังจะกวนใจต่อไปไม่เลิกราง่ายๆ
ไม่ว่าการเคลื่อนไหวของมวลมหาประชาชนจะได้รับความสำเร็จ ความล้มเหลว หรือความสูญเสีย เรื่องนี้จะยังจะคงอยู่กับพวกเราไปอีกนาน
เรื่องที่ว่าคือความเกลียดชัง
พูดให้แคบกว่านั้น, การกีดกัน
กีดกันความเชื่อที่แตกต่าง กีดกันความเชื่อที่เหมือนกันแต่แตกต่างที่วิธีการ กีดกันคนที่ไม่เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ตามตนเอง กีดกันการแสดงความเห็น กีดกันการพูด กีดกันการอ่าน
และกีดกันแม้กระทั่งการคิด
เรามาถึงจุดนี้กันได้อย่างไร เราไม่รีรอเลยที่จะแปะป้ายให้ความเชื่อที่แตกต่างว่าโง่ ว่าควาย นี่ไม่ได้เป็นพฤติกรรมที่จำกัดอยู่เพียงแค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ทั้งสองฝ่ายก็ต่างรีบรุดแปะป้ายให้กับความคิด ความเชื่อ ที่ผิดกระบวน ผิดระเบียบ เหมือนว่าหากคนไหนเข้าแถวไม่ตรง มีชายเสื้อรุ่ยออกมาแม้เพียงเส้นด้ายเส้นหนึ่ง เราก็พร้อมที่จะบอกว่าคนนั้นเป็น ‘คนอื่น’ แล้ว
อันที่จริงทุกๆ คน ก็เป็นคนอื่นต่อกันทั้งนั้น แต่การที่เราจะรวบรวมคนเป็นหมู่เป็นเหล่าได้ เราย่อมต้องมีการประณีประณอมต่อกันในระดับหนึ่ง บุคคลที่เข้าร่วมเดินแต่ละครั้งแต่ละคราวก็คิดไม่เหมือนกันทั้งหมด บุคคลที่สวมเสื้อสีแดงก็คิดไม่เหมือนกันทั้งหมด บุคคลที่สวมเสื้อสีดำก็คิดไม่เหมือนกันทั้งหมดอีกเช่นกัน ไม่มีใครคิดเหมือนใคร แต่ถึงจุดไหนกันที่เราจะมองว่า การที่คนนี้ไม่เหมือนเรา แปลว่าเขาเป็น ‘อีกฝ่ายหนึ่ง’ คำตอบของคำถามนี้ของแต่ละคนคงไม่เหมือนกัน
ผมเห็นความพยายามโน้มนำความคิดของอีกฝ่ายให้คล้อยตาม เข้ามาเชื่อฝ่ายตัวเองอยู่บ้าง นั่นเป็นสิ่งที่ดี การโน้มนำความคิดแบบนี้อย่างน้อยน่าจะต้องใช้เหตุผล และทำให้เกิดการสนทนามากขึ้นในระดับหนึ่ง แต่เท่าที่เห็นรายละเอียดในวิธีการ ก็ชวนให้รู้สึกว่ามีความเกลียดชังและการแดกดันอยู่ไม่น้อย ยกตัวอย่างง่ายๆ เพื่อนคนหนึ่งของผมเป็นมวลมหาประชาชน เขาไปร่วมเดินกู้ชาติกับสุเทพฯ แทบทุกครั้ง เป็นคนที่หัวไม่รุนแรง ยังสามารถสนทนากับเพื่อนๆ ที่ไม่ใช่มวลมหาฯ (หรือใช่ แต่ไม่ไปเดิน) ได้อยู่ แต่ทุกครั้งที่เขาแชร์บทความที่เขียนถึงมวลมหาประชาชนในแง่ดี เขาจะมีคอมเมนต์เล็กๆ แถมมาด้วย เช่น ‘อ่านซะบ้างนะจะได้หายโง่’ หรือ ‘อยากให้ควายได้อ่าน’
ซึ่งหากนี่เป็นความพยายามในการให้ใครคนหนึ่งได้อ่านบทความที่คุณแชร์ ก็เป็นความพยายามที่แย่มาก หากนับเป็นโฆษณาก็เหมือนด่าลูกค้าตั้งแต่ประโยคแรก
บทความชิ้นนั้นเป็นบทความที่ดีแท้ๆ หากไม่ถูกจั่วหัวด้วยคำผรุสวาท มันคงจะไปสู่สายตาของใครหลายคนกว่านี้
เสียดายโอกาส
ข้อเขียนเล็กๆ ชิ้นนี้คงไม่อาจดับความเกลียดชังของใครได้ มันอาจไม่ผ่านสายตาใครเลยด้วยซ้ำ แต่หากมันผ่านสายตาของคุณมาจนถึงบรรทัดนี้
ผมก็ขอแค่ให้คุณอย่าด่วนตัดสิน
และพูดจากันดีๆ
.

Published on January 08, 2014 10:04
No comments have been added yet.