Pawarut Jongsirirag673 reviews136 followersFollowFollowJune 25, 2025ผมนึกถึงสมัยเด็ก ที่เราจะมีเพื่อนคนหนึ่งทีเนิร์ดอะไรซักอย่าง ประมาณว่า ถ้ามีคำถามสงสัยอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถามเพื่อนเรา ตอบได้หมดไม่ว่าจะลงลึกแค่ไหนเพื่อนคนนี้ตอบได้สบายหนังสือเล่มนี้ทำให้ผมนึกถึงเพื่อนที่เนิร์ดในเรื่องหนัง ปกติเวลาเราดูหนัง เราก็มักคุยกันว่าหนังเรื่องนี้สนุกมั้ย หรือฉากไหนที่ประทับใจ แล้วก็แยกย้ายกันไป แต่หากเราสนใจมันมากกว่านั้นจนได้รับสเตตัสเนิร์ดในเรื่องหนัง สิ่งที่เราคุยกันจะลงลึกไปกว่านั้น แบบว่าฉากนี้ถ่านกันยังไง บทแบบนี้คิดได้ไงวะ หรือผู้กำกับคนนี้ชอบทำหนังแนวไหน ซึ่งเป็นอะไรที่หาคนคุยด้วยยากมาก ถ้าไม่ได้สนใจในเรื่องเดียวกันและสนใจในระดับลงลึกเดียวกันด้วย แต่ถ้าหากเราเจอเพื่อนคนนั้นแล้ว ผมค่อนข้างมั่นใจว่าบทสนทนาเรื่องหนังระหว่างกัน จะเป็นอะไรที่ทำให้เราลืมเวลา จนคำว่าเสียเวลาเป็นคำเพ้อเจ้อไปในทันทีอยู่ดีๆ เพื่อนคนนั้นก็เดินมาถามเราว่า "รู้มั้ยว่าบทหนังพวกนี้ เขียนมาได้ยังไง" "ไม่รู้เลยวะ" ผมตอบไปแบบคาดหวังเบาๆ เพื่อนคนนั้นก็ไม่เคยทำให้ผิดหวัง เขาเลยยิ้มมุมปาก พร้อมบอกผมว่า "งั้นเดี๊ยวเราเล่าให้ฟัง"Script intro เป็นหนังสือของเพื่อนเนิร์ดหนังที่อยากพูดคุยกับเพื่อนเนิร์ดหนังด้วยกัน ว่าด้วยเบื้องหลังของบทภาพยนตร์ชื่อดังหลายเรื่องว่ามีที่มาอย่างไรบ้างผมว่าหนังหลายๆเรื่องในเล่มนี้ ทุกคนน่าจะรู้จักหรือเคยได้ดูมาหมดแล้ว หรือหากไม่เคยได้ดู การได้อ่านเรื่องราวเบื้องหลังของ script แต่ละเรื่องก็อาจทำให้อยากตามไปหาดูหนังเรื่องนั้นได้ไม่ยากเลยในหนังแต่ละเรื่อง ล้วนแล้วแต่มีเรื่องราวของตัวมันเองซึ่งเป็นที่ไปของบทหนังชิ้นนั้นๆ มือเขียนบทแต่ละคนมีวิธีการในหาพล็อตเรื่อง วิธีการทำงาน แตกต่างกันออกไป แต่ซึ่งหนึ่งที่ผมคิดว่ามือเขียนบททุกคนมีร่วมกัน และอาจจะเป็นหัวใจของการเขียนบทหนัง นิยายหรืองานเขียนทุกประเภทก็สามารถนำเอาไปปรับใช้ได้ คือ งานชิ้นนั้นต้องเข้าใจธรรมชาติความเป็นมนุษย์ว่า ในสถานการณ์เหล่านั้น มนุษย์ตาดำๆควรจะมีวิธีคิด หรือตอบโต้กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้านั้นอย่างไร มือเขียนบทบางคนใช้วิธีการแสดงออกผ่านสิ่งที่ตัวละครเลือกที่จะทำ เพื่อสื่อถึงความเป็นตัวละครนั้น แต่บางคนเลือกใช้วิธีการไม่แสดงออกเพื่อสื่อถึงมิติความเป็นตัวละครเหล่านั้นแทน ไม่ว่าวิธีการจะแตกต่างกันไปอย่างไรก็ตาม หัวใจสำคัญก็ไม่เคยหนีพ้น