Josh Culp's Blog, page 2
March 5, 2025
Ultherapy Prime ดีจริงไหม? รวมข้อดี-ข้อเสียที่ต้องรู้ก่อนทำ
Ultherapy Prime คืออะไร?
Ultherapy Prime เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวโดยใช้พลังงานคลื่นเสียงความถี่สูงที่โฟกัสแบบเฉพาะจุด (Micro-Focused Ultrasound) เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอิลาสตินใต้ผิวหนัง ช่วยให้ผิวกระชับขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด นิยมใช้บริเวณใบหน้า ลำคอ และใต้คาง
Ultherapy Prime เป็นเวอร์ชันที่อัปเกรดจาก Ultherapy แบบเดิม โดยมีการปรับปรุงให้เหมาะสมกับผู้ที่ต้องการยกกระ
Ultherapy Prime เหมาะกับใครบ้าง?Ultherapy Prime เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด โดยเฉพาะในกลุ่มต่อไปนี้
1. ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยในระดับเริ่มต้น – ปานกลางคนที่รู้สึกว่าผิวหน้า ลำคอ และใต้คางเริ่มหย่อนคล้อย
มีแนวกรามที่ไม่คมชัดเหมือนเดิม (กรอบหน้าหย่อน)
หนังตาตกเล็กน้อย ต้องการยกกระชับแบบไม่ต้องผ่าตัด
2. ผู้ที่ต้องการให้ผิวกระชับขึ้นโดยไม่ต้องศัลยกรรมไม่ต้องการร้อยไหม ฉีดฟิลเลอร์ หรือทำศัลยกรรมดึงหน้า
อยากเห็นผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
3. คนที่ต้องการลดริ้วรอยและฟื้นฟูคอลลาเจนใต้ผิวมีริ้วรอยเล็ก ๆ ตามหน้าผาก หางตา มุมปาก
ผิวเริ่มขาดความยืดหยุ่น ต้องการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่
4. ผู้ที่ต้องการกระชับผิวเฉพาะจุดมีปัญหาผิวใต้คาง คอ หรือเนินอกหย่อนคล้อย
ต้องการปรับรูปหน้าให้ดูเรียวขึ้น
5. ผู้ที่มีอายุ 30-50 ปี (ขึ้นอยู่กับสภาพผิว)วัย 30+ เริ่มมีผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อย อยากกระตุ้นคอลลาเจนก่อนมีริ้วรอยลึก
วัย 40-50+ ต้องการยกกระชับหน้าเพื่อลดความหย่อนคล้อยที่เริ่มชัดขึ้น
6. คนที่ไม่มีเวลาพักฟื้นหลังทำหัตถการต้องการทำแล้วใช้ชีวิตตามปกติได้ทันที
ไม่ต้องการพักฟื้นเหมือนการผ่าตัดดึงหน้า
Ultherapy Prime ไม่เหมาะกับใคร?คนที่มีผิวหย่อนคล้อยมาก – ถ้าผิวหย่อนมากจนเกินไป อาจต้องใช้การร้อยไหมหรือศัลยกรรมแทน
คนที่มีโรคผิวหนังในบริเวณที่ทำ – เช่น โรคผื่นแพ้ผิวหนัง หรือแผลอักเสบ
คนที่มีผิวบางหรือแพ้ง่ายมาก – อาจทำให้รู้สึกเจ็บหรือระคายเคืองมากกว่าปกติ
ผู้ที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร – ควรเลี่ยงการทำจนกว่าจะพ้นช่วงนี้ชับผิวแบบอ่อนโยนขึ้น และลดความเจ็บปวดระหว่างทำ
ข้อดีของ Ultherapy Primeช่วยกระตุ้นคอลลาเจน – ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ กระชับ และเรียบเนียนขึ้น
เห็นผลยาวนาน – ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นาน 6 เดือน – 1 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิว
ไม่ต้องผ่าตัด – ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น หลังทำสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที
กระชับได้ลึก – พลังงานลงลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่ศัลยแพทย์ใช้ในการดึงหน้า
ปลอดภัย – ได้รับการรับรองจาก FDA สหรัฐฯ และมีงานวิจัยรองรับ
ข้อเสียของ Ultherapy Primeอาจรู้สึกเจ็บหรือระคายเคือง – แม้จะพัฒนาให้เจ็บน้อยลง แต่บางคนยังรู้สึกเจ็บหรือร้อนใต้ผิวขณะทำ
