Sức Mạnh Của Sự Cô Đơn

by 午堂 登紀雄, An Lạc Group (Translator)

Chúng ta đang ở trong thời đại bùng nổ của các mối quan hệ xã hội, hối hả chạy theo cuộc sống quay cuồng. Chúng ta sợ hãi cảm giác trống trải vào khoảnh khắc cánh cửa sập lại, và càng lo sợ chỉ một giây sau sẽ lỗi nhịp với thế giới này.

Thế nhưng, tất cả mọi cột mốc trưởng thành, tất cả mọi nhận thức sâu sắc về cuộc sống, lại chỉ có được từ trong cô đơn và phản tỉnh. Cho nên, hãy biến cô đơn thành sức mạnh trưởng thành.

Nếu gặp phải khó khăn trắc trở, bạn cũng sẽ tự tin rằng, bạn có thể tự mình giải quyết. Thậm chí dù bị ghét hay bị tẩy chay, bạn cũng chẳng buồn bận tâm: “Với mình, chuyện quan trọng nhất chính là sống tốt với bản thân”. Tín niệm này càng mạnh mẽ, càng chứng tỏ được mức độ chín chắn của một con người. Khái niệm cô đơn được nói đến trong cuốn sách này, hoàn toàn không phải là chủ động né tránh tiếp xúc xã hội, hay bị người khác tẩy chay và coi thường, mà là lựa chọn con đường bản thân mình tin tưởng, là một khái niệm tương tự như “độc lập”.

Năng lực sống cô đơn là một thái độ sống, trong đó bên cạnh việc xây dựng các mối quan hệ xã hội, vẫn luôn đặt ý chí của bản thân vào vị trí trung tâm, tích cực gánh vác trách nhiệm của chính mình. Khi đã tạo dựng được cho mình thái độ sống này, thì cho dù ở với ai hay chỉ có một mình, bạn đều có thể tận hưởng cuộc sống. Cho dù có ở trong trạng thái cô độc vật lí, tức sống một mình thực sự, bạn cũng sẽ không cảm thấy cô đơn.

Một ấn phẩm của WINGS BOOKS - Thương hiệu sách trẻ của NXB Kim Đồng.

Genres: Self Help, How To

232 pages, Paperback

Published May 21, 2021

About the author

English: Tokio Godō

Reviews

[Nam · Rating 1 out of 5]

อ่านไม่จบ เพราะไม่ชอบสิ่งที่หนังสือจะสื่อเท่าไหร่ หนังสือมีทั้งส่วนที่ดีมาก ๆ ที่เราเห็นด้วยและคิดว่ามันมีประโยชน์ และก็มีทั้งส่วนที่เราไม่ชอบ คนเขียนกับเรามีความคิดที่ต่างกันไปหน่อย เราเลยจะชอบแย้งเนื้อหาในหนังสือตลอด และในที่สุดเราก็เอาเนื้อหาในหนังสือเข้าหัวไม่ได้เลยเลิกอ่านในที่สุด 😞

[takkokkok · Rating 2 out of 5]

เป็นหนังสือที่จำนวนหน้าไม่ได้เยอะ แต่ใช้เวลาอ่านนานมาก เพราะรู้สึกขัดแย้งกับผู้เขียนบ่อยครั้ง บางส่วนของหนังสือก็ดีที่ชี้ให้เห็นถึงการทำอะไรคนเดียวแบบนักวิทยาศาสตร์หรือบุคคลสำคัญต่างๆ ของโลกที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เกิดขึ้นได้จากตอนอยู่กับตัวเอง

แต่บางมุมของหนังสือ เหมือนชี้นำให้ปลีกวิเวก ไม่ต้องเห็นความสำคัญของการเข้าสังคม และเหมือนชี้ว่า การเข้าสังคมหรือการพยายามมีเพื่อนมากๆ คือการกระทำของคนที่อยู่คนเดียวไม่ได้ คล้ายกับเหน็บแนมว่าคิดผิด

