Cheka Aisya's Blog: Somniantes (ความฝัน), page 10
February 24, 2024
I’m a Hero, Mum – RTD
“Mariupol is being restored. People are heading back and returning to a life of peace. They live and kids are being born. We live under a peaceful sky,” says Olga Dyakonova, mother of Eduard Dyakonov, a Hero of Russia and special forces officer. “Probably… if our boys hadn’t gone to defend us, we wouldn’t be talking so calmly now,” she adds. Olga’s son, Eduard played a crucial role in liberating Mariupol, sacrificing his life to save friends and comrades. Find out why he chose to serve in the armed forces and how he acted in his final days. The documentary also sheds light on a mother’s unwavering strength and resilience in the face of loss. Olga carries on and supports other mothers of fallen Donbass fighters. How can a mother’s love can guide her through life’s toughest struggles?
February 15, 2024
Zhang Dai
จาง ไต๋ (張岱)
จางไต๋ เกิดวันที่ 5 ตุลาคม 1597 ในเมืองเชาชิง (Shaoxing) ในมณฑลเจ้อเจียง เขาเกิดตรงกับสมัยราชวงค์หมิง
บรรพบุรุษของจางไต๋นั้นอพยพมาจากมณฑลเสฉวน ครอบครัวของจางไต๋นั้นมีฐานะดี
เมื่ออายุสามขวบ จางไต๋ ย้ายมาอยู่ที่บ้านปู่ของเขา เพราะว่าจางไต๋ล้มป่วยด้วยโรค phlegm disease
1616 ตอนอายุ 19 ปี เชารวมกลุ่มกับเพื่อนอีก 6 คน ตั้งกลุ่ม Qin club (Qin หมายถึง กู่เจิง (Zither/Guzheng) ขึ้นมาเพื่อฝึกเล่นดนตรี โดยสมาชิกหนค่งในกลุ่ม ตือ หยิน เอ๋อเตา (Yin Ertao) ที่ต่อมาเป็นผู้เชียนหนังสือ Huiyan Mizhi และ หยาน เชง (Yan Cheng) ผู้เขียน Songxianguan Qinpu
1623 จางไต๋ ตีพิมพ์ผลงานเขียนรวมบทความสั้นออกมาหลายชิ้น ซึ่งถูกเรียกว่า “Scholar in cotton cloths” และหนึ่งในผลงานสำคัญที่พิมพ์ออกมาในช่วงนี้คือ “dapu” ซึ่งเป็นผลงานรวมบทเพลงสำหรับกู่เจิง
1644 เป็นปีที่ราชวงศ์หมิงมาถึงการล่มสลาย เพราะถูกชาวมองโกล (แมนจู) รุกราน สังคมเกิดความวุ่นวายขึ้นทำให้เขาต้องหนีไปบวชเป็นพระอยู่ในป่า
1649 เมื่อเขาสึกกลับเข้ามา ก็พบว่าบ้านของเขานั้นถูกทำลายไปหมดแล้ว และทรัพย์สินก็ถูกขโมยไปหมด แต่ว่าจางไต๋ยังคงอาศัยอยู่ในบริเวณที่ดินที่เคยเป็นบ้านของเขา โดยจางไต๋ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดูแลสมาชิกในบ้านถึง 20 คน
1684 เสียชีวิต ในวัย 88 ปี
จางไต๋มีผลงานเขียนอยู่มากมาย โดยผลงานที่ได้รับความนิยม อาทิ Book of the Stone Casket ที่เขาบันทึกและวิเคราะห์เกี่ยวกับสาเหตุการล่มสลายของราชวงศ์หมิง, IIce Mountain, Journey to Putuo Island, At the Cuncubine Market in Yangzhou
นอกจากนั้นมีผลงานบทกวี ที่มีชื่อ อย่าง New Year, To Mr.Lu
ผลงานเขียน
The Biographies of Five Unusual PeopleBook of the Stone CasketHistorical GapsThe Night FerryPortraits with Commentary of the imperishable Worthies of the Shaoxing RegionSequel to the Book of the Stone CasketTracing Westlake in a DreamThe Dream recollections of TalanLanghuan WenjiThe Lean Nags of YangzhouOn Matteo RicoOn Putuo ShrineRhyme MountainLetter to the Prince of LuIce MountainSelf Written ObituaryFebruary 5, 2024
Rudolf Arnheim
รูดอล์ฟ อาร์นไฮม์ (Rudolf Arnhiem)
ผู้เชียน Art and Visual Perception : A Psychology of the Creative Eye
รูดอล์ฟ เกิดวันที่ 15 กรกฏาคม 1904 ในเบอร์ลิน, จักรวรรดิเยอรมัน ครอบครัวของเขาเป็นคนเชื้อสายยิว พ่อของเขาชื่อว่า จอร์จ (Georg Arnheim) เป็นเจ้าของโรงงานเล็กๆ ที่ผลิตเปียโน ซึ่งพ่อของเขาปรารถนาจะให้ลูกชายสืบทอดกิจการต่อจากเขา จึงตั้งเงื่อนไขว่าถ้ารูดอล์ฟอยากจะเรียนจิตวิทยาเขาจะต้องใช้เวลาในโรงงานเท่าๆ กับเวลาที่ไปเรียนด้วย แต่ว่าภายหลังพ่อเขาก็ยอมให้รูดอล์ฟทุ่มเทเวลาเพื่อการเรียนอย่างเดียว
ไม่นานหลังจากเขาเกิด ครอบครัวก็ได้ย้ายมาอยู่ที่เมืองไกเซอร์ดัม (Kaiserdamm)
เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเบอร์ลิน ในสาขาจิตวิทยาซึ่งในชณะนั้นยังเป็นสาขาหนึ่งของคณะปรัชญา รูดอล์ฟได้มีโอกาสเรียนจิตวิทยาเกสตัลต์ (Gestalt psychologists) กับนักจิตวิทยาสายนี้ที่มีชื่อเสียงหลายคนอย่าง แม็กซ์ เวอร์เทียร์เมอร์ (Max Wertheimer)
1928 จบปริญญาเอก และทำงานเป็นบรรณาธิการในแผนกวัฒนธรรมและการวิจารณ์ภาพยนต์ของหนังสือแม็กกาซีนรายสัปดาห์ Die Weltbühne ที่ก่อตั้งโดยจาค๊อปสัน (Siegfried Jacomsohn)
1932 เชียนหนังสือ Film as Art
1933 ย้ายออกจากเยอรมันในช่วงที่นาซี (Nazi) กำลังขึ้นมามีอำนาจ โดยรูดอล์ฟได้ย้ายมาอยู่ในกรุงโรม ซึ่งเมื่ออยู่ในโรมเชาก็ยังคงทำงานเป็นนักเขียนบทวิจารย์ภาพยนต์
1939 ลี้ภัยมาอยู่ในลอนดอน และได้ทำงานเป็นผู้แปลภาษาให้กับ BBC
1940 ย้ายมาอยู่ในนิวยอร์ค
1942 ได้รับทุนจากมูลนิธิร็อคกี้เฟลเลอร์ (Rockefeller scholarship)
1943 ได้รับตำแหน่งศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาที่วิทยาลัยซาร่าห์ ลอว์เรนซ์ (Sarah Lawrence College) และเป็นศาสตราจารย์พิเศษที่นิวสคูล (The New School) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนในนิวยอร์คที่เน้นงานด้านการวิจัยสังคม
1954 เขียน Art and Visual Perception : A Psychology of the Creative Eye
1968 ย้ายมาสอนหนังสือที่ฮาร์วาร์ด (Harvard University) ในตำแหน่งศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาของศิลปะ
1974 เกษียณ และไปใช้ชีวิตอยู่ในมิชิแกน พร้อมกับภรรยา แต่ว่าไม่นานเขาก็ได้รับตำแหน่งศาสตราจารย์พิเศษจากมหาวิทยาลับมิชิแกน (University of Michigan)
1976 ได้รับเลือกให้รับตำแหน่งประธานของสมาคมจิตวิทยาอเมริกัน (American Psychological Association)
2007 9 มิถุนายน, เสียชีวิตในมิชิแกน
ผลงานเชียน
Gestalt and art, 1943Toward a Psychology of Art, 1949Art and Visual Perception: A Psychology of the Creative Eye, 1954Film as Art, 1957Picasso’s Guernica, 1962Visual Thinking, 1969Entropy and Art, 1971The Dynamics of Architectural Form, 1977January 24, 2024
Drones Inc. – RTD
Kamikaze drones from Sayanogorsk, a reconnaissance plane from Perm, and cutting-edge UAVs from St. Petersburg—engineers all across Russia are assembling the crucial weapons required for the frontlines in Donbass. In Tambov, a production facility has been established in a bread factory. Today, combat drones are being assembled there. Factory employees raise funds and volunteer their free time to the drones production. Amateur engineer Yevgeny Biryukov from Sayanogorsk visited this factory to learn and set up a similar production back home. Currently, Yevgeny is putting together small batches of drones and personally delivers them to the frontlines in Lugansk. There, he trains soldiers on how to operate them. Tune in for our new documentary that showcases specialised drone training and the latest innovations from Russian inventors, yet to be launched into production.
Ukraine’s Arms Barons – RTD
Since the dissolution of the USSR, Ukraine has earned the dubious title of being the world’s largest black market for weapons. Today, NATO is relentlessly pumping billions of euros and dollars into arming the country. However, the irony is hard to miss—bombs meant for the Ukrainian military somehow end up raining down on Israel from the Gaza Strip. Meanwhile, Mexican cartels, right on the U.S. border, are equipped with other NATO-produced machine guns, barraging ammunition, and cutting-edge grenade launchers. How does this weaponry make its way out of Ukraine? Who’s pulling the strings behind the scenes? How is the whole trafficking operation orchestrated?
An Officer’s Star – RTD
Their poignant love story was set in one of the most challenging places on Earth, the Donbass, amid Ukrainian artillery fire. The relationship between two heroes of the Special Military Operation — a political officer ‘Sumerian’ and Ensign Zoya — is a tale of love and family in the midst of war. ‘Sumerian’, a political instructor in the Russian Army, came across a delicate, yet strong-willed Ensign Zoya right on the frontlines in Lugansk. As the Ukrainian government declared war on its own people following the 2014 coup d’état, both ‘Sumerian’ and Zoya volunteered to join the war. Their meeting became a pivotal moment that transformed their entire lives. Discover how their love for each other helps them navigate through their toughest challenges and losses.
Tomoyuki Yamashita
ยามาชิตะ โตโมยุกิ (山下 奉文)
ฉายา Tiger of Malaya
ยามาชิตะ เกิดเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 1885 ในหมู่บ้านโอซุกิ (Osugi village) เมืองกามิ (Kami county, Kochi Prefecture) พ่อของเขาเป็นหมอชื่อซากิชิ (Sakichi) และแม่ชื่อยู (Yu) โดยยามาชิตะเป็นลูกชายคนที่สองของครอบครัว พี่ชายของเขาชื่อว่าโฮโอ (Hoho) ภายหลังเป็นแพทย์ทหารในกองทัพเรือ นอกจากนั้นยามาชิตะมีน้องชายอีกหนึ่งคน และน้องสาวสองคน
เมื่ออายุได้ 2 ขวบ ครอบครัวได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านเกิดของบิดาในหมู่บ้านโอซุกิ มูระ (Osugi Mura) บนเกาะชิโกกุ (Shikoku island)
1905 จบจากสถาบันทหาร (Imperial Japanese Army Academy) ในเมืองฮิโรชิม่า
1908 ได้ติดยศร้อยโท และเข้าร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ 1 ในการต่อสู้กับทหารเยอรมันที่เมืองชานตง (Shandong, China) ในประเทศจีน
1913 กลับมาญี่ปุ่นและได้เข้าศึกษาในวิทยาลัยการสงคราม (Army war College) ในโตเกียว
1916 จบจากวิทยาลัยการสงคราม โดยเป็นที่ 6 ของรุ่น และได้ติดยศเป็นร้อยเอก
แต่งงานกับ ไฮซาโกะ นากายาม่า (Hisako Nagayama) ซึ่งเป็นบุตรสาวของอดีตนายพลเกษียณ นากายาม่า
1919 ยามาชิตะถูกส่งไปเป็นฑูตทหารที่เยอรมัน ที่เมืองเบิร์น ในสวิสเซอร์แลนด์ และเมืองเบอร์ลิน เยอรมัน จนถึงปี 1922 ทำให้เขากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเยอรมัน
1922 กลับมายังญี่ปุ่น, และได้เลื่อนยศเป็นพันตรี และได้เข้าทำงานในกองบัญชาการกองทัพญี่ปุ่น (Imperial Japanese Army General Staff) โดยเป็นคณะกรรมการด้านการปฏิรูปของทัพ (the Military Affairs Bureau) ซึ่งในขณะนั้นกำลังดำเนินแผนงานการปฏิรูปกองทัพที่เรียกว่าแผน อูกากิ (the Ugaki Army Reduction Program) ซึ่งเป็นแผนการลดขนาดกองทัพลง
1925 ได้เลื่อนยศเป็นพันโท ,ยามาชิตะนั้นไม่ได้เห็นด้วยกับแผนการลดขนาดกองทัพลง ซึ่งเป็นความขัดแย้งภายในกองทัพขณะนั้นและเกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายภายใน
ยามาชิตะไปเข้ากับกลุ่มที่มีชื่อว่า Imperial way group (皇道派, โกโดฮะ , Kodoha)ซึ่งเป็นคู่แข่งของกลุ่ม Control Faction (統制派, โตไซฮะ, Toseiha) ทำให้ยามาชิตะกลายเป็นคู่แข่งของ ฮิเดกิ โตโจ (Hideki Tojo) ซึ่งอยู่กับกลุ่มหลัง
1927 ยามาชิตะ ถูกส่งไปยังกรุงเวียนนา, ออสเตรีย ในฐานะฑูตทหาร
1930 หลังจากกลับจากเวียนนาก็ได้รับยศเป็นพันโท และเป็นผู้บัญชาการทหารราบที่ 3 (Imperial Japanese Infantry Regiment)
1934 สิงหาคม, ได้รับยศพลจัตวา
1936 กบฏ 26 กุมภาพันธ์ (February 26 incident), เกิดเหตุการณ์ความพยายามในการก่อกบฏ เพื่อโค่นล้มกลุ่ม Control Faction ในกองทัพ การก่อกบฏนี้นำโดย ซาดาโอะ อะรากิ (Sadat Araki)
การพยายามรัฐประหารนี้ล้มเหลว ทำให้ยามาชิตะเองสูญเสียความไว้วางใจจากสมเด็จพระจักรพรรดิ ทำให้เขาเองตัดสินใจจะลาออกจากกองทัพแต่ว่าหัวหน้าของเขาโน้มน้าวให้เขาล้มความตั้งใจ
หลังการรัฐประหารล้มเหลว ยามาชิตะถูกส่งตัวไปยังเกาหลี และเป็นผู้บัญชาการทหาราบที่ 40 (40th Infantry Brigade)
1937 ญี่ปุ่นบุกจีน (2nd Sino-Japanese war) ยามาชิตะได้รับตำแหน่งผู้บัญชาการหน่วยทหารราบ ที่ 4 ( IJA 4th Division) ซึ่งเป็นหน่วยย่อยในสังกัดกองทัพกานโต (Kwantung Army) ที่อยู่ในแมนจูเรีย (Manchuria) ตอนเหนือของจีนซึ่งในตอนนั้นแมนจูเรียอยู่ในการยึดครองของญี่ปุ่น
1940 ธันวาคม, ยามาชิตะ ถูกส่งตัวไปเป็นสายลับทางทหาร ไปยังเยอรมันและอิตาลี
1941 16 มิถุนายน, ยามาชิตะได้มีโอกาสพบกับฮิตเลอร์ (Adolf Hitler) และมุโสลินี (Benito sในเบอร์ลิน และ
6 พฤศจิกายน, ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการกองทัพที่ 25 (25th Army) โดยหลังรับตำแหน่งเขาก็ย้ายสำนักงานกองบัญชาการของเขาไปอยู่ในไซง่อน (Saigon)
8 ธันวาคม, (Invasion of Malaya) ญี่ปุ่นทำการบุกคาบสมุทรมาลายู รวมถึงประเทศไทย
1942 14 กุมภาพันธ์, (Alexandra Hospital massacre)
15 กุมภาพันธ์, (Fall of Singapore) ญี่ปุ่นยึดสิงคโปว์จากอังกฤษได้สำเร็จ ทำให้ยามาชิตะได้รับฉายา “Tiger of Malaya” มาตั้งแต่ตอนนั้น เพราะว่าทหารของจักรวรรดิอังกฤษกว่า 120,000 นายยอมวางอาวุธ ซึ่งเป็นการยอมแพ้ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของกองทัพอังกฤษ
4 มีนาคม, (Sook Ching massacre)
17 กรกฏาคม, ยามาชิตะถูกส่งตัวกลับไปควบคุมกองทัพแมนจูกัว โดยเป็นผู้บัญชาการกองทัพที่ 1 (First Area Army)
1943 กุมภาพันธ์, ได้รับยศนายพล
1944 ตุลาคม, เขาได้รับหน้าที่บัญชาการกองทัพที่ 14 อีกครั้ง เพื่อทำหน้าที่ในการรบกับสหรัฐอเมริกาในสงครามที่ฟิลิปปินส์
17 ตุลาคม, สมรภูมิเลย์เต้ (Battle of Leyte), ไม่ถึงสิบวันหลังจากยามาชิตะมาถึงฟิลิปปินส์ กองทัพสหรัฐฯ และฝ่ายสัมพันธมิตร นำโดยยายพลแม็กอาร์เธอร์ (Douglas MacArthur) ก็ยกพลขึ้นบกที่เกาะเลย์เต้
1945 15 สิงหาคม, ญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้ในสงครามโลก ครั้งที่ 2
2 กันยายน, ยามาชิตะและทหารของเขาในฟิลิปปินส์ประกาศยอมแพ้
29 ตุลาคม- 7 ธันวาคม, เป็นช่วงเวลาที่ยามาชิตะถูกนำขึ้นไต่สวนในศาลอาญกรรมสงคราม ที่สหรัฐฯ ตั้งขึ้นในกรุงมะลิลา ซึ่งยามาชิตะถูกตัดสินประหารชีวิตในข้อหาการก่ออาชญากรรมในหลายเหตุการณ์ ซึ่งมีผู้บริสุทธิ์สังเวยชีวิตไปกว่า 57,000 คน
1946 23 กุมภาพันธ์, ถูกประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ ภายในเรือนจำลอสบานอส, ลากูน่า (Los Banos, Laguna Prison Camp) ฟิลิปปินส์ ห่างจากกรุงมะลิลาไปทางใต้ 48 กิโลเมตร
ร่างของเขาถูกนำไปฝังในสุสานญี่ปุ่นในเมืองลอสบานอส ก่อนที่ต่อมาจะถูกส่งกลับไปยังญี่ปุ่นและฝังไว้ที่สุสานทามะ (Tama Cemetery) ในกรุงโตเกียว
December 25, 2023
Road of Life – RTD
“We have children with some of the most severe conditions. I think there’s no other institution like this in the LPR. Our priority is to… provide a better living environment, to help children learn basic skills, and to make them feel comfortable,” says Yury Ryzhenkov, Head of the Krasnodon Children’s Home. Despite the staff’s dedicated efforts, their passion alone falls short due to a lack of essential equipment and medications. This is why doctors from the “Road of Life” foundation are lending a helping hand to those children grappling with serious illnesses as well as those who care for them. The doctors provide treatment to children in multiple homes and orphanages across the Lugansk People’s Republic. Some of the children require palliative care, while others need surgeries and treatments that are only available in Moscow. Watch the documentary to meet these compassionate people and learn about the challenges they face every day.
Way of the War Reporter – RTD
Way of the War Reporter
Survival guide from veteran war correspondents“When you go to film a war, you should be ready to lose people you’ve become friends with. There are many heroes that I’ve filmed who are already dead,” says documentary filmmaker Maxim Fadeev. Formerly a designer, Maxim quit his job after the coup d’état in Ukraine and became a documentary filmmaker dedicated to depicting the life of the Donbass people during wartime. Since 2014, he has risked his life multiple times under constant shelling and enemy attacks, accumulating invaluable experience in the process. To help other journalists in this challenging job, Maxim, along with other experienced war correspondents, addressed the most important questions about working on the frontline. The journalists have compiled 10 lessons on how to survive hot areas where battle rages, tips that have saved multiple lives. Watch the documentary as they recount their most dangerous experiences and share essential survival rules. However, no matter how diligently you follow the rules, working on the frontline is a tremendous risk. Tragically, one of the founders of the War Correspondents School, Russian correspondent Boris Maksudov, perished in Zaporozhye while the film was in post-production.
December 19, 2023
Haw wars
สงครามปราบฮ่อ (Haw wars)

หลังการล่มสลายของอาณาจักรสวรรค์ไทปิ่ง (Taiping Heavenly Kingdom) แล้ว ทหารของไทปิ่งที่เหลืออยู่ได้กระจัดกระจายออกเป็นกลุ่มๆ ทหารเหล่านี้หนีการไล่ล่าจากรัฐบาลชิง (Qing China) เข้ามายังอินโดจีน โดยเข้าไปยังเวียดนาม ลาว และสยาม ชาวจีนเหล่านี้ตั้งตัวเป็นแก๊งค์ โดยใช้ธงสีเป็นสัญลักษณ์ และออกปล้นวัด และทรัพย์สินของราษฏร์ สร้างความเดือนร้อนไปทั่ว
1864 โดยกองโจรจีนฮ่อ กลุ่มแรกนั้น ใช้ธงสีดำเป็นสัญลักษณ์ จึงเรียกว่ากองทัพธงดำ (Black Flag Army) นำโดย เหลียว หยงฟู (劉永福, Liu Yougfu) กองทัพธงดำนี้แต่เดิมก่อตั้งขึ้นในแถบภูเขาในตังเกี๋ย (Tonkin) ในหมู่บ้านซอน เตย์ (Sơn Tây) ริมแม่น้ำแดง (Red River) ทางตอนเหนือของเวียดนาม
1869 กองทัพธงดำได้เข้าไปสวามิภักดิ์กับจักรพรรดิตึ ดึ้ก (Tự Đức) แห่งเวียดนาม และได้ช่วยเวียดนามในการต่อสู้กับฝรั่งเศสที่เข้ามาล่าอาณานิคม ของทัพธงดำของ เหลียวหยงฟู นั้นจึงเป็นกองทัพที่ถือว่าถูกกฏหมายของเวียดนาม และเหลียวหยงฟู ก็ได้รับการติดยศในกองทัพเวียดนาาม
เพราะว่าเหลียว หยงฟุ นั้นทำงานรับใช้ราชวงศ์ชิงและจักรพรรดิของเวียดนามในการต่อต้านการรุกรานของฝรั่งเศส
กองกำลังฮ่อ อีกกลุ่มหนึ่งที่สำคัญ มีชื่อเรียกว่ากองทัพธงเหลือง (Yellow Banner Army) นำโดย หวง ชงยิ่ง (黃崇英, Huang Chongying) เป็นกลุ่มที่สู้รับกองทัพธงดำกองทัพชิง และกองทัพของเวียดนาม
1872 รัฐบาลจีนสามารถผนวกดินแดนยูนานได้สำเร็จ ชาวจีนในยูนานส่วนหนึ่งจึงหนีลงมาทางใต้ และเข้ามาก่อความไม่สงบอยู่ในลาว
1873 21 ธันวาคม, ฟรานซิส การ์เนียร์ (Francis Garnier ) เจ้าหน้าที่และนักสำรวจชาวฝรั่งเศส ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะสำรวจพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขง ถูกกองทัพธงดำฆ่าตาย ในกรุงฮานอย
ต่อมา หงชงยิ่ง ผู้นำของกองทัพธงเหลือง ถูกจับโดยกองกำลังร่วมระหว่างรัฐบาลชิงและเวียดนาม ทหารที่เหลืออยู่ของกองทัพธงเหลืองนี้ได้หนีมาทางตะวันตกเข้ามายังสิบสองจุไท ทางตอนเหนือของเวียดนามปัจจุบัน, หลวงพระบาง, ล้านช้าง, เวียงจันทร์ ซึ่งเป็นดินแดนที่มีคนเชื้อสายไทอาศํยอยู่กันมาก และในขณะนั้นเป็นดินแดนในอิทธิพลของสยาม
ทั้งชาวจีนที่หนีมาจากยูนาน และทหารของกองทัพธงเหลืองที่เข้ามาในเขตอิทธิพลของสยามนี้เอง ที่สยามเรียกว่า “จีนฮ่อ” พวกทหารจีนฮ่อเหล่านี้รวมตัวกันเป็นกลุ่มใหม่ภายใต้สัญลักษณ์ ธงแดง (Red flag) และธงแถบสี
คำว่า “ฮ่อ” นั้น เป็นชื่อที่สันนิษฐานว่าคนไทยเรียกเพราะความเข้าใจผิด คิดว่าชาวจีนเหล่านี้เป็นชาวมุสลิมที่อาศัยอยู่ในมณฑลยูนานของจีน ซึ่งคนไทยและลาวเรียกชาวจีนมุสลิมว่า “ฮ่อ” และยังเพราะธงสีดำ ที่เป็นสัญลักษณ์ของกองโจรชาวจีนนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์ในช่วงแรกๆ คำว่า “ฮ่อ” จึง มาจาก 回 ( Hui, ฮุย ในภาษาจีนที่แปลว่า “สีดำ”)
ราวปี 1873 กองทัพธงแถบสีสามารถยึดพื้นที่ส่วนใหญ่ทางตอนเหนือลาวปัจจุบันเอาไว้ได้ และกองทัพธงแถบสีก็สามารถยึดเมืองพวน (Muang Phuan) และทุ่งไหโบราณเอาไว้ได้
ในขณะที่กองทัพธงแดงยีดเมืองดียน เบียน ฟู (Dien Bien Pu) เอาไว้
1874 เจ้าอุ่นคำ (Chao Ounkham) แห่งหลวงพระบาง ได้ร่ววมกับจักรพรรดิตึ ดึ้ก ของเวียดนาม ในการปราบกองกำลังจีนฮ่อ แต่ว่าเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
1875 ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้มีการส่งกองทัพสยามไปปราบปรามชาวจีนฮ่อเหล่านี้ แต่ว่าการรบกับกองโจรชาวจีนเหล่านี้กินเวลานานหลายสิบปี ระหว่าง 1875-1890 โดยกองทัพสยามนั้นยกทัพข้ามแม่น้ำโขงบริเวณจังหวัดหนองคาย โดยกองทัพสยามยกทัพไปที่ฮ่อที่เมืองเชียงคาม (Chiangkham) แต่ว่าจีนฮ่อที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวได้ถอยร่นเข้าไปยังเมืองพวนและหัวพัน (Houaphanh) กองทัพสยามอยู่ที่เชียงคามปีหนึ่งก็ยกทัพกลับ
1883 กองโจรจีนฮ่อมีการก่อความไม่สงบรุนแรงขึ้นอีกครั้งหนึ่งในดินแดนของอาณาจักรหลวงพระบาง (ขณะนั้นหลวงพระบางเป็นประเทศ) เจ้าอุ่นคำ จึงได้มีพระราชสานขอควมช่วยเหลือมายังสยาม ทำให้ ร.5 ทรงส่งกองทัพสยามไปยังหลวงพระบางเพื่อให้ความช่วยเหลือ โดยที่ เจมส์ แม็คคาร์ธี (James McChathy) ชาวอังกฤษได้ร่วมไปกับกองทัพสยามด้วย ซึ่งแม็คคาร์ธี ได้บันทึกเหตุการณ์นี้ไว้ได้ละเอียด และนำมาเขียนเป็นหนังสือ Surveying and exploring in Siam ซึ่งในความเห็นของแม็คคาร์ธี กองทัพสยามนั้นไม่มีประสิทธิภาพและขาดการเตรียมพร้อม กองโจรจีนฮ่อนั้นเข้ามายึดเมืองยู (Muang You) ของหลวงพระบางเอาไว้ ส่วนกองทัพสยามนำทัพโดยพระยาสุโขทัย (Phraya Sukhothai) ถูกฝ่ายโจรจีนฮ่อนั้นบุกทำลายค่ายและเสบียงได้ และต่อมาช่วงกลางปีซึ่งเป็นฤดูฝน มีฝนตกลงมาอย่างหนัก พระยาสุโขทัยก็ล้มป่วยด้วยมาลาเรีย ทำให้สยามยกทัพกลับ ส่วนหนึ่งยังอยู่ที่หลวงพระบาง แต่อีกส่วนก็กลับมาตั้งหลักที่หนองคาย ส่วนแม็คคาร์ธี นั้นเดินทางกลับมายังกรุงเทพฯ
1885 14 มกราคม, แม็กคาร์ธี เดินทางกลับไปหลวงพระบางอีกครั้ง และเขาได้พบว่าเกิดการปะทะกันหนักระหว่างฝ่ายสยาม หลวงพระบาง กับโจรจีนฮ่อ ซึ่งฝ่ายโจรจีนฮ่อนั้นมีอาวุธที่ทันสมัย มีปืนไรเฟิ้ลที่ผลิตจากอังกฤษและเชี่ยวชาญการรบแบบสงครามกองโจร และมักจะเข้าโจมตีในเวลากลางคืน
ส่วนกองทัพสยามนั้นยังใช้ช้าง และปืนอาร์มสตรอง (Armstrong 64 mm) ซึ่งเป็นปืนใหญ่น้ำหนักมาก ติดไว้บนหลังช้าง ทั้งยังขาดแคลนกระสุน
พระยาราช (Phraya Raj) ผู้นำของกองทัพสยามได้รับบาดเจ็ดในการรบวันนี้
1887 กองกำลังจีนฮ่อได้บุกยึดหลวงพระบางเอาไว้ได้สำเร็จ โดยที่เจ้าอุ่นคำได้เสด็จลี้ภัยเข้ามาอยู่ในสยาม
แต่ว่าไม่นาน ฝรั่งเศส นำโดยออกัสเต้ ปาวี่ (Auguste Pavie) ได้นำทัพจากเวียดนามเข้ามาขับไล่กองกำลังจีนฮ่อออกไป และยึดหลวงพระบางไว้เป็นรัฐในอารักขาของฝรั่งเศส
ซึ่งฝ่ายจีนฮ่อนั้นหมดอิทธิพลและสลายไปจากการขยายอิทธิพลของฝรั่งเศสในอินโดจีน
1893 เหตุการณ์ รศ. 112, สงครามระหว่างสยาม-ฝรั่งเศส