ราคาค่อนข้างสูง – ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นประมาณ 20,000 – 100,000 บาท ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำ
ผลลัพธ์ไม่ได้ถาวร – ต้องทำซ้ำทุก 1-2 ปีเพื่อรักษาผลลัพธ์
ไม่เหมาะกับผิวหย่อนคล้อยมาก – หากผิวหย่อนคล้อยมาก อาจต้องใช้วิธีอื่นร่วม เช่น การร้อยไหมหรือศัลยกรรม
สรุปUltherapy Prime เป็นนวัตกรรมยกกระชับผิวที่ปลอดภัย ไม่ต้องผ่าตัด และเห็นผลชัดเจน แต่มีราคาสูงและผลลัพธ์ไม่ถาวร หากต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและอยู่ได้นาน ควรดูแลสุขภาพผิวควบคู่กันไปด้วย เช่น ทาครีมบำรุง กินอาหารที่มีประโยชน์ และดื่มน้ำให้เพียงพอ Ultherapy Prime เหมาะกับคนที่ต้องการยกกระชับผิว ลดริ้วรอย และฟื้นฟูคอลลาเจนโดยไม่ต้องศัลยกรรม โดยเฉพาะคนที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป หรือเริ่มมีปัญหาผิวหย่อนคล้อยแบบไม่รุนแรงมาก
หากต้องการผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินสภาพผิวก่อนทำ
December 19, 2024
การจัดฝึกอบรมภายในส่งผลดีต่อองค์กรในด้านไหนบ้าง
การอบรมพนักงานที่พัฒนาขึ้นโดยองค์กร ผู้อบรมสามารถเป็นได้ทั้งบุคคลภายในหรือวิทยากรจากภายนอก โดยมีเป้าหมายเพื่อรักษามาตรฐานการทำงานและยกระดับความสามารถของบุคคลากรในองค์กร ซึ่งหลังจากการอบรมภายในองค์กรแล้วมักจะมีการทดสอบความเข้าใจและประเมินผลของพนักงาน
ข้อดีของการอบรมภายในองค์กร1.ช่วยทำให้องค์กรบรรลุเป้าหมายเป็นโอกาสให้องค์กรได้ออกแบบการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับเป้าหมายและปัญหาขององค์กรผ่านการพัฒนาพนักงาน
2.พัฒนาความรู้และศักยภาพของบุคลากรส่งเสริมให้พนักงานได้รับการพัฒนาทักษะ ความรู้ และศักยภาพที่ช่วยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
3.สร้างความสัมพันธ์ที่ดีเมื่อมีการอบรมบุคลากรจำนวนมาก หรือมีหลายๆ แผนกมารวมกัน กิจกรรมในการอบรมภายในองค์กร จะช่วยให้คนที่เข้าร่วมได้ลองแก้ปัญหา ทำภารกิจ และบรรลุเป้าหมายซึ่งเป็นผลดีกับความสัมพันธ์ และสร้างทักษะการสื่อสารที่ดีระหว่างบุคคลอีกด้วย
4.สามารถออกแบบได้ตรงโจทย์โดยให้แต่ละแผนก อาจมีความท้าทายและปัญหาที่แตกต่างกัน การทำ In-House Training จะช่วยให้สามารถออกแบบวิธีการอบรมเพิ่มทักษะที่มาแก้ไขปัญหานั้นได้เฉพาะเจาะจงหรือสร้าง Customized Solutions ได้ดียิ่งขึ้น เช่น มีปัญหาด้านการเพิ่มยอดขาย ก็สามารถเจาะจงลงไปที่ต้นตอเพื่อออกแบบการฝึกอบรมที่ช่วยได้ อย่างการพัฒนาทักษะการขาย หรือทักษะการสร้างระบบการขายให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
5.ช่วยเพิ่มทักษะการสื่อสารแน่นอนว่าระหว่างการอบรมพนักงาน ผู้เข้าร่วมจะได้มีโอกาสพัฒนากระบวนการทำงานระหว่างกัน และพัฒนาทักษะการสื่อสารให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นด้วย
สรุป
ทั้งนี้การอบรมภายในองค์กร เป็นอีกหนทางที่ช่วยเพิ่มพูนศักยภาพให้กับคนในองค์กร ท่ามกลางความท้าทายของโลกยุค AI Disruption ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด ผู้จัดการฝึกอบรมจึงต้องทำความเข้าใจกระบวนการและประโยชน์ของการทำการฝึกอบรมในช่วงนั้นๆ เพื่อเอาเนื้อหา สาระที่จำเป็น มาปรับใช้ในการฝึกอบรมให้เกิดประโยชน์สูงสุด
December 13, 2024
คอร์สเรียน wordpress เบื้องต้นสำหรับคนที่สนใจ