ซึ่งเรามีความคิดเห็นแตกต่างจากผู้เขียน จะเลิกอ่านหลายรอบแต่ก็พยายามอ่านจนจบว่าเรื่องราวจะเปลี่ยนไหม แต่สุดท้าย ไม่ได้จบแบบที่ให้ mood แตกต่างจากต้น หนังสือเล่มนี้เลยไม่เหมาะกับเราเท่าไหร่ค่ะ😅

[Wanvvann · Rating 2 out of 5]

เล่มนี้ยืมมาจากห้องสมุดค่ะ ตอนแรกอยากอ่านมากแต่ลองยืมมาอ่านก่อนจะซื้อเก็บไว้ พออ่านไปได้ไม่กี่หน้าเรารู้สึกว่าผู้เขียนพยายามเหน็บคนที่ไม่กล้าทำอะไรคนเดียวเยอะไปหน่อยค่ะ เราเลยอ่านไม่จบ เนื้อหาบางจุดก็โอเคนะคะเข้าใจได้ แต่รู้สึกไม่ชอบสิ่งที่นักเขียนสื่อออกมาเพราะเหน็บมากไปค่ะ อ่านแล้วเถียงนักเขียนตลอด

[Piyachat · Rating 5 out of 5]

เนื้อหาน่าสนใจ ทำให้เราได้เห็นมุมมองใหม่ๆ ทำให้ไม่รู้สึกว่าการอยู่คนเดียวเป็นเรื่องที่ไม่ดี แต่ยังมีประโยชน์อีกตะหาก

ซึ่งสิ่งที่ผู้เขียนจะสื่อก็คือ การอยู่คนเดียวจะทำให้เรามีเวลาสะท้อนตัวตน มีเวลาคุยกับตัวเองมากขึ้น พอเราเข้าใจตัวเอง เราก็จะมีความสุขมากขึ้น รวมถึงใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมีความสุข

[May Waivitlikit · Rating 5 out of 5]

หนังสืออ่านง่ายเหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาอ่านมากนัก ด้วยความหนาเพียง 202 หน้า แถมผู้เขียนแบ่งเนื้อหาออกเป็น 6 บทตามเนื้อหาชัดเจน หากมีเวลาว่างสามารถอ่านจบได้ภายในวันเดียว

เนื้อหาของหนังสือจะเน้นที่ความสำคัญของการเลิกปฏิเสธความรู้สึกของตัวเองและกล้ายอมรับในความรู้สึกที่แท้จริงของเรา การทำเช่นนี้เราจะสามารถเป็นตัวของตัวเองได้ และไม่ต้องคอยปกปิดข้อด้อยของตัวเอง อีกทั้งยังทำให้สเน่ห์ในตัวเราก็จะมากขึ้นตามไปด้วย ผู้คนที่ยินดีหรือยอมรับในตัวตนของเราจะถูกดึงดูดเข้ามา และผลักคนที่ไม่ยอมรับในตัวเราออกไป ส่งผลให้เราอยู่ในสังคมที่ดีต่อตัวเราเอง

ผู้เขียนแนะว่าการที่จะสามารถเป็นตัวของตัวเองและยอมรับตัวเองได้ เราต้องเชื่อมั่นในความคิดและความรู้สึกของตัวเองให้มากและเลิกใส่ใจกับค่านิยมของคนอื่นหรือแม้แต่มาตรฐานของสังคม เพราะการใส่ใจมากเกินไปจะทำให้เราห่วงแต่ผลจากการประเมิณของคนรอบข้างและทำอะไรที่ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการจริงๆ จนสุดท้ายจะทำให้สุขภาพจิตของเราแย่ลงและสูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง คนที่เลิกใส่ใจได้จะมีสุขภาพจิตและชีวิตที่ดี

