42

เคยรู้สึกว่าอายุเท่านี้แม่งแก่มาก ใครมาบอกว่าสี่สิบสอง คือคนแก่ตามบทมันต้องบอกว่า “ที่จริงพอเดินทางมาถึง ก็ไม่แก่นี่นา” แต่เปล่าเลย แก่จริงๆเพื่อนฝูงหลายคนผมหงอกหัวล้าน หน้าเหี่ยวย่น ริ้วรอยบนใบหน้าบอกถึงช่วงชีวิตที่ก้าวเข้าสู่ครึ่งหลังกันแล้ว ตอนนี้เริ่มเลิกล้อกันเรื่องสังขารแล้ว น่าจะเพราะเป็นเรื่องธรรมดาปีที่ผ่านมา อยู่ดีๆ วันนึงก็อ่านฉลากยาไม่เห็น ทั้งที่ก่อนหน้านี้เราเป็นคนที่เย่อหยิ่งจองหอง ยโสโอหังมากว่าตัวเองสายตาดีกว่าใครๆ ตอนนี้คำอวดตัวนั้นต้องหุบเก็บไว้ตลอดกาล เพราะสายตาเราโฟกัสช้า แบบเดียวกับคนอื่นๆ แล้ว ที่ปวดร้าวมากก็คือตอนอ่านการ์ตูน Kingdom สักฉบับ เราอ่านฟอนต์เล็กจิ๋วในนั้นไม่ออก ปวดร้าวมากชินกับย่านหลักสี่แล้ว แต่จำไม่ค่อยได้ว่าอายุเท่าไหร่ ทีแรกคิดว่า 42 มานานแล้วซะอีก แต่ไม่ เพิ่งวันนี้วันแรก ซึ่งเอาจริงๆ ไม่ต้องจำก็ได้มั้ง

ไหนๆ พูดถึงสังขารแล้วก็ขอบันทึกเพิ่มไว้หน่อย เพราะจากนี้ไปมันคงไม่ได้ดีไปกว่านี้อีกต่อไปแล้ว

นอกจากสายตาที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ความดันก็เริ่มแสดงตัวให้รู้ว่าเข้าสู่วัยที่ต้องประคบประหงม คือค่าตัวเลขมันสูงกว่าคนปกติประมาณ 10-20 ทั้งตัวบนและตัวล่าง ไปหาหมอศิริราชอยู่เนืองๆ ค่าไขมันอะไรต่างๆ เวลาเจาะเลือดไปตรวจก็มี LDL ที่สูงจนหมอบอกว่าควรลดหน่อยนะ สู้ๆ นะ (เป็นคำสั่งแบบหน้ายิ้มๆ)วันก่อนไปนั่งคาเฟ่นึงแถวปทุม ไม่ใช่ร้านตัวเองนะ แต่เป็นร้านที่เพิ่งเปิดใหม่ ปรากฏว่าเก้าอี้เขาเตี้ย พอเตี้ย และนั่งนาน ก็เลยปวดหลัง นี่อาทิตย์กว่าแล้วยังปวดอยู่ ปกติมันต้องหายไวกว่านี้แน่นอนว่าส่วนใหญ่เป็นเพราะการใช้ชีวิตแบบไร้การออกกำลังกายของเราเอง ทำงานนั่งโต๊ะ นอนดึก ตื่นสาย เป็นแบบนี้มาตลอด อยากแก้ แต่ยังผัดวันประกันพรุ่งอยู่ เพราะเงยหน้าดูตัวเลขแล้วยังมีที่ว่างให้เหลวไหลอยู่สูง 175 หนัก 79-80 ถ้าวันไหนอารมณ์ดีๆ ก็ชั่งได้ 78 แต่เวลาใครถามจะบอกว่า 78 เพราะมันดูน้อยสุดสุขภาวะทางเพศยังปกติดี นั่นแน่ แต่บันทึกไว้ วันนึงมันไม่ปกติจะได้มานั่งรำลึกความหลัง