Content Management System หรือเรียกสั้นๆ ว่าเวิร์ดเพลส (WordPress) คือระบบจัดการเนื้อหา ที่ใช้สำหรับการสร้างและจัดการเว็บไซต์ต่างๆ มันเป็นหนึ่งในระบบจัดการเนื้อหาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก โดยมีคุณสมบัติที่ทั้งหลากหลายและยืดหยุ่น เหมาะกับการสร้างเว็บไซต์หลากหลายประเภท ตั้งแต่บล็อกส่วนตัว พอร์ตโฟลิโอ ไปจนถึงเว็บไซต์ขนาดใหญ่สำหรับธุรกิจและองค์กร
การติดตั้งและการตั้งค่าเบื้องต้นการเลือกโฮสติ้งและโดเมน
ก่อนอื่นคุณต้องเลือกผู้ให้บริการโฮสติ้งที่รองรับและจดทะเบียนโดเมนสำหรับเว็บไซต์ของคุณ เลือกโฮสติ้งที่มีความเสถียรและรองรับอย่างเต็มที่ เช่น SiteGround หรือ WP Engine ซึ่งมีคุณสมบัติสำหรับเวิร์ดเพลส
การติดตั้งเวิร์ดเพลส
หลายโฮสติ้งให้บริการการติดตั้งอัตโนมัติ ถ้าโฮสต์ของคุณมีบริการนี้ มันจะทำให้กระบวนการติดตั้งง่ายและรวดเร็วมาก ถ้าไม่มีคุณอาจต้องติดตั้งด้วยมือ โดยดาวน์โหลดไฟล์จากเว็บไซต์ WordPress.org และอัปโหลดไปยังเซิร์ฟเวอร์ของคุณผ่าน FTP
ตั้งค่าพื้นฐานการตั้งค่าเว็บไซต์: รวมถึงชื่อเว็บไซต์ และคำอธิบายสั้นๆตั้งค่าเวลาและภาษา: ให้เลือกโซนเวลาที่เหมาะสมและภาษาที่ต้องการสำหรับเว็บไซต์ของคุณการจัดการผู้ใช้: สร้างบัญชีผู้ใช้สำหรับการเข้าถึงและการจัดการเว็บไซต์
เลือกธีมและปลั๊กอิน
เลือกธีมที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ของเว็บไซต์ของคุณ และติดตั้งปลั๊กอินที่จำเป็นเพื่อเพิ่มฟังก์ชั่นที่ต้องการให้กับเว็บไซต์
ข้อสรุป
การติดตั้งและตั้งค่าเบื้องต้นเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญในการสร้างเว็บไซต์ด้วย WordPress ซึ่งจะช่วยให้คุณมีพื้นฐานที่ดีในการเริ่มต้นสร้างเว็บไซต์ตามความต้องการของคุณ สนใจเรียน wordpress สามารถสอบถามข้อมูลได้พิ่มเติมที่ Teamdigital
December 9, 2024
คอร์สอบรมภายในองค์กรกุญแจสำคัญต่อการเติบโตของธุรกิจ
การอบรมภายในองค์กรเกี่ยวกับการพัฒนาทักษะวิชาชีพมีจุดมุ่งหมายเพื่อเสริมสร้างความสามารถของพนักงานในด้านที่สำคัญต่อการทำงานและการประสบความสำเร็จในอาชีพของตน การอบรมดังกล่าวช่วยให้พนักงานสามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดและความท้าทายในองค์กรได้ดียิ่งขึ้น โดยมีการฝึกอบรมในหลายด้านที่เป็นกุญแจสำคัญต่อการเติบโตของทั้งบุคคลและองค์กร
คอร์สอบรมภายในองค์กรกุญแจสำคัญต่อการเติบโตของธุรกิจทักษะการสื่อสาร
การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งจำเป็นในการทำงานร่วมกับผู้อื่น และเป็นพื้นฐานของความสัมพันธ์ที่ดีในองค์กร การอบรมนี้มุ่งเน้นทั้งการสื่อสารปากเปล่าและการเขียน เพื่อให้สามารถแสดงความคิดเห็นและข้อมูลได้อย่างชัดเจนและมีประสิทธิภาพ
การจัดการเวลาและการจัดลำดับความสำคัญ
ทักษะเหล่านี้ช่วยให้พนักงานสามารถจัดการกับภาระงานได้มีประสิทธิผล รวมถึงเทคนิคต่างๆ เช่น การใช้ตารางเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ การตั้งความสำคัญของงาน
การแก้ไขปัญหา
การมีทักษะในการระบุและแก้ไขปัญหาอย่างสร้างสรรค์เป็นสิ่งสำคัญที่พนักงานทุกคนควรมี
การทำงานเป็นทีม
การเรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างมีประสิทธิผลไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มผลผลิตของทีม แต่ยังช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการเติบโตและนวัตกรรม
ข้อสรุปสำคัญ