ความเป็นมนุษย์ที่ถูกถ่ายทอดออกมา มือเขียนบทคนใดที่เขียนบทได้ "ถึง" ในเรื่องนี้ เมื่อบวกกับพล็อตเรื่องที่น่าสนใจ และผู้กำกับที่ฝีมือถึงเช่นเดียวกันในการถ่ายทอดตัวอักษรของบทภาพยนตร์ให้กลายเป็นภาพได้อย่างไม่ตกหล่น รับประกันได้เลยว่าหนังเรื่องนั้น จะต้องดีงามและประทับใจคนดู ดังเช่นภาพยนตร์ทุกเรื่องที่ถูกนำมาเล่าในเล่มนี้ ด้วยน้ำเสียงของเพื่อนเนิร์ดหนังที่เรารับรู้ได้ถึงความสนุกในการเขียนในแต่ละตอน สัมผัสได้ถึงความอยากเล่าเรื่องราวเหล่านี้ให้เราได้ฟังเพื่อหวังว่าเราจะอยากดูหนังเรื่องนั้นและย้อนกลับมาพูดคุยกันแบบสนุกสนาน ด้วยวิถีของชาวเนิร์ด"เป็นไง เรื่องพวกนี้น่าสนใจมั้ยละ" เขาถามผมแบบทีเล่นทีจริง"น่าสนใจเอาเรื่อง เอาไว้ถ้ามีโอกาสดู แล้วจะมาคุยกันใหม่นะ" "ไม่มีปัญหาเลยวะ" เขายิ้มแล้วเดินจากไป แบบพระเอกหนังไอ้มดแดงหลังกระโดดถีบปีศาจจนตัวระเบิด แม่งเอ้ย เท่ชิบหาย... non-fiction
lostlessboy*106 reviews46 followersFollowFollowApril 2, 2025เมื่อปีที่แล้วเราพยายามเขียนนิยายสองเรื่อง เรื่องแรกล่มไม่เป็นท่า ส่วนเรื่องที่สองคิดว่าน่าจะไปรอด แต่พอส่งให้เพื่อนที่เชื่อใจกันอ่านเค้ากลับบอกว่า ห่วย การล้มเหลวในการเขียนเรื่องยาวนี่แหละที่ทำให้ปลายปีที่แล้วเราเริ่มกลับมาซึมเศร้ารุนแรง รู้สึกตัวเองไม่มีคุณค่าจนเราได้มาอ่าน Script Intro หนังสือที่รวบรวมบทความว่าด้วย 23 ภาพยนตร์และการเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนั้นๆ ที่ทำให้เราเห็นมุมมองวิธีคิดของผู้กำกับ วิธีการทำงาน ไปจนถึงเกร็ดความรู้เกี่ยวกับเนื้อหาของภาพยนตร์เรื่องนั้นคนเขียนบทและผู้กำกับเขาต้องการสื่อสารอะไร มีนัยยะอะไรแอบแฝงเราได้หนังสือเล่มนี้มาตอนกลางเดือนที่แล้ว อ่านวันละบทสองบทก่อนนอน จนเมื่ออ่านจบลงเราไม่อยากให้จบเลย เพราะนอกจากความสนุก หยิบเอาเบื้องลึกเบื้องหลังว่ากว่าบทหนังเรื่องหนึ่งสำเร็จ ทัชใจผู้ชมได้นั้น ต้องผ่านอะไรมาบ้าง นำมาเล่าให้ฟังแบบย่อยง่าย เกือบจะเหมือนเพื่อนที่เนิร์ดหนังพูดไม่หยุดคนหนึ่งเล่าให้เราฟังต่อหน้าข้างๆเรารู้สึกได้รับการเยียวยา เพราะหนังสือได้เปิดเผยวิธีการทำงาน เคล็ดลับในการทำงานเขียนบทของนักเขียนบท ผู้กำกับ 23 บทไม่ซ้ำวิธีการทำงานกันเลย มันทำให้เราเห็นความหวังในตัวเอง ในความเป็นมือสมัครเล่นริอ่านอยากเขียนนิยายดีๆ ให้จบได้สักเรื่อง ซึ่งหากใช้วิธีการเดิมในการเขียนเรื่องสั้นไม่ได้ผล ในการอ่านคืบไปแต่ละวันแต่ละบท หนังสือบ่มเพาะคำถามในตัวเราว่า ทำไมเราถึงไม่ลองใช้วิธีอื่นดูบ้างวะ เรารู้สึกว่าบางบทความชี้ให้เห็นว่าบางทีปัญหาอาจไม่ได้อยู่ที่ความตั้งใจพยายาม แต่อยู่ที่การย่ำอยู่กับวิธีเขียนแบบเดิมๆ บางทีการทดลองทำงานด้วยวิธีใหม่อาจคือคำตอบที่ช่วยให้ได้ผลงานเขียนที่ดีขึ้น เขียนจบ เพื่อนอ่านแล้วอาจจะไม่ด่าว่าห่วย ซึ่งในเล่มนี้ก็มีเคล็ดลับวิชาให้เราลองเรียนรู้ เอาไปลองใช้ทำตามเหนือสิ่งอื่นใด แต่ละบทความช่วยดึงเรากลับมาทำความเข้าใจจูนกับตัวเองทุกครั้งว่า เราต้องการอะไรจากการเขียนครั้งนี้ ฉากนี้ต้องการจะสื่ออะไร ต้องการให้คนอ่านรู้สึกอะไร พาร์ทนี้สำคัญไหมหรือแค่ต้องการสะท้อนตัวเอง คือเหมือนหนังสือดึงเรากลับมายังจุดเริ่มต้นคำถามสุดคลาสสิกเลยว่า เราเขียนเพราะอะไรและต้องการอะไรจากการเขียน ซึ่งเป็นสิ่งที่เราหลงลืมเค้าไปแนะนำมากๆ สำหรับใครที่สนใจอยากทำงานสร้างสรรค์ ไม่จำเป็นต้องเป็นสายหนังก็ได้ เพราะนี่คือหนังสือที่รวมเคล็บลับวิชาชั้นดี และช่วยให้เราได้มองการทำงานสร้างสรรค์ของตัวเองเป็นภาพกว้างขึ้น กล้าได้กล้าเสียแบบไม่เสียใจ กลัวน้อยลง ที่สำคัญทุกครั้งที่อ่านเค้าทำให้เราอยากกลับมาสร้างสรรค์อะไรสักอย่างอีกครั้งด้วยมุมมองที่ต่างออกไป
Pepoparu29 reviews3 followersFollowFollowApril 7, 20254.5เลยยนี่มันหนังสือของ cinephile ควรลอง หลายๆเรื่องคือพวกคุณอยากรู้อยากสำรวจแน่ เล่าง่ายย่อยง่ายเพลินได้ไม่ยากเลย นี่ซื้อมาเมื่อวานอ่านวันเดียวจบ55555
Phetkamphaeng Bootdee1 reviewFollowFollowMay 15, 2025Script Intro, 2025อาจจะพูดได้โดยง่ายว่า Script Intro ซึ่งทำหน้าที่เจาะลึกถึงวิธีการทำงาน โดยเฉพาะในแง่มุมของการเขียนบทภาพยนตร์ ที่ถูกนำมาบอกเล่ามากถึง 23 เรื่อง ซึ่งไม่ว่าความตั้งใจของชื่อหนังสือจะมีที่มาจากอะไร แต่มันก็เป็นบทเกริ่นนำที่ดีเยี่ยม ที่อาจทำให้นักดูหนังขาประจำหรือซีเนไฟล์ ได้หลงใหลในวิธีการทำงานเบื้องหลัง ซึ่งไม่มีรูปแบบตายตัวแน่นอน ได้อย่างมากยิ่งขึ้นถ้าพูดในมุมส่วนตัว Script Intro ของคุณทานเกวียน ชูสง่า ก็ถือเป็นหนังสือเล่ม ๆ แรกในรอบหลายปีที่เราอ่านจนจบเล่ม (แท้จริง เราข้ามบางบทไป ด้วยเนื้อหาที่เปิดเผยรายละเอียดของหนังบางเรื่อง) และด้วยมวลรวม มันก็ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกอะไรมาก นอกจากความประทับใจ ถึงวิธีการเรียบเรียงเนื้อหาเรื่องราวในแต่ละบท รวมถึงการลำดับแต่ละบทของภาพยนตร์แต่ละเรื่องไปจนถึงบทสุดท้าย ที่สำคัญคือ มันสื่อถึงความทนทุกข์ทรมานของการเขียนด้วยในบางบท แต่ขณะเดียวกัน มันก็ทำให้เรารู้สึกถึงศักยภาพของวิธีการทำงานแต่ละแบบ รวมถึงความเป็นไปได้ของวิธีการเขียนที่ไม่สิ้นสุดอีกด้วยและในทุกหัวข้อ ไม่ว่าจะมาจากมาร์ติน สกอร์เซซี, โทนี คุชเนอร์, มาร์ติน แม็คโดนาห์ หรือกระทั่ง การเขียนของคุณทานเกวียนในเล่มนี้เองก็ตาม มันก็ล้วนสร้างแรงบันดาลใจได้อย่างน่าเหลือเชื่อarticles non-fiction thai-book
Ikkyupan7 reviewsFollowFollowApril 16, 2025เป็นหนังสือ non-fiction ที่อ่านสนุกมากกก เรียกว่า behind the screenplay ได้เลย เล่มนี้เล่าถึงที่มากว่าได้บทภาพยนตร์แต่ละเรื่อง บางเรื่องเริ่มคิดขึ้นมาจาก 0 บางเรื่องเอานวนิยาย เรื่องสั้น หรือแค่คำพูดประโยคเดียวมาเป็นสารตั้งต้นแล้วต่อยอดจนออกมาเป็นภาพยนตร์ความยาวสองชั่วโมงได้ แอบเป็นหนังสือ howto สำหรับนักเขียนเหมือนกันนะ คุณทานเกวียน ชูสง่า ใช้ภาษาในการอธิบายที่อ่านสนุกไปด้วยมากๆ ไม่รู้จะใช้คำไหนนอกจากคำนี้ อ่านเล่มนี้แล้วสัมผัสได้ถึงความรักในภาพยนตร์ทั้งของเจ้าของเรื่องราวพวกนั้นและทั้งคนเรียบเรียงอย่างคุณทานเกวียนเลย
ถั่วเขียวมหาประลัย6 reviewsFollowFollowOctober 13, 2025non fiction เบื้องหลังการเขียนสคริปต์ภาพยนตร์ รวมเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ เทคนิคนิดๆ หน่อยๆ แล้วก็มุมมองการเขียนงานแบบหลากหลายมากๆๆ ผ่านหนังหลายแนว โดยรวมอ่านแล้วรู้สึกได้พลังในการอยากสร้างสรรค์งานเขียนเลย มันแบบ ฉันก็อยากลองเอาเทคนิคนี้มาใช้ หรือ ฉันก็ใช้เทคนิคนี้อยู่แต่ยังทำไม่ถึง5555555เดี๋ยวลองปรับเพิ่มดูบ้างดีกว่า ไรเงี้ย เป็นเล่มที่อ่านละรีเฟรช ถ้ารู้จักหนังที่เขาพูดถึงอยู่แล้ว หรือยิ่งถ้าเคยดูด้วยก็จะยิ่งอิน แต่ถึงไม่รู้จักก็สนุกกับแนวทางการทำงานของชาวนักเขียนบท/ผกก/คนทำหนังอยู่ดี ชอบนะ เยี่ยมๆๆ
suwa112 reviews6 followersFollowFollowMay 2, 2025คือสนุกอ่านเพลินมาก ควรค่าแก่การอ่านอย่างยิ่งปลุกไฟให้คนที่เริ่มเบื่อการดูหนังอย่างเราอยากลุกขึ้นมาหาหนังดีๆ ซักเรื่องดู ณ ตอนนั้นเลยโดยเฉพาะหนังในตำนานต่างๆ ที่ถูกเอ่ยถึงในเล่ม ถ้าเป็นเรื่องที่เคยดูแล้วพอได้มารู้เบื้องลึกเบื้องหลังบางอย่างจากในเล่มก็ยิ่งอินมากขึ้น หรือถ้าเป็นเรื่องที่ยังไม่เคยดูก็แทบจะต้องรีบลิสต์ลง must watch ของตัวเองเอาซะตอนนั้นเลย
Patrick Kai2 reviews2 followersFollowFollowApril 20, 2025รวมเคล็ดลับการเขียนบทหนัง แรงบันดาลใจ ประโยคทองจากหนังดังบ้าง niche บ้าง อ่านง่าย สนุก ได้ไฟทำงานสร้างสรรค์