นอกจากนั้นผู้เขียนยังแนะนำให้เราทำอะไรด้วยตัวเอง โดยการที่เราทำอะไรด้วยตัวเองและรับผิดชอบต่อทุกการกระทำของเราจะทำให้เราเป็นอิสระจากผู้อื่น และยังทำให้เราไม่ต้องพึ่งพาคนอื่นอยู่ตลอดเวลา ส่งผลให้เราไม่โทษคนอื่นหากเกิดข้อผิดพลาดทำให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้างมากขึ้นอีกด้วย

ส่วนตัวชอบหนังสือเล่มนี้มาก เป็นหนึ่งในหนังสือที่คิดว่าจะกลับมาอ่านอีก เพราะผู้เขียนแบ่งเนื้อหาออกมาได้ดีและผู้แปลใช้ภาษาที่อ่านง่าย ใช้เวลาอ่านไม่นานแถมด้วยภาษาที่ผู้แปลใช้ยังทำให้อ่านไหลลื่นอ่านไปได้เรื่อยๆ เนื้อหาในหนังสือก็จัดเต็มทั้งแนวคิดและวิธีการในการที่เราจะสามารถเป็นตัวของตัวเองที่แท้จริงได้ ทั้งหมดทั้งมวลก็เพื่อให้เราค้นพบความสุขภายในตัวเราเอง

[Nu Pbkp · Rating 2 out of 5]

ถ้าให้ถามว่าได้อะไรจากหนังสือเล่มนี้?

การปลอบประโลมจิตใจผู้อ่าน?

ช่วยพัฒนาตนเอง?

ไม่มี ไม่มีเลย

หนังสือเล่มนี้ เมื่อได้อ่านคำนำที่ผู้เขียนบอกว่า ไม่ได้สนับสนุนให้อยู่คนเดียวอย่างโดดเดี่ยว แต่อยากให้ผู้คนลองใช้ชีวิตคนเดียวบ้าง ซึ่งคำนำนี้ เราค่อนข้างที่จะเห็นด้วย อย่างไรก็ตาม หนังสือเล่มนี้มีเนื้อหาที่ “bias”เยอะพอสมควร และมีความคิดที่สุดโต่ง ผู้เขียนสนับสนุนให้อยู่คนเดียวมากเกินไป และเหน็บคนที่อยู่คนเดียวไม่ได้ คนที่ต้องอยู่กับคนอื่นตลอดเวลามีแต่ข้อเสีย ซึ่งเป็นความคิดของผู้เขียนล้วนๆ ไม่มีหลักฐานอะไรมาประกอบเลย นอกจากนี้ ยังยกตัวอย่างเรื่องตัวเอง มากเกินไป เป็นหนังสือฮาวทูที่ไม่ให้ประโยชน์แก่ผู้อ่านซักเท่าไหร่ โดยเฉพาะการบอกว่าความรู้สึกบางอย่าง คือความอ่อนแอ นอกจากนี้ส่วนตัวยังรู้สึกว่าผู้เขียนเหน็บผู้อ่านด้วย ถ้าผู้อ่านมีคุณลักษณะที่คล้ายกับสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อว่าคือความอ่อนแอ

พูดจากใจจริงพยายามฝืนอ่านเพราะเห็นคนรีวิวว่าดีเยอะจนมาถึงหน้าที่ 90 เราวางหนังสือเลย อะไรคือพูดถึงนักการเมืองทั้งๆที่หัวข้อบทที่ 15 คือ เลิก”ให้ความสำคัญกับสามัญสำนึก”? คนเขียนนึกอยากจะเขียนอะไรก็เขียน หัวข้อแรนด้อมมาก อ่านไม่รู้เรื่อง และเราก็ไม่เห็นด้วยกับประโยค “นักการเมืองมีความสามารถในการบริหารบ้านเมืองก็พอ” วางเลยค่ะ พอแล้ว ไม่อยากเสียเวลาไปกับหนังสือเล่มที่ไม่ให้ประโยชน์อะไรเรามากไปกว่านี้ ใครที่อ่านแล้วเห็นด้วย ได้ประโยชน์ก็ดีใจด้วยค่ะ ส่วนตัวเราขอเท

(ให้2ดาวเพราะเห็นด้วยบางส่วนเท่านั้นซึ่งเป็นส่วนน้อย)

[Dania Cheaha · Rating 3 out of 5]

อืมยังไงดี จะว่าไปหนังสือเล่มนี้เหมือนกับพูดเเทนตัวเราเองเลย หรือเหมือนกับเขียนเรื่องราวของตัวเองยังไงยังงั้นเลย เพราะก็เป็นคนที่ชอบอยู่คนเดียวอยู่เเล้ว อ่านๆ ไปก็ เอะนี่เราก็งี้ เอะใช่ๆ คิดเเบบนี้เเหละ มีเหน็บๆ เเต่โดยรวมเหมือนผู้เขียนเเบบ ยังไงดี เหมือนกำลังระบายความรู้สึกตัวเอง เออ กูเป็นงี้เเหละ อยู่คนเดียวดีจะตาย สบายดี ไม่เห็นเเคร์อะไร เเล้วก็บเหน็บๆ คนที่ไม่กล้าอยู่คนเดียว เป็นระยะตรงจุดนี้เเหละที่รู้เอะใจ คือ ถ้าให้คนที่เป็นคนที่ไม่ชอบการอยู่คนเดียวมาเขียนบ้างก็จะกลับกัน เอาจริงๆ มันเป็นเรื่องของการใช้ชีวิตมากกว่า ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาเเนะนำว่าถ้าอยากอยู่คนเดียว ใช้ชีวิตคนเดียวต้องทำเเบบนี้ มีขั้นตอนเเบบนี้
ไม่ใช่ว่าหนังสือเล่มนี้มีข้อด้อยนะ เเต่มันเป็นเรื่องของความรู้สึกเเค่นั่นเเหละ คนที่รู้จักตัวเองดีอยู่เเล้ว มั่นคงในการใช้ชีวิตของตัวเอง มาอ่านเเล้วคงรู้สึก ตะหงิดๆ แบบเรา มั้งนะ เเต่ถ้าใครที่ยังไม่มั่นใจในตัวเอง ไม่รู้ว่าชอบการอยู่คนเดียวไหม ก็จะได้พลังบวกจากหนังสือเล่มนี้ไม่น้อยเลย

[Kunlonewolf · Rating 3 out of 5]

ส่วนตัวตั้งเเต่เข้ามหาวิทยาลัยจนตอนนี้ทำงานได้หลายปีเเล้วก็เริ่มอยู่คนเดียว เเละมีความสุขกับการได้อยู่กับตัวเอง เเต่ไม่ได้หมายความว่าตัวเองไม่มีเพื่อนนะ เเค่เป็นตัวของตัวเองมากขึ้น โตขึ้นที่จะอยู่กับตัวเอง ไม่ได้อยู่เป็นกลุ่มก้อนเเบบมัธยม หนังสือเล่มนี้จะตอกย้ำความสุขเเละความเเข็งเเกร่ง เเละข้อดีของการได้อยู่คนเดียว โดยไม่ได้หมายความว่าการอยู่กับคนอื่นไม่ใช่เรื่องไม่ดี เเต่ก็มีส่วนที่อ่านเเล้วขัดอยู่บ้าง โดยรวมๆเเล้วถือว่าพอใช้ได้ครับ เหมาะสำหรับคนที่กลัวการอยู่คนเดียวเป็นอย่างยิ่ง จะได้เปิดมุมมองใหม่ๆ ส่วนคนที่อยู่คนเดียวอยู่เเล้วก็สามารถอ่านได้เพื่อกระตุ้นข้อดีบางส่วนของตัวเอง

“การได้ อยู่คนเดียวมันดีจริงๆนะ เเต่การได้อยู่กับคนที่เรารักมันดีกว่า” (ความเห็นส่วนตัว)