การอบรมทักษะวิชาชีพหรืออบรมภายในองค์กรไม่จำเป็นต้องจัดขึ้นเพียงในรูปแบบของการสัมมนาหรือการเรียนในชั้นเรียนเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เช่น การเรียนรู้ผ่านวิดีโอออนไลน์ หรือแพลตฟอร์ม e-learning ที่ให้ความยืดหยุ่นในการเรียนรู้ได้ตลอดเวลาและทุกที่ ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับองค์กรที่ต้องการให้พนักงานพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง
November 27, 2024
แคลเซียมเสริมกระดูกเป็นตัวช่วยที่สำคัญสำหรับกระดูก
เนื่องจากว่าแคลเซียมนั้นเป็นแร่ธาตุที่สำคัญที่มีบทบาทในร่างกาย โดยเฉพาะในการเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกและฟัน การได้รับแคลเซียมจากอาหารเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอในบางวัยหรือบางคน เช่น วัยผู้สูงอายุ หรือ หญิงตั้งครรภ์ และผู้ที่เสียงต่อภาวะกระดูกพรุน แคลเซียมเสริมกระดูกจึงกลายมาเป็นทางเลือกที่ช่วยให้ร่างกายได้รับแคลเซียมในปริมาณที่เหมาะสม
แคลเซียมเสริมกระดูกประเภทไหนที่เหมาะกับคุณ ? แคลเซียมคาร์บอเนต (Calcium Carbonate)เหมาะสำหรับคนทั่วไป ที่ไม่มีปัญหาด้านการย่อยอาหาร และผู้ที่ต้องการแคลเซียมสูงต่อเม็ดแคลเซียมคาร์บอเนต มีปริมาณแคลเซียมสูงที่สุดในบรรดาผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแคลเซียมอาจทำให้เกิดการท้องอืดหรือท้องผูกในบางคนแคลเซียมซิเทรต (Calcium Citrate)เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่มีกรดในกระเพาะต่ำ และมีปัญหาด้านการย่อย เช่น กรดไหลย้อนแคลเซียมซิเทรตสามารถดูดซึมได้ดี แม้รับประทานอาหารขณะที่ท้องว่างมีความอ่อนโยนต่อระบบทางเดินอาหารมีปริมาณแคลเซียมต่อเม็ดต่ำกว่าคาร์บอเนต อาจจะต้องรับประทานหลายเม็ดแคลเซียมแลคเตท (Calcium Lactate)เหมาะสำหรับผู้ที่มีระบบทางเดินอาหารบอบบาง และผู้ที่มีอาการแพ้แคลเซียมคาร์บอเนตดูดซึมได้ง่ายและอ่อนโยนต่อกระเพาะอาหารหาซื้อได้ยากกว่าแคลเซียมชนิดอื่นๆแคลเซียมฟอสเฟต (Calcium Phosphate)เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมฟอสฟอรัสไปพร้อมกับแคลเซียม หรือผู้ที่มีภาวะกระดูกเปราะหรือกระดูกพรุนดูดซึมได้ดี มีฟอสฟอรัสผสมอยู่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกระดูกและฟันไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะไตผิดปกติแคลเซียมกลูโคเนต (Calcium Gluconate)เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะขาดแคลเซียมอย่างรุนแรง และเหทาะสำหรับใช้ในสถานพยาบาลเป็นหลักมีปริมาณแคลเซียมต่ำ แต่ดูดซึมได้ง่าย และนิยมใช้ในรูปแบบฉีดสำหรับผู้ป่วยที่ขาดแคลเซียมรุนแรงไม่ใช่ทางเลือกสำหรับการเสริมแคลเซียมในคนทั่วไป
ประโยชน์ของแคลเซียมเสริมกระดูกเสริมสร้างกระดูกและฟัน แคลเซียมช่วยเพิ่มความหนาแน่นของกระดูก ลดความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนลดความเสี่ยงกระดูกหัก เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหากระดูกเปราะหรือมีโรคกระดูกพรุนส่งเสริมการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ แคลเซียมช่วยควบคุมการหดตัวของกล้ามเนื้อและการส่งสัญญาณของระบบประสาทช่วยในกระบวนการแข็งตัวของเลือด มีบทบาทสำคัญในการทำงานของเอนไซม์ในกระบวนการนี้
ข้อสรุป
