Thanawat439 reviewsFollowFollowOctober 25, 2021ผมจินตนาการไม่ออกเลยว่าการที่จะต้องเป็นหมอไทยแล้วแบกอุปกรณ์ประจำตัวเดินท่อมๆ ออกไปตรวจคนไข้ที่ชนบทห่างไกลในต่างประเทศอย่างพื้นที่ภูเขาหิมาลัยมันเป็นยังหิมาลัยต้องกลับไปฟัง เป็นหนังสือแนว memoir บันทึกความทรงจำของหมอไทยสุดแนว ที่ผมแน่ใจว่าที่ผ่านมามันต้องมีใครสักคนรวมทั้งตัวผม ทั้งทึ่ง ทั้งอิจฉาในความเจ๋งเป็นนักเดินทาง เป็นนักเขียน เป็นหมอ เป็นครู ทั้งหมดนี้คือคัมภีร์ สรวมศิริตอนแรกผมเองคิดว่าหนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นราวกับเป็น remake ของ “หิมาลัยต้องใช้หูฟัง” หนังสือของคัมภีร์ที่เขียนขึ้นเมื่อ 5 ปีที่แล้วแต่พออ่านบทนำ ผมรู้เลยว่ามันไม่ใช่มันเป็น episode ใหม่ ของคัมภีร์อีกคนหนึ่ง 5 ปีถัดมาต่างหากหนังสือเล่มนี้มีแรงจูงใจที่ผมขอเรียกว่า midlife crisis แบบนึงละกันผู้เขียนรู้สึกว่า daily life ในปัจจุบัน มันกลายเป็นความจำเจที่ไม่สร้างคุณประโยชน์ใดๆ ให้กับโลกใบนี้ รอยจารึกตัวตนมันช่างบางเบา ในที่สุดเค้าจึงทำสิ่งที่เชี่ยวชาญที่สุด นั่นคือออกเดินทางหลายๆ คนอาจจะ connect กับมูลเหตุจูงใจของผู้เขียนนะ เพราะเดี๋ยวนี้เรามักจะถูก bombard ด้วยความสำเร็จของคนโน้นคนนี้ผ่าน social media จนรู้สึกว่าตนเองช่างด้อยความสำเร็จ ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันทั้งเล่มจะเป็นการเล่าประสบการณ์การใช้ชีวิตหมอ ที่ออกตรวจผู้ป่วยตามหมู่บ้านต่างๆ ในพื้นที่ห่างไกลสุดเกินจินตนาการคนธรรมดาสามัญอย่างพื้นที่บริเวณภูเขาหิมาลัยแต่ละวันทำอะไร ปฏิสัมพันธ์กับใคร มีดราม่าอะไรบ้าง พี่แกเล่ามาหมด (พลังการจดจำและถ่ายทอดน่าทึ่งจริง)ความหวือหวาระดับ 3 ดาว แต่ความยากลำบากในการไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์แบบเดียวกันกับผู้เขียน ผมให้ 5 ดาวเลยผมอ่านแล้วรู้สึกได้ว่า สำหรับผู้เขียน มันไม่ใช่แค่ประสบการณ์ชีวิตที่ไปเดินเทรลตะลุยหาจุดยอดสุดของภูเขา ผนวกกับการรักษาคนแต่มันเป็นการตะลุยหาความหมายยอดสุดอีกยอดหนึ่งในการเดินทางในเส้นทางชีวิตที่ชันขึ้นทุกวันๆ ถามว่าอ่านจบแล้ว ผู้เขียนได้คำตอบให้ midlife crisis รอบนี้มั้ยผมแน่ใจ ว่ามันให้คำตอบและเติมพลังให้ผู้เขียน และอาจจะเป็นตัวกระตุ้นให้คนอ่านหลายๆ คนออกเดินทางด้วยดังที่เป็นมาเสมอในหนังสือทุกๆ เล่มของผู้เขียนPS- ใครที่ไม่ได้อ่านหิมาลัยต้องใช้ก็ไม่ต้องตีอกชกหัวกลัวจะอ่านเล่มนี้ไม่รู้เรื่อง คุณสามารถอ่านแยกกันได้ แต่ผมเข้าใจว่าผู้เขียนน่าจะดีใจถ้าคุณอ่านทั้ง 2 เล่ม- ผมจินตนาการออกแล้วว่าการที่จะต้องเป็นหมอไทยแล้วแบกอุปกรณ์ประจำตัวเดินท่อมๆ ออกไปตรวจคนไข้ที่ชนบทห่างไกลในต่างประเทศอย่างพื้นที่ภูเขาหิมาลัยมันเป็นยัง
