ทีปกร วุฒิพิทยามงคล's Blog, page 16
September 19, 2014
พอดีว่าวันก่อนไปเห็นโพสท์นึงของฝรั่งเค้าเอาหมาพิตบุลของเค้ามาถ่ายรูป แล้ววาดเติม...
พอดีว่าวันก่อนไปเห็นโพสท์นึงของฝรั่งเค้าเอาหมาพิตบุลของเค้ามาถ่ายรูป แล้ววาดเติมต่างๆ ลงไป น่ารักมาก เลยอยากทำกับแมวของเราบ้าง เราเลยเอาแมวมาจัดแจงถ่ายรูปแล้ววาดเติม ท่าทางแมวโคขุนที่ถ่ายก็ดูมีสง่าราศีมาก
เลยเติมรูปบัลลังก์ต่างๆ ลงไป กลายเป็นบัลลังก์แมว (คล้ายๆ บัลลังก์เมฆ) ได้วาดอะไรแบบนี้ก็สนุกดีนะ :) วาดบน Note 3 ไว้เดี๋ยววาดอีก (แต่ต้องถ่ายแมวบนพื้นขาว ไม่งั้นไม่สวย - -)
#MyNoteStory
เลยเติมรูปบัลลังก์ต่างๆ ลงไป กลายเป็นบัลลังก์แมว (คล้ายๆ บัลลังก์เมฆ) ได้วาดอะไรแบบนี้ก็สนุกดีนะ :) วาดบน Note 3 ไว้เดี๋ยววาดอีก (แต่ต้องถ่ายแมวบนพื้นขาว ไม่งั้นไม่สวย - -)
#MyNoteStory

Published on September 19, 2014 20:20
September 18, 2014
วันนี้แมววากิวกลับสู่ปิตุภูมิแล้ว
แต่กลับมาด้วยอาการไม่ครบสามสิบสอง
ไข่...
ไข่หา...
วันนี้แมววากิวกลับสู่ปิตุภูมิแล้ว
แต่กลับมาด้วยอาการไม่ครบสามสิบสอง
ไข่...
ไข่หายไป...
วากิวเป็นหมันแล้ว
#เสียเชิงชาย
แต่กลับมาด้วยอาการไม่ครบสามสิบสอง
ไข่...
ไข่หายไป...
วากิวเป็นหมันแล้ว
#เสียเชิงชาย

Published on September 18, 2014 01:10
September 17, 2014
ประสบการณ์ FAM Trip เมื่อเดือนมิถุนาที่ผ่านมา :3
ประสบการณ์ FAM Trip เมื่อเดือนมิถุนาที่ผ่านมา :3
Tokyo Fam Trip
เมื่อช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ได้รับเชิญไปร่วมสิ่งที่เรียกว่า FAM Trip จากบริษัทส่งเสริมการท่องเที่ยวญี่ปุ่นครับ ตอนแรกก็ไม่รู้ว่า FAM Trip คืออะไร แต่พอไปค้นๆ ดูก็พบความหมายว่าคือ Familairization Trip คือทริปที่ให้พวกเอเจนต์บริษัททัวร์ต่างๆ ไปเพื่อคล้ายๆ กับ ‘เปิดเส้นทาง’ ใหม่กับนักท่องเที่ยว (คือไปดูงาน ว่ามีที่ไหนน่าสนใจบ้าง เผื่อจะจัดทัวร์มาลง) ดังนั้นทริปก็จะเป็นทริปที่พาไปที่ที่นักท่องเที่ยวอาจจะยังไม่รู้จัก หรืออาจจะยังไม่คุ้นเคยมากครับ เป็น ‘ทัวร์ทางเลือก’ กลายๆ ก็ว่าได้ จริงๆ เราเองมีโอกาสได้ไปโตเกียว (และรอบๆ) หลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังคิดว่าต้องมีส่วนที่เรายังไม่รู้จักอีกมาก เลยตอบรับเชิญไปด้วยความเต็มใจและอยากรู้อยากเห็นครับ อัลบั้มนี้เลยจะรวมรูปสถานที่ที่ FAM Trip ครั้งนี้พาไป เผื่อว่าใครสนใจจะไปตาม :)

Tokyo Fam Trip
เมื่อช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ได้รับเชิญไปร่วมสิ่งที่เรียกว่า FAM Trip จากบริษัทส่งเสริมการท่องเที่ยวญี่ปุ่นครับ ตอนแรกก็ไม่รู้ว่า FAM Trip คืออะไร แต่พอไปค้นๆ ดูก็พบความหมายว่าคือ Familairization Trip คือทริปที่ให้พวกเอเจนต์บริษัททัวร์ต่างๆ ไปเพื่อคล้ายๆ กับ ‘เปิดเส้นทาง’ ใหม่กับนักท่องเที่ยว (คือไปดูงาน ว่ามีที่ไหนน่าสนใจบ้าง เผื่อจะจัดทัวร์มาลง) ดังนั้นทริปก็จะเป็นทริปที่พาไปที่ที่นักท่องเที่ยวอาจจะยังไม่รู้จัก หรืออาจจะยังไม่คุ้นเคยมากครับ เป็น ‘ทัวร์ทางเลือก’ กลายๆ ก็ว่าได้ จริงๆ เราเองมีโอกาสได้ไปโตเกียว (และรอบๆ) หลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังคิดว่าต้องมีส่วนที่เรายังไม่รู้จักอีกมาก เลยตอบรับเชิญไปด้วยความเต็มใจและอยากรู้อยากเห็นครับ อัลบั้มนี้เลยจะรวมรูปสถานที่ที่ FAM Trip ครั้งนี้พาไป เผื่อว่าใครสนใจจะไปตาม :)
Published on September 17, 2014 03:53
September 16, 2014
การผัดวันประกันพรุ่ง
คือการที่ตัวเราในวันนี้
แตะไหล่ตัวเราในวันพรุ่งนี้
แล้วบอกว...
การผัดวันประกันพรุ่ง
คือการที่ตัวเราในวันนี้
แตะไหล่ตัวเราในวันพรุ่งนี้
แล้วบอกว่า "ฝากด้วยนะ"
ไปเรื่อยๆ
จนรู้ตัวอีกที
ก็ไม่มีตัวเราในวันพรุ่งนี้
ให้แตะไหล่ฝากงานแล้ว
เพราะมันถึงเดดไลน์แล้ว
...
คือการที่ตัวเราในวันนี้
แตะไหล่ตัวเราในวันพรุ่งนี้
แล้วบอกว่า "ฝากด้วยนะ"
ไปเรื่อยๆ
จนรู้ตัวอีกที
ก็ไม่มีตัวเราในวันพรุ่งนี้
ให้แตะไหล่ฝากงานแล้ว
เพราะมันถึงเดดไลน์แล้ว
...

Published on September 16, 2014 20:53
September 15, 2014
นาทีนี้ต้องสู้เท่านั้น ต้องฮึบเท่านั้น :-D
Published on September 15, 2014 02:02
September 14, 2014
เคยคิดแบบนี้จริงจริงนะ :p
Published on September 14, 2014 18:30
แจกวอลล์เปเปอร์มือถือสำหรับหน้าฝนคร้าบ
ถ้าใช้แล้วชอบก็แชร์ได้นะคร้าบ :)
ลิงก์ดา...
แจกวอลล์เปเปอร์มือถือสำหรับหน้าฝนคร้าบ
ถ้าใช้แล้วชอบก็แชร์ได้นะคร้าบ :)
ลิงก์ดาวน์โหลดภาพใหญ่ > https://dl.dropboxusercontent.com/u/8339573/wallpapers/rain/wallpaper.jpg
ถ้าใช้แล้วชอบก็แชร์ได้นะคร้าบ :)
ลิงก์ดาวน์โหลดภาพใหญ่ > https://dl.dropboxusercontent.com/u/8339573/wallpapers/rain/wallpaper.jpg

Published on September 14, 2014 09:13
บอกคนอื่นให้สู้สู้
คนอื่นบอกให้สู้สู้
บอกตัวเองให้สู้สู้
ตัวเองบอกให้สู้สู้
:)
Published on September 14, 2014 08:06
September 13, 2014
เวลาไปกินข้าว
ได้คุยกับเพื่อนยาวๆ
แบบไม่ผ่านโซเชียลเนตเวิร์ก
ดีจัง
:-)
Published on September 13, 2014 22:16
สองปีก่อน
เราถูกชักชวนจากโครงการ "เข้าไปในใจ" ของสสส.
ให้เข้าไปร่วมหาวิธีบรรเ...
สองปีก่อน
เราถูกชักชวนจากโครงการ "เข้าไปในใจ" ของสสส.
ให้เข้าไปร่วมหาวิธีบรรเทาหรือสื่อสาร
ปัญหาประชากรกลุ่มเฉพาะต่างๆ ด้วยวิธีที่สร้างสรรค์
ตอนนั้นมีหลากหลายหัวข้อให้เลือก เช่น ผู้สูงอายุ ผู้หญิง
คนไร้สัญชาติ มุสลิม ผู้พิการ เป็นต้น
แต่หัวข้อที่เรารู้สึกผูกพันอย่างแปลกประหลาด
และอยากทำมากที่สุดในตอนนั้น
ก็คือหัวข้อคนไร้บ้าน
พี่ที่ชวนเข้าไปถามว่า
เออ ทำไมถึงเลือกทำเรื่องนี้ล่ะ
แปลกดี เค้าบอก
เราก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน
...
เรารู้สึกว่า กลุ่มคนไร้บ้านในไทย
เป็นกลุ่มที่เราต่างรู้ว่ามีอยู่จริง
ใครๆ ก็คงเคยมองเห็นพวกเขา
และปะป้ายให้ว่าเป็นคนจรจัด
เป็นคนเร่ร่อน ไปจนถึงว่าเป็นคนขี้เกียจ
ใช้วิธีโห่ไล่สาดน้ำไม่ให้เข้ามายุ่งต่างๆ นานา
เวลามีงานบ้านงานเมืองต่างๆ
ที่ต้องมีแขกเหรื่ออาคันตุกะมาเยี่ยมเยือน
คนไร้บ้านก็มักจะเป็นประชากรกลุ่มแรก
ที่ถูกทางรัฐ เก็บ' เข้าที่
ไม่ให้มา 'เกะกะ' 'ดูสกปรก' กับบ้านกับเมือง
เป็นประชากรกลุ่มที่มีอยู่จริง
แต่สิ่งที่หลายคนทำก็คือทำเหมือนพวกเขาไม่มีอยู่
...
จำอารมณ์ของตัวเองในตอนนั้น
- ตอนที่รู้สึกผูกพันกับหัวข้อนี้ -
ได้ว่า เป็นตอนที่เรารู้สึกไม่มีความสุขเลย
คือไม่ใช่ 'มีความทุกข์' นะ
แค่ 'ไม่มีความสุข'
เป็นการขาดหายไปของความสุข
ซึ่งน่าประหลาดใจ
ในตอนนั้น เรารู้สึกว่าการงานเราก็ใช้ได้
คือพอมีพอกิน พอมีคนที่รู้จักระดับหนึ่ง
ฐานะก็ไม่ยากลำบากอะไร
ครอบครัวก็อบอุ่น
แต่ทำไมไม่รู้ ตอนนั้นความสุขมันไม่มีหลงเหลืออยู่บนพื้นผิวเลย
เวลาซื้ออะไรมาใหม่ๆ ก็เป็นเพียงความสุขระยะสั้น
ที่ระเหิดไปอย่างรวดเร็ว
...
เมื่อมาคิดย้อนหลัง
อาจเป็นเพราะเหตุนี้ก็ได้มั้ง
ที่เรารู้สึกว่า อยากเข้าใจคนไร้บ้าน
อยากเข้าใจว่าพวกเขามีความสุขไหม
ในโลกที่อาจจะมีอะไรทางวัตถุน้อยกว่าคนอื่น
อยากเข้าใจว่าพวกเขามองความสุขแตกต่างไปอย่างไร
อยากเข้าใจว่าพวกเขามีปัญหาอะไรในชีวิต
และสำหรับคนไร้บ้านที่เลือกจะออกจากบ้านมาเอง
โดยที่ไม่ได้มีปัญหาทางครอบครัวหรือเศรษฐกิจ
(มีจริงๆ นะครับ - เป็นคนไร้บ้านที่ 'แนว' มาก)
ทำไมเขาจึงกล้าตัดสินใจออกมาอย่างนั้น
ทั้งๆ ที่สำหรับคนทั่วไป, หรืออย่างน้อยก็เราแล้ว
การออกจากบ้าน การไม่มีบ้านให้อยู่
ก็เป็นกึ่งๆ การฆ่าตัวตาย
...
โครงการนี้พาเรา (และเพื่อนอีกสองคน)
ไปสำรวจแง่มุมต่างๆ ของคนไร้บ้าน
เราได้รู้ว่าเค้าอาบน้ำที่ไหน มีการช่วยเหลือแบบไหนจากทางรัฐ
ปัญหาอะไรที่ใหญ่ที่สุดสำหรับพวกเขา
พวกเขา 'เก่ง' (พลิกความคาดหมาย) ขนาดไหน
และอะไรอื่นๆ
...
ตอนนี้ผลงานทั้งหมดยังผลออกมาเป็นสื่อชุดหนึ่ง
แน่นอนล่ะ มันอาจจะไม่ได้เป็นสื่อที่เข้าใจคนไร้บ้านมากที่สุด
หรือจะแก้ปัญหาให้คนไร้บ้านได้มากที่สุด
แต่มันก็เป็นสื่อ ที่พวกเราใช้เวลาสองปี ในการเรียนรู้
และทำความเข้าใจ
และพวกเราหวังว่ามันจะออกมาดี
หวังว่าสื่อชุดนี้ จะทำให้สังคม 'มองให้เห็น' คนไร้บ้านมากยิ่งขึ้น
:)
Cover Photos
จากใจผู้ทำโครงการ:
สองปีก่อน
เราถูกชักชวนจากโครงการ "เข้าไปในใจ" ของสสส.
ให้เข้าไปร่วมหาวิธีบรรเทาหรือสื่อสาร
ปัญหาประชากรกลุ่มเฉพาะต่างๆ ด้วยวิธีที่สร้างสรรค์
ตอนนั้นมีหลากหลายหัวข้อให้เลือก เช่น ผู้สูงอายุ ผู้หญิง
คนไร้สัญชาติ มุสลิม ผู้พิการ เป็นต้น
แต่หัวข้อที่เรารู้สึกผูกพันอย่างแปลกประหลาด
และอยากทำมากที่สุดในตอนนั้น
ก็คือหัวข้อคนไร้บ้าน
พี่ที่ชวนเข้าไปถามว่า
เออ ทำไมถึงเลือกทำเรื่องนี้ล่ะ
แปลกดี เค้าบอก
เราก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน
...
เรารู้สึกว่า กลุ่มคนไร้บ้านในไทย
เป็นกลุ่มที่เราต่างรู้ว่ามีอยู่จริง
ใครๆ ก็คงเคยมองเห็นพวกเขา
และปะป้ายให้ว่าเป็นคนจรจัด
เป็นคนเร่ร่อน ไปจนถึงว่าเป็นคนขี้เกียจ
ใช้วิธีโห่ไล่สาดน้ำไม่ให้เข้ามายุ่งต่างๆ นานา
เวลามีงานบ้านงานเมืองต่างๆ
ที่ต้องมีแขกเหรื่ออาคันตุกะมาเยี่ยมเยือน
คนไร้บ้านก็มักจะเป็นประชากรกลุ่มแรก
ที่ถูกทางรัฐ เก็บ' เข้าที่
ไม่ให้มา 'เกะกะ' 'ดูสกปรก' กับบ้านกับเมือง
เป็นประชากรกลุ่มที่มีอยู่จริง
แต่สิ่งที่หลายคนทำก็คือทำเหมือนพวกเขาไม่มีอยู่
...
จำอารมณ์ของตัวเองในตอนนั้น
- ตอนที่รู้สึกผูกพันกับหัวข้อนี้ -
ได้ว่า เป็นตอนที่เรารู้สึกไม่มีความสุขเลย
คือไม่ใช่ 'มีความทุกข์' นะ
แค่ 'ไม่มีความสุข'
เป็นการขาดหายไปของความสุข
ซึ่งน่าประหลาดใจ
ในตอนนั้น เรารู้สึกว่าการงานเราก็ใช้ได้
คือพอมีพอกิน พอมีคนที่รู้จักระดับหนึ่ง
ฐานะก็ไม่ยากลำบากอะไร
ครอบครัวก็อบอุ่น
แต่ทำไมไม่รู้ ตอนนั้นความสุขมันไม่มีหลงเหลืออยู่บนพื้นผิวเลย
เวลาซื้ออะไรมาใหม่ๆ ก็เป็นเพียงความสุขระยะสั้น
ที่ระเหิดไปอย่างรวดเร็ว
...
เมื่อมาคิดย้อนหลัง
อาจเป็นเพราะเหตุนี้ก็ได้มั้ง
ที่เรารู้สึกว่า อยากเข้าใจคนไร้บ้าน
อยากเข้าใจว่าพวกเขามีความสุขไหม
ในโลกที่อาจจะมีอะไรทางวัตถุน้อยกว่าคนอื่น
อยากเข้าใจว่าพวกเขามองความสุขแตกต่างไปอย่างไร
อยากเข้าใจว่าพวกเขามีปัญหาอะไรในชีวิต
และสำหรับคนไร้บ้านที่เลือกจะออกจากบ้านมาเอง
โดยที่ไม่ได้มีปัญหาทางครอบครัวหรือเศรษฐกิจ
(มีจริงๆ นะครับ - เป็นคนไร้บ้านที่ 'แนว' มาก)
ทำไมเขาจึงกล้าตัดสินใจออกมาอย่างนั้น
ทั้งๆ ที่สำหรับคนทั่วไป, หรืออย่างน้อยก็เราแล้ว
การออกจากบ้าน การไม่มีบ้านให้อยู่
ก็เป็นกึ่งๆ การฆ่าตัวตาย
...
โครงการนี้พาเรา (และเพื่อนอีกสองคน)
ไปสำรวจแง่มุมต่างๆ ของคนไร้บ้าน
เราได้รู้ว่าเค้าอาบน้ำที่ไหน มีการช่วยเหลือแบบไหนจากทางรัฐ
ปัญหาอะไรที่ใหญ่ที่สุดสำหรับพวกเขา
พวกเขา 'เก่ง' (พลิกความคาดหมาย) ขนาดไหน
และอะไรอื่นๆ
...
ตอนนี้ผลงานทั้งหมดยังผลออกมาเป็นสื่อชุดหนึ่ง
แน่นอนล่ะ มันอาจจะไม่ได้เป็นสื่อที่เข้าใจคนไร้บ้านมากที่สุด
หรือจะแก้ปัญหาให้คนไร้บ้านได้มากที่สุด
แต่มันก็เป็นสื่อ ที่พวกเราใช้เวลาสองปี ในการเรียนรู้
และทำความเข้าใจ
และพวกเราหวังว่ามันจะออกมาดี
หวังว่าสื่อชุดนี้ จะทำให้สังคม 'มองให้เห็น' คนไร้บ้านมากยิ่งขึ้น
เราถูกชักชวนจากโครงการ "เข้าไปในใจ" ของสสส.
ให้เข้าไปร่วมหาวิธีบรรเทาหรือสื่อสาร
ปัญหาประชากรกลุ่มเฉพาะต่างๆ ด้วยวิธีที่สร้างสรรค์
ตอนนั้นมีหลากหลายหัวข้อให้เลือก เช่น ผู้สูงอายุ ผู้หญิง
คนไร้สัญชาติ มุสลิม ผู้พิการ เป็นต้น
แต่หัวข้อที่เรารู้สึกผูกพันอย่างแปลกประหลาด
และอยากทำมากที่สุดในตอนนั้น
ก็คือหัวข้อคนไร้บ้าน
พี่ที่ชวนเข้าไปถามว่า
เออ ทำไมถึงเลือกทำเรื่องนี้ล่ะ
แปลกดี เค้าบอก
เราก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน
...
เรารู้สึกว่า กลุ่มคนไร้บ้านในไทย
เป็นกลุ่มที่เราต่างรู้ว่ามีอยู่จริง
ใครๆ ก็คงเคยมองเห็นพวกเขา
และปะป้ายให้ว่าเป็นคนจรจัด
เป็นคนเร่ร่อน ไปจนถึงว่าเป็นคนขี้เกียจ
ใช้วิธีโห่ไล่สาดน้ำไม่ให้เข้ามายุ่งต่างๆ นานา
เวลามีงานบ้านงานเมืองต่างๆ
ที่ต้องมีแขกเหรื่ออาคันตุกะมาเยี่ยมเยือน
คนไร้บ้านก็มักจะเป็นประชากรกลุ่มแรก
ที่ถูกทางรัฐ เก็บ' เข้าที่
ไม่ให้มา 'เกะกะ' 'ดูสกปรก' กับบ้านกับเมือง
เป็นประชากรกลุ่มที่มีอยู่จริง
แต่สิ่งที่หลายคนทำก็คือทำเหมือนพวกเขาไม่มีอยู่
...
จำอารมณ์ของตัวเองในตอนนั้น
- ตอนที่รู้สึกผูกพันกับหัวข้อนี้ -
ได้ว่า เป็นตอนที่เรารู้สึกไม่มีความสุขเลย
คือไม่ใช่ 'มีความทุกข์' นะ
แค่ 'ไม่มีความสุข'
เป็นการขาดหายไปของความสุข
ซึ่งน่าประหลาดใจ
ในตอนนั้น เรารู้สึกว่าการงานเราก็ใช้ได้
คือพอมีพอกิน พอมีคนที่รู้จักระดับหนึ่ง
ฐานะก็ไม่ยากลำบากอะไร
ครอบครัวก็อบอุ่น
แต่ทำไมไม่รู้ ตอนนั้นความสุขมันไม่มีหลงเหลืออยู่บนพื้นผิวเลย
เวลาซื้ออะไรมาใหม่ๆ ก็เป็นเพียงความสุขระยะสั้น
ที่ระเหิดไปอย่างรวดเร็ว
...
เมื่อมาคิดย้อนหลัง
อาจเป็นเพราะเหตุนี้ก็ได้มั้ง
ที่เรารู้สึกว่า อยากเข้าใจคนไร้บ้าน
อยากเข้าใจว่าพวกเขามีความสุขไหม
ในโลกที่อาจจะมีอะไรทางวัตถุน้อยกว่าคนอื่น
อยากเข้าใจว่าพวกเขามองความสุขแตกต่างไปอย่างไร
อยากเข้าใจว่าพวกเขามีปัญหาอะไรในชีวิต
และสำหรับคนไร้บ้านที่เลือกจะออกจากบ้านมาเอง
โดยที่ไม่ได้มีปัญหาทางครอบครัวหรือเศรษฐกิจ
(มีจริงๆ นะครับ - เป็นคนไร้บ้านที่ 'แนว' มาก)
ทำไมเขาจึงกล้าตัดสินใจออกมาอย่างนั้น
ทั้งๆ ที่สำหรับคนทั่วไป, หรืออย่างน้อยก็เราแล้ว
การออกจากบ้าน การไม่มีบ้านให้อยู่
ก็เป็นกึ่งๆ การฆ่าตัวตาย
...
โครงการนี้พาเรา (และเพื่อนอีกสองคน)
ไปสำรวจแง่มุมต่างๆ ของคนไร้บ้าน
เราได้รู้ว่าเค้าอาบน้ำที่ไหน มีการช่วยเหลือแบบไหนจากทางรัฐ
ปัญหาอะไรที่ใหญ่ที่สุดสำหรับพวกเขา
พวกเขา 'เก่ง' (พลิกความคาดหมาย) ขนาดไหน
และอะไรอื่นๆ
...
ตอนนี้ผลงานทั้งหมดยังผลออกมาเป็นสื่อชุดหนึ่ง
แน่นอนล่ะ มันอาจจะไม่ได้เป็นสื่อที่เข้าใจคนไร้บ้านมากที่สุด
หรือจะแก้ปัญหาให้คนไร้บ้านได้มากที่สุด
แต่มันก็เป็นสื่อ ที่พวกเราใช้เวลาสองปี ในการเรียนรู้
และทำความเข้าใจ
และพวกเราหวังว่ามันจะออกมาดี
หวังว่าสื่อชุดนี้ จะทำให้สังคม 'มองให้เห็น' คนไร้บ้านมากยิ่งขึ้น
:)

Cover Photos
จากใจผู้ทำโครงการ:
สองปีก่อน
เราถูกชักชวนจากโครงการ "เข้าไปในใจ" ของสสส.
ให้เข้าไปร่วมหาวิธีบรรเทาหรือสื่อสาร
ปัญหาประชากรกลุ่มเฉพาะต่างๆ ด้วยวิธีที่สร้างสรรค์
ตอนนั้นมีหลากหลายหัวข้อให้เลือก เช่น ผู้สูงอายุ ผู้หญิง
คนไร้สัญชาติ มุสลิม ผู้พิการ เป็นต้น
แต่หัวข้อที่เรารู้สึกผูกพันอย่างแปลกประหลาด
และอยากทำมากที่สุดในตอนนั้น
ก็คือหัวข้อคนไร้บ้าน
พี่ที่ชวนเข้าไปถามว่า
เออ ทำไมถึงเลือกทำเรื่องนี้ล่ะ
แปลกดี เค้าบอก
เราก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน
...
เรารู้สึกว่า กลุ่มคนไร้บ้านในไทย
เป็นกลุ่มที่เราต่างรู้ว่ามีอยู่จริง
ใครๆ ก็คงเคยมองเห็นพวกเขา
และปะป้ายให้ว่าเป็นคนจรจัด
เป็นคนเร่ร่อน ไปจนถึงว่าเป็นคนขี้เกียจ
ใช้วิธีโห่ไล่สาดน้ำไม่ให้เข้ามายุ่งต่างๆ นานา
เวลามีงานบ้านงานเมืองต่างๆ
ที่ต้องมีแขกเหรื่ออาคันตุกะมาเยี่ยมเยือน
คนไร้บ้านก็มักจะเป็นประชากรกลุ่มแรก
ที่ถูกทางรัฐ เก็บ' เข้าที่
ไม่ให้มา 'เกะกะ' 'ดูสกปรก' กับบ้านกับเมือง
เป็นประชากรกลุ่มที่มีอยู่จริง
แต่สิ่งที่หลายคนทำก็คือทำเหมือนพวกเขาไม่มีอยู่
...
จำอารมณ์ของตัวเองในตอนนั้น
- ตอนที่รู้สึกผูกพันกับหัวข้อนี้ -
ได้ว่า เป็นตอนที่เรารู้สึกไม่มีความสุขเลย
คือไม่ใช่ 'มีความทุกข์' นะ
แค่ 'ไม่มีความสุข'
เป็นการขาดหายไปของความสุข
ซึ่งน่าประหลาดใจ
ในตอนนั้น เรารู้สึกว่าการงานเราก็ใช้ได้
คือพอมีพอกิน พอมีคนที่รู้จักระดับหนึ่ง
ฐานะก็ไม่ยากลำบากอะไร
ครอบครัวก็อบอุ่น
แต่ทำไมไม่รู้ ตอนนั้นความสุขมันไม่มีหลงเหลืออยู่บนพื้นผิวเลย
เวลาซื้ออะไรมาใหม่ๆ ก็เป็นเพียงความสุขระยะสั้น
ที่ระเหิดไปอย่างรวดเร็ว
...
เมื่อมาคิดย้อนหลัง
อาจเป็นเพราะเหตุนี้ก็ได้มั้ง
ที่เรารู้สึกว่า อยากเข้าใจคนไร้บ้าน
อยากเข้าใจว่าพวกเขามีความสุขไหม
ในโลกที่อาจจะมีอะไรทางวัตถุน้อยกว่าคนอื่น
อยากเข้าใจว่าพวกเขามองความสุขแตกต่างไปอย่างไร
อยากเข้าใจว่าพวกเขามีปัญหาอะไรในชีวิต
และสำหรับคนไร้บ้านที่เลือกจะออกจากบ้านมาเอง
โดยที่ไม่ได้มีปัญหาทางครอบครัวหรือเศรษฐกิจ
(มีจริงๆ นะครับ - เป็นคนไร้บ้านที่ 'แนว' มาก)
ทำไมเขาจึงกล้าตัดสินใจออกมาอย่างนั้น
ทั้งๆ ที่สำหรับคนทั่วไป, หรืออย่างน้อยก็เราแล้ว
การออกจากบ้าน การไม่มีบ้านให้อยู่
ก็เป็นกึ่งๆ การฆ่าตัวตาย
...
โครงการนี้พาเรา (และเพื่อนอีกสองคน)
ไปสำรวจแง่มุมต่างๆ ของคนไร้บ้าน
เราได้รู้ว่าเค้าอาบน้ำที่ไหน มีการช่วยเหลือแบบไหนจากทางรัฐ
ปัญหาอะไรที่ใหญ่ที่สุดสำหรับพวกเขา
พวกเขา 'เก่ง' (พลิกความคาดหมาย) ขนาดไหน
และอะไรอื่นๆ
...
ตอนนี้ผลงานทั้งหมดยังผลออกมาเป็นสื่อชุดหนึ่ง
แน่นอนล่ะ มันอาจจะไม่ได้เป็นสื่อที่เข้าใจคนไร้บ้านมากที่สุด
หรือจะแก้ปัญหาให้คนไร้บ้านได้มากที่สุด
แต่มันก็เป็นสื่อ ที่พวกเราใช้เวลาสองปี ในการเรียนรู้
และทำความเข้าใจ
และพวกเราหวังว่ามันจะออกมาดี
หวังว่าสื่อชุดนี้ จะทำให้สังคม 'มองให้เห็น' คนไร้บ้านมากยิ่งขึ้น
Published on September 13, 2014 05:57