แคลเซียมเสริมกระดูกเป็นตัวช่วยที่ดีในการรักษาและเสริมสร้างกระดูกในทุกช่วงวัย โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงต่อภาวะกระดูกพรุนหรือกระดูกเปราะ การรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมและเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสามารถช่วยเสริมสุขภาพกระดูกได้อย่างยั่งยืน ควบคู่กับการดูแลสุขภาพโดยรวมและการออกกำลังกายอย่างเหมาะสม
November 26, 2024
อาการมือเท้าชา ขาดวิตามินอะไรพร้อมวิธีป้องกัน
มือเท้าชา ขาดวิตามินอะไร ? มือชาหรือเท้าชาเป็นอาการที่อาจดูไม่รุนแรงแต่บางครั้งอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่มีความจำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบจากแพทย์ หัวข้อที่น่าสนใจเกี่ยวกับอาการนี้ ได้แก่:
ความรุนแรงของมือชาหรือเท้าชา
พิจารณาว่าอาการชาเป็นเพียงชั่วคราวหรือถาวร และหากมันเกิดขึ้นบ่อยแค่ไหน หากอาการชานี้มีความถี่สูงและร่วมกับอาการอื่นๆ เช่น อ่อนแรง การเปลี่ยนแปลงของการเดิน หรือความเจ็บปวด อาจบ่งบอกถึงสภาวะทางการแพทย์ที่จำเป็นต้องได้รับการรักษา
มือเท้าชา ขาดวิตามินอะไร วิตามิน B12: ช่วยในการรักษาเซลล์ประสาทและเม็ดเลือดแดงวิตามิน B1 (ไทอามีน): สำคัญต่อการเผาผลาญและการใช้พลังงานของเซลล์ประสาทวิตามิน B6: จำเป็นสำหรับการสร้างสารสื่อประสาทและเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับเซลล์ประสาทวิตามิน E: มีบทบาทในการปกป้องเซลล์ประสาทจากความเสียหายของอนุมูลอิสระ
การประเมินสาเหตุอื่นๆ นอกเหนือจากการขาดวิตามิน
อาการมือชาหรือเท้าชาอาจเกิดจากการบาดเจ็บที่เส้นประสาท โรคเบาหวาน การเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาเนื่องจากความดันจากท่านอนหรือท่านั่ง หรือการแข็งตัวของหลอดเลือด
การจัดการและการรักษามือเท้าชา ขาดวิตามินอะไร
ทบทวนวิธีการจัดการและรักษาที่สามารถใช้เพื่อบรรเทาอาการชา รวมถึงการปรับเปลี่ยนสไตล์การใช้ชีวิต เช่น การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การรับประทานอาหารที่สมดุล และการหลีกเลี่ยงการนั่งหรือยืนเป็นเวลานาน
ข้อสรุปสำคัญ
การเข้าใจถึงสาเหตุว่ามือเท้าชา ขาดวิตามินอะไร ทำให้เราสามารถรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างถูกวิธี การปรับเปลี่ยนสไตล์การใช้ชีวิต เช่น การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การรับประทานอาหารที่สมดุล เป็นการป้องกันที่ดีที่สุด และหากมีอาการผิดปกติควรเข้ารับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาตรวจและทำการรักษา
November 22, 2024
วัยทองคืออะไร เกิดกับใครได้บ้าง
วัยทอง คือ ผู้หญิงและผู้ชายที่มีวัยอายุในช่วง 40-59 ปี ซึ่งจะอยุ่ในระหว่างวัยเจริญพันธุ์และวัยผู้สูงอายุ ช่วงวัยนี้จะเป็นวัยที่ฮอร์โมนเพศลดน้อยลงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย มีโอกาสในการเสี่ยงเรื่องบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคกระดูกพรุน
ผู้ชายสามารถเป็นวัยทองได้หรือไม่ ?
วัยทองในผู้ชายสามารถเกิดขึ้นได้ แต่จะไม่ชัดเจนเท่ากับผู้หญิง โดยในผู้ชายวัยทองเกิดจากการลดลงของฮอร์โมนเพศชาย เทสโทสเตอโรน (Testosterone) ซึ่งมักเกิดขึ้นในช่วงอายุประมาณ 40-60 ปี
และสาเหตุการเกิดวัยทองในผู้ชาย เกิดมาจากสาเหตุการสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ ความเครียดสะสม หรือมีโรคประจำตัว อย่างโรคเบาหวาน โรคหัวใจ
อาการวัยทองของผู้หญิงและผู้ชายมีความแตกต่างกันอย่างไร ?