MonoNoAware266 reviews36 followersFollowFollowMarch 13, 2023ไม่เคยอ่าน “หิมาลัยต้องใช้หูฟัง” ของคุณหมอมาก่อน แต่แอบเห็นรีวิวดีมากใน goodreads เลยแอบตั้งความหวังไว้เล็กน้อยกับเล่มนี้ จึงพบว่า มันไม่เป็นดังที่หวังสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้ผิดหวังนะคะ หนังสือโอเคอยู่ แต่ถ้าให้เทียบกับเล่มแรกก็คงทำไม่ได้อีก เพราะไม่เคยอ่าน แต่อยากอ่านมาก และหนังสือเก่าก็หายากจัง อย่างน้อยๆ เราก็ได้รู้ว่าชีวิตฟรีแลนด์ที่หลายคนว่าดี แต่คนที่ใช้ชีวิตเป็นไอดอลคนอื่นนั้น มันก็อาจไม่ได้รู้สึกสุขสมอยู่ตลอดเวลาเหมือนที่ใครๆ อิจฉา หรือการออกค่ายแพทย์อาสาที่หลายคนมองว่าเจ๋งมาก โดยเฉพาะการไปในดินแดนต่างแดน และดินแดนนั้นเป็นที่ที่หลายคนใฝ่ฝัน คนภายนอกคงมองว่าเท่ เก๋ เก่ง สุดยอด แต่ไฉนลึกๆ แล้วผู้ที่ไปเผชิญ กลับไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นเหมือนคุณหมอพยายามออกตามหาอะไรในบางอย่างในชีวิตอีกครั้ง แต่สุดท้ายก็ไม่พบ แถมยังพบเจอผู้คนหลากหลายนิสัย ที่เข้าใจยากเหลือเกิน หนังสือเล่มนี้เลยออกแนวไดอารี่ที่มาบ่นๆ เสียมากกว่า แต่ก็อ่านเพลินดีค่ะ มีรูปสวยๆ ให้ชมไปด้วยระหว่างอ่าน จะได้เข้าใจภูมิประเทศบ้านเมืองเค้าไปด้วยnon-fiction travel
Mirai590 reviews127 followersFollowFollowNovember 6, 2021"เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่าชีวิตไม่มีค่า จงออกไปช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์" (หน้า 12)เล่มนี้เป็นบันทึกของหมอชาวไทยที่เดินทางแบกเป้และอุปกรณ์การแพทย์ต่างๆ นานา เพื่อเข้าร่วมค่ายอาสาตรวจสุขภาพให้ชาวบ้านบนเทือกเขาหิมาลัย ณ ประเทศอินเดียขอบอกเลยนะว่า เราไม่เคยอ่าน 'หิมาลัยต้องใช้หูฟัง' มาก่อน รู้เพียงว่าเล่มนั้นก็เป็นบันทึกเกี่ยวกับการเดินทางเข้าร่วมค่ายอาสาทำนองนี้เหมือนกัน และจุดหมายปลายทางก็คือเทือกเขาหิมาลัยเช่นเดียวกัน แต่แค่เป็นคนละค่าย คนละช่วงเวลาเท่านั้น เพราะงั้น อ่านเล่มไหนก่อนก็ได้ ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่รู้เรื่อง 😊สำหรับเล่มนี้ ผู้เขียนเล่าตั้งแต่จุดเริ่มต้นของการตัดสินใจเข้าร่วมค่ายอาสาอีกครั้ง เหตุการณ์และความรู้สึกต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างเข้าร่วมค่าย ยาวไปจนถึงวันสุดท้ายก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายจากกันนอกจากได้ทึ่งกับการเดินสายออกตรวจชาวบ้านตามหมู่บ้านบนเทือกเขาหิมาลัย ระคนกับความรู้ทางการแพทย์นิดๆ หน่อยที่ปรากฎประปรายตามรายทางในเล่มแล้ว เราเองก็ได้แง่คิดการใช้ชีวิตบางอย่างจากเล่มนี้เหมือนกัน ถึงแม้เรื่องราวที่ผู้เขียนเล่าจะไม่ค่อยหวือหวาหรือมีอะไรน่าตื่นเต้นเท่าไหร่ แต่เรากลับชอบความเป็นธรรมชาติในการเล่าเรื่องพวกนั้นมาก ชอบกลิ่นอายความคิดถึงบางอย่างที่สื่อผ่านตัวอักษรออกมา และชอบที่ผู้เขียนเล่าถึงบรรดาอุปสรรคปัญหาชวนปวดหัวทั้งจากระบบงานและจากตัวบุคคลที่เผชิญในแต่ละวันด้วย รู้สึกเหมือนได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างจากปัญหาพวกนั้นไปพร้อมๆ กับผู้เขียน สำหรับเรา เราว่าส่วนนี้แหละคือความสนุกจนวางไม่ลงของเล่มนี้ 55555ชอบอ่านบันทึกความทรงจำแนวๆ นี้จัง สงสัยเราต้องไปหาเล่ม 'หิมาลัยต้องใช้หูฟัง' มาอ่านบ้างแล้วล่ะ 😊documentary salmonbooks-publishing travel
ดินสอ สีไม้1,070 reviews179 followersFollowFollowDecember 7, 2021บันทึกประสบการณ์การเป็นแพทย์อาสาสมัครซ้ำรอยกับที่ตัวผู้เขียนเองเคยร่วมโครงการเมื่อ 5 ปีก่อนประสบการณ์การเดินทางแต่ละครั้ง ย่อมมีเอกลักษณ์ของมันสถานที่เปลี่ยน เพื่อนร่วมค่ายเปลี่ยนและแม้แต่ตัวเราเอง .. บางครั้งก็เปลี่ยนด้วยเช่นกันนี่คือบันทึกประสบการณ์ที่เรียลและจริงใจต่อตัวเองบางครั้ง ชีวิตก็ไม่ได้เป็นไปในแบบที่คาดหวังและต่อให้ไม่คาดหวังเราก็ยังคงหงุดหงิดกับบางสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ดีสิ่งที่ทำได้ คือการเรียนรู้ไปกับมัน อยู่กับมัน และหามุมมองดีๆ ที่เราจะมีความสุขไปกับมันอาจทำไม่ได้ในวันนี้ แต่เราคงจะต้องเรียนรู้กันไป2021 thai
Parinya Auttavorapong2 reviewsFollowFollowJanuary 9, 2022เทียบกับเล่มแรกที่เขียนแล้ว เล่มนี้ออกจะมีพลังลบมากไปทำให้คนที่เคยอ่านเล่มแรกแล้วจะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
Suhaila Binyoh128 reviews4 followersFollowFollowFebruary 2, 2022"เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่าชีวิตไม่มีค่า จงออกไปช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์" ... เป็นประโยคที่ชวนให้ฉุดคิดไม่มีที่ไหนในโลกที่เราจะหนีปัญหาของตัวเองได้พ้น ปัญหาของตัวเอง ก็ต้องแก้ที่ตัวเองนะ ซู!!!หมอได้ทำในสองความฝัน ที่เราทำไม่ได้ คือการเป็น "หมอ" และ "ปีนเขา" อ่านแล้ว อดตั้งคำถามกับตัวเองไม่ได้ "ความฝัน" จะเป็นได้แค่ความฝันจริงๆ ใช่ไหม?favorites