การงานการเงินครอบครัวล่ะ

เอาการงานก่อน ทุกวันนี้ก็ทำอาชีพที่อธิบายยาก แต่พูดสั้นๆ คือทำธุรกิจกับที่บ้าน ที่บ้านที่ไม่ได้แปลว่าเกาะพ่อแม่กินแบบคนมีตังค์เขานะ อยากเหมือนกัน แต่ไม่มีให้เกาะไง ต้องมาช่วยกันกับเมียเมียบ่นวนอยู่สองเรื่อง คือเรื่องอ้วน และเรื่องไม่มีตังค์ พักหลังๆ มาเน้นเรื่องไม่มีตังค์มากกว่าซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริง ปีที่ผ่านมา ลากยาวมาจนถึงวินาทีนี้ ยังไม่มีช่วงไหนที่ง่ายเลยกับอาชีพการงานของเราสองคน ตั้งแต่โควิดเป็นต้นมาที่พลิกทุกอย่างจากดาวสู่ดิน แต่ก็ยังสู้เท่าที่สู้ไหว ประคับประคองและพยายามหาช่องทางอื่นๆ ที่เดินทางไปกันได้เมียยุให้กลับไปทำงานบริษัท อย่างน้อยก็มีสิ่งที่เรียกว่าความมั่นคงอยู่บ้าง แต่ดูแล้วไม่น่าไหวมั้งลูกๆ โตขึ้น แฮปปี้ดี ปีหน้าย้ายโรงเรียนทั้งคนโตที่ขึ้น ม.1 และคนเล็กที่ย้ายมาเรียนใกล้บ้าน ค่าเทอมแพงกว่าเดิม แต่ได้เวลาเพิ่มขึ้นมาก ตอนเด็กๆ บ้านเรายากแค้นมาก แถมลูกก็มีตั้งสี่คน แต่ถึงจะลำบากยังไง นโยบายของพ่อแม่คือ ถ้าลูกอยากเรียน จะต้องกู้หนี้ยืมสินเท่าไหร่ก็ยอม เพื่อส่งให้เรียนสูงที่สุด ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์ที่เฉียบขาดมาก ถึงแม้พ่อกับแม่จะเพิ่งมาสบายตอนแก่ก็ตามเปรียบกับตอนนี้มันอาจจะปรับบริบทให้เป็นปัจจุบันหน่อย เราคิดว่าการมอบโอกาสให้ลูกไว้ก่อนนั้นเท่าไหร่ก็เท่ากัน เพราะเราในฐานะพ่อแม่ก็ถือว่าได้เห็นนั่นนี่มาพอสมควรแล้ว ถึงจะไม่ได้หรูหราหรืออิ่มเท่ากับคนในโซเชียล แต่ก็ยังดีที่มีอะไรไว้เล่าว่าอดีตเคยแรงอ้าวบ่นอะไรเนี่ย กลับมาเรื่องครอบครัวย้อนไปถึงรุ่นแม่ แม่ตายเมื่อเดือนตุลาฯ เราไปเจอแม่ครั้งสุดท้าย กินก็วยเตี๋ยวด้วยกันสองคน ขับรถพาไปทัวร์รอบๆ ตามที่เคยทำอยู่บ่อยๆ ตอนไปเพชร (ซึ่งครั้งนั้นไปคนเดียวเพราะไปทำธุระที่ดินข้างๆ เขารังวัดเลยต้องไปเซ็น) กอดครั้งสุดท้ายก็รู้สึกว่าแม่แก่จัด เหลือตัวนิดเดียว ผอมกว่าแมวอีก และไม่กี่วันแม่ก็ตายงานศพเป็นไปอย่างปกติธรรมดา เหมือนอีกหนึ่งงานที่โลกนี้มี คนตายก็เป็นเรื่องธรรมดา เหมือนการตายอีกครั้งที่โลกนี้มี ใบเก่าปลิดปลิวลงไป ใบใหม่ก็งอกขึ้นมา นี่ก็เรื่องธรรมดาสำหรับเรา เราทำเรื่องบริจาคร่างกายกับสภากาชาดไทยเรียบร้อย บอกลูกไว้แล้วว่าไม่ต้องจัดงานอะไรเลย ไม่มีศาสนา ไม่มีพิธีกรรม เอาศพไปให้โรงพยาบาลเขา แล้วก็จบกันเท่านั้นแหละ ง่ายดีลูกก็เข้าใจ เออดี สอนกันแบบไม่ต้องดราม่าอะไร

ปีนี้

ความสัมพันธ์กับมนุษย์ทั่วไปก็น้อยลงเรื่อยๆ พูดน้อยลง เพื่อนมีเท่าเดิมแต่พอห่างๆ กันไปก็คงไม่ได้สนิทเหมือนเดิม มั้งนะ พอดีไม่ได้ปฏิสัมพันธ์กับใครเท่าไหร่แล้ว จะมีก็แก๊งพอดแคสต์สามโคกและเทเลแกรมที่ใช้เวลาชีวิตอยู่ด้วยกันผ่านหน้าจอเป็นหลัก เท่านั้นเลยจริงๆบล็อกที่ไม่ได้เขียนมานาน ก็เพราะไปเล่นทวิตเตอร์อย่างที่เคยบอกไว้สักแห่ง เสียใจเหมือนกัน แต่พอคิดถึงบล็อกทีไรก็อยากมาเขียนยาวๆ เพียงแค่รู้สึกว่าไวยากรณ์มันเยอะจัง อยากให้พ่นง่ายๆ แล้วกดโพสต์เลยกว่านี้พอดแคสต์ที่จัดก็มีเสาเสาเสา เถกจ๊อก #คุณหมอขา สามรายการเหมือนเดิม ไม่ได้ตังค์หรอก เสียเวลาด้วย แต่ได้ฟังอะไรเพลินๆ ดี ยังเป็นแบบนี้เสมอมา (เสาเสาเสาแม่งแปดปีแล้ว)ปีนี้พลอยชวนมาวาดรูปกัน ได้เลย จะวาดบ่อยๆ แบบไม่พยายามปีนี้จะปล่อยฟอนต์ประมาณห้าตัว โม้ไว้ก่อน เพิ่งทำได้ตัวเดียวปีนี้จะขี่จักรยานเล่นอีกครั้ง เอาสักก่อนเดือนพฤษภา เพราะหมอบอกว่าไขมันเลวคุณเยอะ อยากให้มันหายไปหน่อย แต่ไม่รู้ค่าฝุ่นและค่าแดดจะโหดสัสจนไปไม่ไหวไหม แต่ไม่อยากออกกำลังในบ้านน่ะ ขอแบบชมวิวชิลเล่นหมาเล่นงูข้างทางได้ไหม

อะไรอีกล่ะ

ยังอยากมีเวลาเยอะๆ เหมือนเดิม เอาไว้อ่านการ์ตูน เดี๋ยวนี้อ่านก่อนนอนทุกคืน ทำเป็นกิจวัตรที่ขาดไม่ได้ ก็โอเคนะ บางทีเอาไปฝันเพี้ยนๆ ก็สนุกดี เหมือนได้โบนัสแทร็กยังเป็นตัวเองในเวอร์ชันที่ยังไม่พอใจเท่าไหร่ ไม่รู้สิ ไม่ได้ฟูมฟายกับสิ่งที่ขาดหาย แต่ก็ไม่ได้ถึงกับภาคภูมิใจในปัจจุบัน ที่เขาว่าพอเราโตขึ้น ชีวิตจะแหว่งเว้าไปเรื่อยๆ ตามการเซาะกร่อนของกาลเวลาของเรานี่ก็คงเว้าใช้ได้ แต่ไปนูนตรงพุงไม่ได้วางแผนอะไรกับอนาคตของปีนี้ไว้เลย รู้แค่ตอนนี้ก็ลอยๆ เปิดโหมดออโต้ไว้พอสมควร คือสิ่งที่วางรากฐานไว้นานแล้วก็ทำงานของมันไป เราก็อยู่กับมันได้จะมีเรื่องเศรษฐกิจทางบ้านกับสุขภาพที่ยกมาเป็นประเด็นที่ให้ความสำคัญของปีนี้ที่ถ้ามันดีขี้นได้อีกนิด คนรอบๆ ตัวก็จะยิ้มกว้างกว่านี้

เมื่อวานทำฟันเสร็จออกไปเดินเจอร้านเค้กวันเกิด (ถูกๆ ก้อนละ 150 บาทเอง) นึกได้ว่าไม่ได้กินมานาน ทีแรกจะซื้อเลย แต่ก็นึกได้ว่าเอ๊ะพรุ่งนี้ก็วันเกิดเราแล้วนี่ ทำอีเวนต์ตอแหลดูดีกว่า เลยชวนลูกไปซื้อเมื่อกี้ก่อนกลับถึงบ้าน

เราไม่ใช่คนที่อะไรเลยกับวันเกิด ไม่เลย เกลียดการเซอร์ไพรส์ด้วย มันอี๋ๆ น่ะ ยิ่งยุคโซเชียลด้วยแล้วก็ยิ่งเอาข้อมูลวันเกิดทุกอย่างออกหมด แต่วันนี้นี่พิมพ์ก่อนกินข้าวเย็น กินเสร็จก็จะเอาเค้กในตู้เย็นมากิน ไม่รู้ก้อนแรกในรอบกี่สิบปี

อายุเท่านี้แล้วคือเริ่มเข้าสู่โหมดอะไรก็ได้แล้วน่ะ

 •  0 comments  •  flag
Share on Twitter
Published on February 20, 2024 02:50
No comments have been added yet.