อาการวัยทองในผู้หญิงและผู้ชายมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน เนื่องจากว่าวัยทองในผู้หญิงจะมีการหยุดทำงานของรังไข่ ทำให้ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) และโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ลดลงอย่างรวดเร็ว เป็นเหตุให้ประจำเดือนหยุดถาวร ส่วนวัยทองในผู้ชายนั้น เกิดจากการลดลงของฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) ซึ่งลดลงทีละน้อยและต่อเนื่องตามอายุ โดยไม่มีการหยุดผลิตอย่างฉับพลันเหมือนในผู้หญิง
อาการวัยทองและความเสี่ยงในระยะยาว ช่องคลอดแห้ง เกิดจากการอักเสบของช่องคลอด มีอาการแสบและเจ็บในช่องคลอดการเปลี่ยนแปลงของระบบประสาทส่วนกลาง การตอบสนองต่อกระตุ้นลดลง การเคลื่อนไหวช้าลง ความทรงจำเสื่อมถอยลงโรคหัวใจและโรคหลอดเลือด เมื่อระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง ความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจนนั้นช่วยลดไขมันไม่ดีในเลือดได้ ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่จะต้องดูแลตนเองโดยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทานอาหารที่ประโยชน์ รักษาน้ำหนักตัวให้เปป็นปกติโรคกระดูกพรุน การที่ร่างกายขาดฮอร์โมนเอสโตรเจนนั้นจะทำให้กระดูกเปราะบาง เนื่องจากมีการสูญเสียความหนาแน่นของกระดูก ส่งผลให้มีความเสี่ยงที่กระดูกจะหักง่ายขึ้น โดยเฉพาะกระดูกสันหลัง สะโพก และข้อมือภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ เนื่องจากเนื้อเยื่อของช่องคลอดและท่อปัสสาวะสูญเสียความยืดหยุ่น บาครั้งมีอาการปัสสาวะบ่อย รวมถึงการเพิ่มโอกาสติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะมากขึ้นน้ำหนักเพิ่มขึ้น เนื่องจากระบบเผาผลาญทำงานน้อยลง
การดูแลตัวเองในช่วงวัยทองควรดูแลตัวเองอย่างไร ควรดูแลสุขภาพและร่างกายด้านอาหารและโภชนาการด้านการออกกำลังกายด้านการนอนหลับ
การดูแลสุขภาพจิตใจการจัดการกับอารมณ์แปรปรวนการทำกิจกรรมผ่อนคลายการฝึกสติและสมาธิ
การดุแลสุขภาพฮอรืโมนการบำบัดด้วยฮอร์โมนสมุนไพรธรรมชาติ
การตรวจสุขภาพเป็นประจำตรวจความหนาแน่นของมวลกระดูกตรวจคอเลสเตอรอลและระดับน้ำตาลในเลือดตรวจคัดกรองมะเร็ง เช่น มะเร็งเต้านมและมะเร็งปากมดลูก
การมีเครือข่ายสังคมใช้เวลากับครอบครัวและเพื่อนเข้าร่วมกิจกรรมในชุมชน เช่น ชมรมออกกำลังกาย หรือกลุ่มงานอดิเรก
ข้อสรุป
วัยทองเป็นช่วงชีวิตที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายของผู้หญิงเข้าสู่ภาวะหมดประจำเดือน อันเนื่องมาจากการลดลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน โดยปกติจะเกิดในช่วงอายุ 45-55 ปี ซึ่งมีผลกระทบทั้งทางร่างกายและจิตใจ
November 19, 2024
ทานอาหารเสริมแคลเซียมบำรุงกระดูกมากเกินไปอันตรายไหม
แคลเซียมถือเป็นหนึ่งในแร่ธาตุที่มีความสำคัญมากต่อร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการสร้างและรักษากระดูกให้แข็งแรง การได้รับแคลเซียมเพียงพอจึงมีบทบาทสำคัญในการป้องกันและบำบัดโรคกระดูกพรุน ซึ่งเป็นภาวะที่กระดูกมีความหนาแน่นต่ำ และเสี่ยงต่อการหักง่าย
แหล่งที่มาของแคลเซียมบำรุงกระดูกจากธรรมชาติ
แคลเซียมสามารถพบได้ในหลายแหล่งอาหาร โดยทั่วไปแล้ว นมและผลิตภัณฑ์จากนมเช่น โยเกิร์ต และชีส ถือเป็นแหล่งแคลเซียมที่ดีที่สุด นอกจากนี้ ผักใบเขียวเช่น คะน้า และบร็อคโคลี่ รวมถึงปลาที่กินได้พร้อมกระดูก เช่น ปลาซาร์ดีน ก็เป็นแหล่งแคลเซียมที่ดีเช่นกัน
ปริมาณแคลเซียมบำรุงกระดูกที่แนะนำ
ปริมาณแคลเซียมที่แนะนำในแต่ละวันขึ้นอยู่กับอายุ และเพศ โดยทั่วไป ผู้ใหญ่ต้องการแคลเซียมประมาณ 1,000 – 1,200 มิลลิกรัม/วัน ผู้สูงอายุอาจต้องการแคลเซียมมากขึ้นเพื่อช่วยลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน
ผลข้างเคียงของแคลเซียมบำรุงกระดูกหากทานมากเกินไตตกค้าง (Hypercalcemia) – การมีระดับแคลเซียมในเลือดสูงเกินไปสามารถนำไปสู่ภาวะไตตกค้าง ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น ความรู้สึกเหนื่อยล้า ปัญหาทางเดินอาหาร (อาเจียน คลื่นไส้ ท้องผูก) การเกิดปัญหาที่ไต และการเกิดนิ่วในไตปัญหาทางเดินอาหาร – การรับประทานแคลเซียมเสริมในปริมาณมากอาจนำไปสู่ปัญหาทางเดินอาหาร เช่น ท้องผูก อาการแน่นท้อง และท้องเฟ้อผลกระทบต่อการดูดซึมของแร่ธาตุอื่นๆ – แคลเซียมในปริมาณสูงอาจแข่งขันกับแร่ธาตุอื่นๆ เช่น เหล็ก และสังกะสี ในการดูดซึมซึ่งอาจทำให้เกิดการขาดแร่ธาตุเหล่านี้เพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจ – การรับประทานแคลเซียมเสริมในปริมาณมากอาจเพิ่มความเสี่ยงของภาวะหัวใจบางอย่าง เช่น ภาวะหัวใจล้มเหลว โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีปริมาณวิตามินดีที่สูงเกินไปอาการปวดกระดูก – แคลเซียมในปริมาณมากอาจนำไปสู่ความผิดปกติของกระดูก เช่น การเจ็บปวดหรืออ่อนแอของกระดูกปัญหาทางจิตใจ – ภาวะไตตกค้างสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิต เช่น การเปลี่ยนแปลงอารมณ์ ความสับสน หรือการมีอาการซึมเศร้า
ข้อสรุป
แคลเซียมบำรุงกระดูกนั้นมีข้อดีมากมาย แต่หากทานในปริมาณที่มากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้การตระหนักถึงผลข้างเคียงเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถใช้แคลเซียมได้อย่างปลอดภัย และเกิดผลดีมากกว่าผลเสีย
November 18, 2024
ประโยชน์ของแคลเซียมที่ควรรู้ เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง
แคลเซียมเป็นแร่ธาตุที่มีความสำคัญอย่างมากต่อร่างกาย มีอยู่ในกระดูกและฟันถึง 99% ส่วนที่เหลือจะอยู่ในเลือด กล้ามเนื้อ และเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกาย โดยแคลเซียมเป็นแร่ธาตุที่ไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ จำเป็นต้องได้รับจากอาหารหรืออาหารเสริมเพื่อรักษาระดับแคลเซียมในร่างกายให้เพียงพอ
ประโยชน์ของแคลเซียมที่มีผลต่อสุขภาพเสริมสร้างกระดูกและฟันแคลเซียมช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับกระดูกและฟัน เป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนากระดูกในวัยเด็ก รวมทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุนในผู้สูงอายุ โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีความเสี่ยงสูงในการเกิดโรคกระดูกพรุน
การทำงานของกล้ามเนื้อและระบบประสาทแคลเซียมมีบทบาทสำคัญในการทำงานของกล้ามเนื้อและระบบประสาท โดยช่วยส่งสัญญาณประสาท และช่วยในดรื่องการหดตัวและคลายตัวของกล้ามเนื้อ การขาดแคลเซียมอาจทำให้เกิดอาการกล้ามเนื้อกระตุกและปวดได้
ช่วยในการแข็งตัวของเลือดเมื่อเกิดบาดแผล ร่างกายต้องการแคลเซียมในการสร้างโปรตีนชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “ไฟบริน” เพื่อช่วยในการแข็งตัวของเลือด ซึ่งจะช่วยให้บาดแผลหายเร็วขึ้น และป้องกันการเสียเลือดมากเกินไป
ควบคุมการทำงานของหัวใจแคลเซียมมีบทบาทสำคัญในการควบคุมการเต้นของหัวใจ ช่วยให้หัวใจเต้นเป็นปกติและมีจังหวะที่สม่ำเสมอ การขาดแคลเซียมในระยะยาวอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ
แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียมนมและผลิตภัณฑ์จากนม เช่น โยเกิร์ตและชีสผักใบเขียว เช่น คะน้า บล็อกโคลี และปวยเล้งปลา เช่น ปลาแซลมอนและปลาซาร์ดีนที่มีเนื้อและกระดูกอ่อนธัญพืชและเมล็ดพืช เช่น งา เมล็ดทานตะวันและอัลมอนด์ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงขาดแคลเซียม
ข้อควรระวังเกี่ยวกับการทานแคลเซียม
แม้ว่าแคลเซียมจะมีประโยชน์มากมาย แต่การบริโภคในปริมาณที่มากเกินไปอาจทำให้เกิดภาวะแคลเซียมเกิน ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคนิ่วในไตหรือทำให้เลือดมีความหนืดเกินไป ดังนั้นจึงควรบริโภคแคลเซียมในปริมาณที่เหมาะสม
แคลเซียมปริมาณเท่าไหร่ ถึงจะเพียงพอต่อร่างกายวัยเด็กเล็ก ช่วงอายุ 1 – 8 ปี ควรได้รับแคลเซียม ( 700 – 1,000 ) มิลลิกรัม/วันวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ ช่วงอายุ 9 – 50 ปี ควรได้รับแคลเซียม ( 1,000 – 1,300 ) มิลลิกรัม/วันช่วงวัยสูงอายุ 50 ปีขึ้นไป ควรได้รับแคลเซียม ( 1,200 – 1,300 ) มิลลิกรัม/วันข้อสรุปแคลเซียมเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อสุขภาพ โดยเฉพาะกระดูก ฟัน กล้ามเนื้อ และระบบประสาท การดูแลร่างกายให้ได้รับแคลเซียมเพียงพอจะช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนและลดความเสี่ยงของปัญหาสุขภาพด้านอื่น ๆ ได้อีกด้วย
November 15, 2024
ใครไม่อยากเป็นตะคริวบ่อยเชิญทางนี้เรามีเคล็ดลับมาบอก
สำหรับใครที่เป็นตะคริวบ่อยแล้วสงสัยว่าเกิดจากอะไร อธิบายง่ายๆ เลยก็คือว่าเกิดจากกล้ามเนื้อทำงานหนักมากเกินไป เช่น ออกกำลังกายหนัก มีการทำงานหรือทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรงขาหนักมาก กล้ามเนื้อขาดความยืดหยุ่น มีการหดเกร็งของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น มีภาวะหลอดเลือดแดงแข็งหรือหลอดเลือดตีบตัน ทำให้การไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อทำได้ไม่ดี
ไม่อยากเป็นตะคริวบ่อยทำตามขั้นตอนดังนี้การดื่มน้ำเพียงพอ
การรักษาระดับน้ำในร่างกายให้เหมาะสมสามารถช่วยป้องกันไม่ให้เป็นตะคริวบ่อยได้ เพราะการขาดน้ำเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดตะคริว ควรดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมอทั้งวัน และเพิ่มปริมาณการดื่มหากออกกำลังกายหรืออยู่ในสภาพอากาศร้อน
เสริมแร่ธาตุ
แมกนีเซียม และโปแตสเซียม มีบทบาทสำคัญในการหดตัวของกล้ามเนื้อ การบริโภคอาหารที่มีแร่ธาตุเหล่านี้อย่างเพียงพอ เช่น กล้วย อะโวคาโด ถั่ว ผักใบเขียว และเมล็ดธัญพืช อาจช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดตะคริว
การยืดเส้นยืดสายอย่างสม่ำเสมอ
การยืดกล้ามเนื้อเป็นประจำสามารถช่วยป้องกันไม่ให้เป็นตะคริวบ่อยได้ โดยเฉพาะกับกลุ่มกล้ามเนื้อที่ใช้งานบ่อยหรือมีแนวโน้มที่จะเป็นตะคริว เช่น กล้ามเนื้อน่องหรือส่วนล่างของขา
การอบอุ่นกล้ามเนื้อก่อนการออกกำลังกาย
ก่อนทำกิจกรรมที่รุนแรงหรือออกกำลังกาย ควรทำการอบอุ่นกล้ามเนื้อเพื่อเตรียมพร้อมกล้ามเนื้อและลดความเสี่ยงของการเกิดตะคริว
การปรับเปลี่ยนกิจวัตรประจำวัน
หากคุณต้องนั่งหรือยืนนานๆ ควรเปลี่ยนท่าทางบ่อยๆ และพยายามเดินเปลี่ยนท่าเป็นระยะเพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในกล้ามเนื้อ
ปรับสภาพแวดล้อม
ให้แน่ใจว่าที่นอนและเตียงนอนของคุณสามารถสนับสนุนร่างกายได้ดี หลีกเลี่ยงการนอนหรือนั่งในท่าที่ทำให้กล้ามเนื้อตึงเครียดเป็นเวลานาน
ข้อสรุปสำคัญ
การปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอสามารถช่วยลดความถี่ไม่ให้เป็นตะคริวบ่อยได้และช่วยลดความรุนแรงของตะคริวที่เกิดขึ้นได้ ใครที่กำลังเจอปัญหาเป็นตะคริวบ่อยและรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจสอบสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม


