เศรษฐศาสตร์ เปลี่ยนสิ่งประหลาดให้เป็นเรื่องปกติ

by 박정호, ตรองสิริ ทองคำใส (Translator)

ทำไมถึงลดน้ำหนักล้มเหลวกันอยู่เรื่อย ต้นกำเนิดแฟนต้ามาจากฮิตเลอร์จริงหรือ เราเริ่มใช้ซิปแทนกระดุมกันตอนไหน ใช้ชุดแต่งงานสีขาวกันตั้งแต่เมื่อไร และทำไมต้องให้แหวนเพชร แบรนด์เนมมีมาตั้งแต่โบราณจริงหรือ อะไรคือเหตุผลที่ซูเปอร์สโตร์ต่างจังหวัดมีขนาดใหญ่ ไม่ใช่ว่าใครก็ทำฝาขวดได้ เปิดร้านใกล้คู่แข่ง วิน-วินกันทุกฝ่ายจริงหรือ ทำไมต้องไปซื้อกระเป๋าชาแนลถึงฝรั่งเศส ถ้าเสื้อผ้าวินเทจเป็นที่นิยม แสดงว่าเศรษฐกิจในประเทศกำลังแย่จริงหรือ เข้าใจหลักเศรษฐศาสตร์ที่ซ่อนอยู่ในชีวิตประจำวันของเรา ผ่าน-ของที่ใส่-อาหารการกิน-สิ่งก่อสร้าง เพราะแค่ความต้องการของผู้บริโภคเปลี่ยนก็ทำให้สิ่งประหลาดในตอนนั้นกลายเป็นเรื่องปกติจนทุกวันนี้

เนื้อหาโดยสังเขป :
จริงๆ แล้วเราแทบจะไม่เคยรู้ว่าเรื่องที่อยู่รอบตัวเรานั้นมีหลักเศรษฐศาสตร์ซ่อนอยู่ บางเรื่องเป็นสิ่งที่เราพบเจอทุกวัน บางเรื่องแฝงอยู่ในพฤติกรรมการบริโภคในชีวิตประจำวัน รวมถึงธรรมเนียมที่ปฏฺิบัติสืบต่อกันมาจนชินจนไม่ได้เอะใจว่าทำไมถึงต้องทำอย่างนั้น ต้องเป็นอย่างนี้ ถ้าบอกว่าสมัยก่อนชุดแต่งงานมีให้เลือกหลากสี และต้องเป็นแบบที่นำมาใช้ต่อในชีวิตประจำวันได้ด้วย ซิปใช้เวลานานกว่าจะทำให้ผู้คนเห็นถึงความสำคัญและความสะดวกสบาย และยอมหันมาใช้อย่างแพร่หลายแทนที่กระดุม เครื่องดื่มแฟนต้าเกิดขึ้นจากผลข้างเคียงของสงครามที่ฮิตเลอร์สร้างขึ้น ไม่ว่าใครก็คงนึกไม่ถึงและประหลาดใจกับที่มาเรื่องข้างต้น เพราะได้กลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตไปแล้ว เศรษฐศาสตร์ เปลี่ยนสิ่งประหลาดให้เป็นเรื่องปกติ แยกเป็นสามส่วนหลัก คือ ใส่ กิน และสร้าง ที่ครอบคลุมสิ่งรอบตัวที่เราพบบ่อยๆ และสัมพันธ์โดยตรงกับกิจกรรมในชีวิตประจำวัน นอกจากจะได้รู้ที่มาที่ไปของแต่ละเรื่องแล้ว ยังเข้าใจหลักเศรษฐศาสตร์แบบไม่จำเป็นต้องอธิบายตามหลักวิชาการให้ยึดยาวอีกด้วยหนังสือสอนความรู้เศรษฐศาสตร์จากเรื่องราวต่าง ๆใกล้ตัว คนส่วนใหญ่มักคิดว่าเศรษฐศาสตร์เป็นเรื่องยาก ผู้เขียนจึงนำปัจจัยในชีวิตคนเรา ได้แก่ เครื่องนุ่งห่ม อาหาร ที่อยู่อาศัย มาชูประเด็น ใส่/กิน/สร้าง สอนความรู้เศรษฐศาสตร์ที่ซุกซ่อนอยู่ในชีวิตประจำวันหรือประวัติศาสตร์ให้เข้าใจง่ายขึ้น เข้าใจความต้องการของผู้บริโภคผ่านหลักเศรษฐศาสตร์ ที่สามารถเปลี่ยนสิ่งที่ไม่ต้องการ กลายเป็นต้องทำตามในที่สุด

รีวิวโดยนักเขียน
ชีวิตคนยุคใหม่ที่ต้องแข่งขันกันอย่างดุเดือด เป็นธรรมดาที่หลายคนต้องการเติมความรู้เรื่อง "เศรษฐศาสตร์" ให้ตัวเอง ซึ่ง ณ ตอนนี้หาใช่เป็นเรื่องรองใคร ทว่ากลายเป็นศาสตร์ที่เราจำเป็นต้องรู้ไปแล้ว ผมอยากเขียนเรื่องเศรษฐศาสตร์ที่สะท้อนอยู่ในชีวิตของเราผ่านวัฒนธรรมปรัชญา หรือประวัติศาสตร์ให้เข้าใจง่าย ไม่ใช่แค่เจอความรู้แล้วปล่อยผ่านเลยไป นี่คือที่มาของหนังสือเล่มนี้ครับ เหตุผลที่ผมหยิบยกประเด็นเกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีพคือ ใส่ กิน สร้าง ก็เพราะสิ่งเหล่านี้สัมพันธ์ใกล้ชิดกับชีวิตเรามากที่สุด และมีอิทธิพลมหาศาลต่อเรา ความกังวลเรื่องปัจจัยดำรงชีพถือเป็นความกังวลข้อใหญ่ที่สุดในการใช้ชีวิต ขณะเดียวกันก็ดูเป็นความกังวลเล็กๆ น้อยๆ ที่มีอยู่ทุกวันด้วย เรื่องใส่ กิน สร้าง จึงต่างเป็นประเด็นที่เราไม่อาจสลัดทิ้งไปจากชีวิตได้เลย อันที่จริงขนบธรรมเนียม วัฒนธรรม หรือปรากฏการณ์หลายๆ อย่างที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยดำรงชีพ ส่วนใหญ่ต่างสะท้อนหลักเศรษฐศาสตร์มาตั้งแต่ต้น บางสิ่งเราเจออยู่ทุกเมื่อเชื่อวันจนไม่นึกสงสัยอีกต่อไปว่าทำไมมันถึงเป็นเช่นนั้น ไม่แม้แต่จะฉุกคิดด้วยด้วยซ้ำว่าทำไมเราต้องทำแบบนั้น ทั้งที่หากย้อนกลับไปพิจารณาสักหน่อย เราจะเจอความรู้เศรษฐศาสตร์ฝังรากลึกอยู่ ทำไมพวกเราถึงไดเอตล้มเหลวกันอยู่เรื่อย ทำไมซูเปอร์สโตร์ตามต่างจังหวัดถึงใหญ่โตนัก คนเราใช้ชุดแต่งงานสีขาวกันตั้งแต่เมื่อไร เราเริ่มใช้ซิปแทนกระดุมกันตอนไหน ของกินอย่างหมูทอดราดซอสเปรี้ยวหวานหรือเครื่องดื่มแฟนต้าเกิดขึ้นได้อย่างไรและด้วยเหตุผลอะไร ทำไมร้านขายของประเภทเดียวกันชอบตั้งร้านอยู่ติดๆ กัน ฯลฯ หนังสือเล่มนี้อธิบายความรู้เศรษฐศาสตร์ใกล้ตัวจากคำถามเล็กๆ น้อยๆ ดังกล่าวการบ้านที่ผมได้รับจากผู้อ่านซึ่ง "อยากรู้จักเศรษฐศาสตร์ที่มีอยู่ในชีวิตประจำวัน" น่าจะถือว่าทำสำเร็จลุล่วงแล้วด้วยผลงานชิ้นนี้ครับ ขอให้ความตั้งใจของผมส่งตรงไปถึงคุณผู้อ่าน หวังว่าหนังสือเล่มนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจเศรษฐศาสตร์ใกล้ตัวได้มากขึ้น เป็นความรู้ประดับปัญญา เป็นโอกาสอันดีที่สร้างสายตาคุณให้เฉียบแหลม มองเห็นเศรษฐศาสตร์ที่มีอยู่ทั่วทุกหนแห่งในชีวิตของเรากันนะครับ

Genres: Nonfiction

245 pages, Paperback

First published February 10, 2015

Reviews

[Seamonkey · Rating 3 out of 5]

ก็จัดว่าสนุกและได้ความรู้ในทางเศรษฐศาสตร์ในระดับที่คนทั่วไปพอทำความเข้าใจได้ไม่ยากล่ะนะ

แต่โดยส่วนตัวรู้สึกผิดหวัง เพราะคิดว่าจะได้อ่านอะไรที่เกี่ยวกับเรื่องราวของสิ่งของที่ใช้ในชีวิตประจำวันจนเป็นเรื่องปกติ รึว่าคำอธิบายของเหตุการณ์ ประเพณี วัฒนธรรม ความเชื่อที่คุ้นเคย คุ้นชิน และใช้ต่อๆ กันมาจนเป็นเรื่องธรรมดาที่พบเจอกันในสังคมทุกวัน ว่ามีที่มาที่ไปมาจากไหน สามารถอธิบายได้ด้วยเศรษฐศาสตร์พฤติกรรมว่าอย่างไรบ้าง

เพราะอ่านจากชื่อหนังสือแล้วคาดหวังไปแบบนั้น และตัวอย่างที่โปรยบนปกหลังก็บอกอย่างนั้น

แต่แล้วก็มีเท่าที่บอกไว้บนปกหลังนั่นล่ะ นอกนั้นเนื้อหากว่าครึ่งเล่มก็เป็นการอธิบายในส่วนของทฤษฎีเศรษฐศาสตร์มหภาค และกฎหมายของประเทศเกาหลี

มันก็ดีในระดับหนึ่ง แต่มันเป็นในบริบทของประเทศเกาหลีซะเป็นส่วนใหญ่

ซึ่งไม่อยากรู้ไง

ถ้าเทียบกับหนังสือชุด 'โลกนี้ไม่มีอะไรฟรี' ของอ.วรากรณ์ สามโกเศศ ยังสนุกและเข้าใจได้ง่ายกว่านี้อีกนะ คือมันเห็นภาพชัดกว่า และอยู่ในบริบทของสังคมไทยที่เราคุ้นชินมากกว่า

เอาไป 3.5☆ ละกัน

[Silentium · Rating 5 out of 5]

เหมาะสำหรับผู้สนใจเศรษศาตร์ในระดับเบื้องต้น ผู้เขียนอธิบายที่มาที่ไปของเหตุการณ์ ประเพณี วัฒนธรรม พฤติกรรมที่คุ้นเคยด้วยวิธีคิดแบบนักเศรษศาสตร์ ทำให้รู้สึกว่าเศรษศาสตร์เป็นอะไรที่ใกล้ตัวกว่าที่คิด สนุก อ่านเพลิน ผู้แปลก็แปลได้ไหลลื่นดี น่าจะมีความรู้ทางเศรษศาสตร์ด้วย ทำให้อ่านไม่สะดุด

[Kubpam So · Rating 4 out of 5]

งานเขียนที่เปลี่ยนเรื่องปกติในชีวิตประจำวันให้เป็นศัพท์ทางเศรษฐศาสตร์

[Suwisa Khunsakda · Rating 3 out of 5]

เหมาะกับคนที่มีความรู้พื้นฐานทางเศรษฐศาสตร์มาแล้ว มีการเปรียบเทียบทฤษฎีกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง

[KaTe · Rating 3 out of 5]

ก่อนอื่นเราว่าชื่อหนังสือชวนให้เข้าใจผิดไปหน่อย เพราะเนื้อหาคือมันไม่ได้มีสิ่งอะไรแปลกประหลาด มันก็คือการเอาเรื่องต่างๆมาอธิบายในเชิงของเศรษฐศาสตร์อ่ะ ซึ่งเราคิดว่าคนอ่านต้องชอบแนวนี้พอตัวถึงจะอ่านแล้วสนุกเพราะโดยส่วนตัวเราก้อชอบเรื่องแนวนี้ แต่ด้วยความเนื้อหาค่อนข้างแน่นและบางส่วนมันเป็นเรื่องที่ประเทศเกาหลีทำให้บางตอนอ่านแล้วไม่เข้าใจหรือไม่ get เท่าไหร่ แต่โดยรวมก็ถือว่าใช้ได้ค่ะ