[Jeed Smk · Rating 3 out of 5]

สอนให้กล้ายืนหยัดและแข็งแกร่งในการเชื่อมั่นตนเอง เลิกสนใจและกลัวความคิดเห็นคนอื่น สอนให้กล้าที่จะพึ่งพาตัวเองมากขึ้น อาศัยคนอื่นน้อยลง ปลุกใจได้ดี แต่ว่าจะใส่ความคิดเห็นของผู้เขียนมากไป เช่น การลดทอนคุณค่าของการมีสังคม การมีเพื่อน คิดว่าการมีเพื่อนเป็นเรื่องไม่ใช่สิ่งจะเป็น ทั้งที่บางอย่างมีข้อดีข้อเสียของมันเอง แต่กลับยัดข้อเสียเกินไปหน่อย5555 อ่านแรกๆอาจจะมีความฮึกเหิม พาร์ทหลัง อ่านทนให้จบ โดยเฉพาะเรื่องการแต่งงานที่ดูจะตำหนิ คนไม่แต่งงาน ว่าชีวิตที่ไม่ได้แต่งงาน ไม่มีลูก ไม่มีใครให้รัก เป็นชีวิตที่ไร้คุณค่า ทั้งๆที่ชีวิตคนเราไม่เหมือนกัน เลยทนๆอ่านให้จบ เล่มที่สอนให้เลิกเป็นคนดีแล้วจะมีความสุข เล่มนั้นเขียนดีกว่า

[RACHATA J. · Rating 4 out of 5]

เนื้อหาโดยรวมคล้ายกับหนังสือ ชีวิตติดปีกด้วยศิลปะแห่งการช่างแม่ง ถ้าอ่านมาก่อนเล่มนั้นมาก่อน จะพอเห็นภาพได้มากขึ้น

หลักจะเน้นย้ำถึง
• การสะท้อนตัวตน หรือการกล้าที่จะยอมรับ ความรู้สึกของตัวเองตรงตรง โดยไม่หนีปัญหาหรือเบี่ยงเบนปัญหาด้วยความสุขระยะสั้น
• ค่านิยมที่ดีจะสะท้อนตัวตน
• เวลาที่ได้อยู่กับตัวเองคือช่วงเวลาสำคัญที่จะทวงคืนอำนาจควบคุมชีวิตของตัวเอง
• ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามเราต้องรับผิดชอบตัวเอง
• ชีวิตคนเราสั้นนิดเดียวเราไม่มีเวลามากพอจะเสียไปกับเรื่องไม่จำเป็น
• ช่างแม่ง !!

[Manchulika · Rating 4 out of 5]

nice antidote to my loneliness and desperate (plus unnecessary) need to feel “connected” all the time

[Tuitui Liw · Rating 3 out of 5]

การอยู่คนเดียวเป็นช่วงเวลาที่เป็นของขวัญให้ตัวเอง

มันทำให้เราเฉียบคมขึ้น แข็งแกร่ง และเป็นอิสระยิ่งขึ้น ทั้งในด้านตัวตน ความคิด และจิตวิญญาณ

แต่ไม่ค่อยประทับใจ ไม่ตราตรึงเท่าไหร่ พออ่านได้ค่ะ

[Pitcha Prasongkiat · Rating 2 out of 5]

หนังสือบอกถึงข้อดีของการกล้าทำอะไรคนเดียว ซึ่งเขียนจากประสบการณ์ และความเห็นส่วนตัวค่อนข้างมาก บางเรื่องเห็นด้วย บางเรื่องอ่านแล้วแปลกๆ โดยรวมมองว่าเนื้อหาไม่ค่อยลึกซึ้ง อ่านผ่านๆ

[Pluggim Kawinyo · Rating 3 out of 5]

บทนึงสั้นๆ อ่านเล่นๆเพลินดี
บ้างบทก็กระตุ้นความคิดครับ